Games Reviews

Spiderman Miles Morales Review

การผจญภัยในฐานะ "สไปเดอร์แมน แห่งนิวยอร์กซิตี้"

Spiderman Miles Morales Review

สำหรับในภาคนี้ ตัวเอกเปลี่ยนจากปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ มาเป็นหนุ่มผิวสีเชื้อสายเปอร์โตริโก หนุ่มน้อย ไมล์ส โมราเลส กับการผจญภัยเพื่อการเติบใหญ่ของเขาในฐานะ “สไปเดอร์แมน แห่งนิวยอร์กซิตี้” โดยเหตุการณ์ในคราวนี้เกิดหลังจากภาคแรกราวปีกว่า ๆ เท่านั้น

ในภาพอาจจะมี ไฟ

GAMEPLAY

เมื่อถึงจังหวะแรกที่ผมได้สวมบทไมล์ส โหนใยไปตามตึกสูง ได้โลดแล่นผาดโผนไปทั่วท้องฟ้าของมหานคร ความรู้สึกที่ได้คือ มันคล้ายคลึงกับเกมภาคที่แล้วแทบทั้งสิ้น ซึ่งประเด็นนี้ต้องนับเป็นเรื่องดี เพราะระบบเกมเพลย์ดังกล่าวถือเป็นกระดูกสันหลังของเกมไอ้แมงมุมซีรีส์นี้ครับ

ช่วงต้นเกม จะเป็นช่วงแนะนำว่าคุณจะมี “กิจกรรม” อะไรบ้างให้เลือกทำในฉากแผนที่นิวยอร์ก อาทิ จุดฝึกวิชาผ่านโฮโลแกรมที่ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ จัดไว้ให้ คล้าย ๆ กับการบ้าน ที่หากเราทำแล้วก็จะได้รับเทคนิคเพิ่มเติมใหม่ ๆ ให้เอาไปใช้, ต่อมาก็จะเป็น บรรดาของที่ระลึกแห่งความทรงจำระหว่างไมล์ส กับ “เพื่อนสาวคนสนิท” ที่กระจัดกระจายไปทั่วเมืองให้คุณตามเก็บกลับคืน, จากนั้นก็จะเป็น กล่องเก็บไอเท็มของพวกแก๊ง “อันเดอร์กราวด์” ที่คุณสามารถไปช่วงชิงมาเพื่อใช้อัปเกรดไอเท็มของคุณเองได้, ที่เหลือก็จะเป็นพวกอาชญากรรมเฉพาะหน้าที่เราสามารถเข้าไปจัดการได้เลย กับภารกิจเนื้อเรื่องเสริมจากเหล่าเพื่อนบ้านของไมล์สเอง ที่อาจมีปัญหาให้เราช่วยเคลียร์ เป็นต้น

ทั้งหมดนี้ดูเหมือนเยอะนะครับ แต่ขอบอกว่าถ้าเทียบกับภาคต้นฉบับ มันยังดูน้อยกว่านิด ๆ แต่อย่างไรก็ดี หากรวมเข้ากับภารกิจเนื้อเรื่องหลัก ก็ถือว่าพอเป็นตัวช่วยขยายชั่วโมงการเล่นได้อีกนิดหน่อย

ด้านระบบเกมเพลย์ที่ถือว่าต่างจากภาคแรกอย่างแท้จริงก็คือ ความสามารถพิเศษของไมล์สครับ นั่นคือ การล่องหน กับ พลังไฟฟ้าชีวภาพ “วีน่อม บลาสต์” ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้มีผลอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงหน้าตาการต่อสู้ในเกม

สำหรับการลอบเร้น ไอ้แมงมุมของเราไม่จำเป็นต้องเกาะอยู่บนขื่อคานเพื่อรอสอยศัตรูอีกต่อไป เพราะตอนนี้แค่เปิดพลังล่องหน ก็สามารถย่องไปบนพื้นเพื่อหลบหลีกหรือจัดการศัตรูได้แล้ว ขณะที่พลังช็อตไฟฟ้าก็ใช้ในลักษณะของท่าไม้ตาย กดเพื่อปล่อยท่าแรง ๆ อัดศัตรูเป็นกลุ่ม หรือใช้อัดใส่บอสนั่นเอง

ประเด็นสุดท้ายในส่วนของเกมเพลย์ก็คือ การที่ตัวเกมมอบชุดพิเศษให้ตั้งแต่ต้นเรื่อง กับชุดแมงมุมจากการ์ตูน “spiderman into the spider verse” ที่จะมาพร้อมการปรับเฟรมเรตและเอฟเฟกต์ ให้ออกมาดูเหมือนภาพยนตร์แอนิเมชั่น ซึ่ง….โอ้โห มันว้าวมากเลยครับ! เจ๋งมาก ผมเล่นไปจนเกือบจบเกมถึงเปลี่ยนชุด (เพราะต้องการสกิลบางอย่างจากชุดใหม่ ๆ ในการพิชิตศัตรูในด่านท้ายเกม) ขอบอกเลยว่า การเพิ่มฟังก์ชั่นนี้ ช่วยให้เกมดูแปลกตาจากเดิม ดูสดใหม่ และสนุกสนานในแบบที่เกมสามารถไปได้ในอีกฟีลลิ่งเลยทีเดียว

