Games Reviews

Guilty Gear Strive – รีวิว [REVIEW]

โดย G-jang

Guilty Gear Strive – รีวิว [REVIEW]

*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Bandai Namco Entertainment มา ณ โอกาสนี้ครับ

ซีรีส์ Guilty Gear ถือเป็นอีกหนึ่งเกมไฟติ้งที่มีอายุยืนยาวใช่เล่น ตั้งแต่สมัย PS1 ในปีค.ศ.1998 แล้วก็ออกภาคต่อ ภาคเสริม ภาคสปินออฟมากมาย จนมาภาคล่าสุดก็คือ Strive ในปีค.ศ.2021 นี้เอง คงต้องออกตัวก่อนว่าแม้ผมเองจะเคยได้ยินชื่อเสียงของซีรีส์นี้มาพอควรและเคยได้เล่นมาบางภาค แต่ผมก็ไม่ใช่คนที่เชี่ยวชาญเกมไฟติ้งอะไรนัก ดังนั้นรีวิวนี้จะขอพูดในฐานะเกมเมอร์ทั่วไปนะครับ


เนื้อเรื่อง

ซีรีส์ Guilty Gear ดำเนินเรื่องในโลกของเราที่มีเหตุการณ์และประวัติศาสตร์แตกแขนงออกไปคนละเส้นทางตั้งแต่ปีค.ศ.1999 ที่เกิดเหตุการณ์สิ่งมีชีวิตลึกลับพยายามก่อตัวถือกำเนิดขึ้นมาผ่านทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จนผู้คนทั่วโลกต่างกล่าวว่ารู้สึกได้ถึง Divine Will (เจตจำนงแห่งเทวา) ทำให้ UN ออกคำสั่งแบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชิ้นบนโลกทันที แต่ผลที่ตามมาก็คืออารยธรรมของมนุษย์เริ่มเสื่อมถอย

ทว่าในปีเดียวกันก็ได้มีกลุ่มนักเวทที่เรียกตัวเองว่า Apostle ปรากฏตัวขึ้นและเริ่มกระบวนการฟื้นฟูสังคมมนุษย์ จนในที่สุดเวทมนตร์ก็ได้กลายมาเป็นมาตรฐานใหม่ในการใช้ชีวิตของมนุษย์บนโลกแทนเทคโนโลยีเก่า ซึ่งเรื่องราวของซีรีส์ก็เริ่มต้นเมื่อได้มีการค้นคว้าวิจัยสิ่งที่เรียกว่า Gear อันเป็นสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์ที่เต็มไปด้วยพลังเวทและ Prototype Gear อย่าง Sol Badguy ที่เป็นตัวเอกหลักของซีรีส์ได้ถูกสร้างขึ้นมานั่นเอง

ถึงแม้จะเป็นเกมไฟติ้งที่สมัยก่อนมักไม่มีเส้นเรื่องหลักชัดเจนและเน้นบอกเล่าชีวิตแต่ละตัวละครเมื่อเล่นจบแยกกันไป แต่ปัจจุบันเกมไฟติ้งแทบทุกเกมเริ่มมีการเขียนเส้นเรื่องหลักที่มีแนวทางชัดเจนมากขึ้น บอกให้รู้กันไปเลยว่าในแต่ละภาคมันมีเหตุการณ์อะไรใหญ่ ๆ และใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในแง่ใดบ้าง ซึ่ง Guilty Gear Strive ก็เลือกดำเนินแนวทางในแบบที่ว่านั่นเอง

Story Mode ของเกมภาคนี้เลือกที่จะบอกเล่าเรื่องราวในลักษณะคล้ายอนิเมซีรีส์ที่มีความยาว 10 ตอน โดยเฉลี่ยตอนละ 20-30 นาที ซึ่งเป็นอนิเมซีรีส์ที่ใช้โมเดลตัวละครในเกมมาดำเนินเรื่องในแบบที่ไม่มีให้เล่นและให้สู้เลย กดเลือกตอนปุ๊บคุณก็นั่งดูไปยาว ๆ จนจบตอนแล้วจะพักไปเล่นตัวเกมหรือจะนั่ง binge ดูยาว ๆ ไปจนจบก็สุดแท้แต่ ถือเป็นแนวทางที่แปลกดีเหมือนกันตัดปัญหาเรื่องฝีมือของผู้เล่นแต่ละคนที่อาจจะเล่น Story ได้ไม่จบทุกคนไปเลย แล้วไปวัดฝีมือกันด้วยโหมด Arcade หรือไม่ก็ Network ไปสู้กับคนอื่นเอา


เกมเพลย์

แต่ไหนแต่ไรมา Guilty Gear เป็นซีรีส์เกมไฟติ้งที่มีความเร็วในระดับสูงมาก ไม่ว่าจะการบุกการตั้งรับ การต่อคอมโบ ทุกสิ่งอย่างผู้เล่นต้องสติอยู่กับตัวตลอดเวลา ถามว่าจะสามารถเล่นงู ๆ ปลา ๆ ในแบบพื้นฐานทั่วไปได้ไหม มันก็พอได้แต่ถ้าคุณไปเล่นกับคนอื่นแบบออนไลน์ล่ะก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจระบบเกมทุกอย่างที่มีเลยก็ว่าได้ ถ้าจะให้ว่าไปแล้วโดยธรรมชาติของเกมไฟติ้งจะมีความเป็น mind game ค่อนข้างสูง (แต่เอาจริง ๆ อะไรที่เป็นการแข่งขันมันก็คือ mind game ในตัวอยู่แล้ว) เพียงแต่กับเกมนี้ผมรู้สึกว่าต้องใช้สมาธิกับมันเป็นพิเศษอยู่