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และผู้คนกำลังยืน, ข้อความพูดว่า "STORY"

STORY

เกมมีพล็อตเรื่องคร่าวๆ ช่วงเริ่มต้นที่ หนุ่มไมล์ส ซึ่งสูญเสียพ่อไปจากเหตุการณ์ในภาคแรก เขาย้ายจากบรูกลิน มาอยู่ย่านฮาเล็มกับแม่, นางรีโอ โมราเลส ซึ่งกำลังลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเมือง โดยไมล์ส มีเพื่อนสนิทเป็นหนุ่มเอเชียนาม Ganke เพื่อนที่ดีที่สุดที่คอยให้ความช่วยเหลือทุกเรื่อง

เรื่องราวต่อจากนี้จนจบ ว่าด้วยปมสุดคลาสสิก อย่างการเปลี่ยนผ่านของวัยรุ่นสู่การเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมคนรอบข้าง และคนในครอบครัว โดยเฉพาะกับการจัดการชีวิต ทั้งในส่วนของการเป็นคนธรรมดาที่มีภาระแบบหนึ่ง กับฮีโรฝึกหัด ที่ก็มีหน้าที่ในอีกรูปแบบหนึ่ง ให้ต้องกระทำ

ผู้เล่นจะได้พบกับการเล่าเรื่อง “สไตล์เกมโซนี่” ที่ตกผลึกมาอย่างดีจากเกมอื่น ๆ ในสังกัด มันมีส่วนผสมของอันชาร์ตไปจนถึงเดอะลาสต์ออฟอัส…ผู้เขียนหมายถึงบรรดาฉากคัตซีน และฉากอินเกมคัตซีน ที่เน้นการส่งผ่านห้วงอารมณ์ของตัวละครสู่ผู้เล่นโดยตรง…เหล่านี้ถือว่าตัวเกมทำได้ดีไม่มีติดขัด

ที่สำคัญคือเวลาของเหตุการณ์ในเกมภาคนี้ คือย่านฮาเล็มของนิวยอร์กที่เต็มไปด้วยหิมะในช่วงเทศกาลคริสต์มาส อันเป็นเวลาที่สอดคล้องกับโลกจริงของเรา ที่เตรียมเข้าสู่ช่วงปลายปีกันแล้ว ช่วยให้เกมเมอร์หลายคนรู้สึกว่าเข้ากับบรรยากาศในโลกจริงได้เป็นอย่างดี

สรุป

มาถึงบทสรุป ซึ่งหากคุณอ่านมาถึงจุดนี้ก็จะเห็นว่ามีแต่การพูดถึงแต่ด้านบวกของตัวเกม ซึ่งอันที่จริงผมรวมประเด็นที่อยากติติงมากล่าวรวมกันที่บทสรุปนี่ครับ

อย่างแรกคือ ขนาดของเกมที่สั้นเกินไป โดยผมจะไม่บอกว่าเกมมีกี่มิชชัน หรือใช้เวลาไปกี่ชั่วโมงถึงเล่นจบ แต่ผมขอบอกอย่างนี้ว่า ด้วยโครงสร้างของเกมที่ปรากฏ, Marvel’s Spider-Man: Miles Morales สามารถเพิ่มเรื่องราวให้ลุ่มลึกหักมุม จนสามารถขยายขนาดของเนื้อเรื่องหลักได้มากกว่าที่เป็นอยู่นี้ซักสองเท่ายังได้ครับ ซึ่งไม่แน่ใจว่าทีมงานแบ่งเนื้อเรื่องไว้ทำเป็น DLC ตามออกมาด้วยหรือไม่ อย่างไร

และด้วยปัจจัยด้านบน ส่งผลให้ผมขอติเรื่องที่สองนั่นก็คือ เกมมีบอสน้อยมากเกินไป มีไม่กี่ตัวเมื่อเทียบกับภาคที่แล้ว เล่นจนจบแล้วมันรู้สึกยังไม่สะใจยังไงไม่รู้ แถมบางตัวต้องปะทะซ้ำกันสองรอบอีก…ยิ่งลดทอนความน่าสนใจลงไปเยอะเลยทีเดียว

แต่ถึงกระนั้น ถึงแม้ว่าเวลาที่ได้ร่วมผจญภัยไปในดราม่าชีวิตของไมล์ส โมราเลส จะแสนสั้น แต่มันก็เต็มไปด้วยเรื่องราวประทับใจนะครับ เป็นห้วงเวลาที่คุ้มค่า ผมเล่นไปขำไปในบางฉาก ขณะที่ช่วงท้ายก็ซาบซึ้งไปกับบทชีวิตเปรียบดังละครของหนุ่มน้อยรายนี้…ก็แค่อยากใช้เวลาด้วยกันมากกว่านี้อีกหน่อยนึง…ก็แค่นั้นเองครับ

The Review

80% ผมให้ผ่าน

ถึงแม้ว่าเวลาที่ได้ร่วมผจญภัยไปในดราม่าชีวิตของไมล์ส โมราเลส จะแสนสั้น แต่มันก็เต็มไปด้วยเรื่องราวประทับใจ

80%
90%
70%
80%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์