การตัดสินใจจะเป็นอย่างปัจจุบันทันด่วน ไม่มีเวลาให้คุณนั่งเลือกตัดสินใจมากนัก แม้กระทั่งในตอนที่ตัวละครโดนโจมตีจนอยู่ในสภาวะมึนงงป้องกันตัวไม่ได้ก็อาจจะมีเวลาให้คุณเต็มที่หนึ่งวินาทีหรือเกินกว่านั้นนิดหน่อย เรียกง่าย ๆ ว่าถ้าอยากเล่นให้มีประสิทธิภาพคุณไม่สามารถรอดูสถานการณ์แล้วค่อยตัดสินใจได้ แต่ต้องพยายามเดาล่วงหน้าอย่างน้อย 1 หรือ 2 สเต็ปเพื่อที่จะได้รับมือได้ทัน

พูดถึงระบบเกม สิ่งหนึ่งที่หายไปจากภาคนี้ก็คือเอกลักษณ์ดั้งเดิมอย่างระบบ Destroyed ที่เป็นท่าโจมตีซึ่งสามารถชนะคู่ต่อสู้ได้ภายในการโจมตีหนึ่งที แต่ก็แลกกับการที่คุณจะเสียเกจ Tension ไปเลยในตานั้น ๆ เมื่อภาคนี้ตัดระบบดังกล่าวออกก็คงกล่าวได้ว่าตัวเกมมีความเป็นมิตรกับผู้เล่นหน้าใหม่มากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยเพราะจะไม่มีจังหวะที่ร่วงแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวอีกแล้ว ทว่าในทางกลับกันก็เป็นการบังคับกลาย ๆ ให้ผู้เล่นต้องนั่งศึกษาระบบเกมด้านอื่น ๆ ให้ลึกซึ้งขึ้นนั่นเอง

ถ้าถามว่าระบบเกมของ Guilty Gear Strive นั้นลึกซึ้งแค่ไหนก็เอาเป็นว่าถ้าคุณลองเข้า Mission Mode ที่เป็นการสอนระบบการเล่นรวมถึงเทคนิคต่าง ๆ แบบกลาย ๆ คุณจะโดนถล่มด้วยการแดชแคนเซิล, ดับเบิลจัมป์, ไฮจัมป์, ครอสแอทแทค, ไซค์เบิร์สตน้ำเงิน, ไซค์เบิร์สตทอง, โรมันแคนเซิลม่วง, โรมันแคนเซิลเขียว, โรมันแคนเซิลแดง, โรมันแคนเซิลเหลือง ฯลฯ ที่คุณสมบัติและการใช้งานแตกต่างกันไปตามแต่สถานการณ์ มิหนำซ้ำยังไม่รวมกับระบบเฉพาะของบางตัวละครที่จะมีเกจพิเศษเป็นของตัวเองอีกต่างหาก หากคุณอยากมุ่งสู่หนทางแห่งจอมยุทธ์ในเกมนี้ รับรองได้ว่ายาวไกลและเต็มไปด้วยขวากหนามแน่ ๆ ครับ

สำหรับคนที่คุ้นเคยกับเกมไฟติ้งมาตั้งแต่สมัยก่อน ๆ ก็คงรู้กันดีอยู่แล้วว่าเกมไฟติ้งส่วนมากมักมีพวก Super Boss ให้ได้สู้ในตอนท้ายหากคุณเล่นทำเงื่อนไขต่าง ๆ ได้ แน่นอนว่า Guilty Gear Strive เองก็ไม่ต่างกันที่ Super Boss จะทำให้คุณออกอาการตีอกชกหัวหงุดหงิดอยู่ตรงหน้าจอภายหลังจากต้องคอนทินิวเป็น 10-20 รอบ (และก็ยังไม่ผ่าน) พูดง่าย ๆ คือคุณต้องแม่นระบบและงัดกลยุทธ์ทุกอย่างมาใช้จริง ๆ ที่สำคัญคือทุกอย่างต้องเป๊ะไปหมด เพราะถ้าหากพลาดครั้งสองครั้งคุณก็จะร่วงได้ในพริบตาเลย

ในส่วนของระบบออนไลน์นั้น จากที่ลองมารู้สึกว่าลื่นไหลพอควรครับ แม้ว่าจะไปเล่นในภูมิภาคที่ห่างไกลอย่าง North America ก็ตาม (ส่วนหนึ่งเพราะในภูมิภาค SEA นั้นหาคนเล่นด้วยค่อนข้างยาก) ไม่ค่อยรู้สึกว่ามี lag input หรืออะไรเท่าไหร่ และก็อย่างที่เคยบอกไปในตอนช่วงเบต้าว่าล็อบบี้เกมนี้ทำออกมาได้แปลกแหวกแนวดี เพราะทั้งฉากทั้งอวาตาร์จะนำเสนอในรูปแบบพิกเซลหมด ตัดกับโมเดล 3D เซลเฉดคุณภาพสูงในตัวเกมหลักมาก

แน่ล่ะว่าคุณสามารถแต่งตัวอวาตาร์ได้ด้วย แต่ถ้าอยากได้ของมาแต่งเพิ่มเติมก็ต้องไปตกปลาเอา ที่เอาจริง ๆ มันก็คือระบบสุ่มกาชานั่นแหละครับ โดยรวม ๆ แล้วระบบล็อบบี้ถือว่าเข้าใจง่ายและเลือกคู่ต่อสู้ง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน


กราฟิก

เกมนี้แม้เป็นไฟติ้ง 2D แต่นำเสนอด้วยโมเดล 3D แบบเซลเฉดที่คุณภาพสูงมาก ทุกอย่างเหมือนเป็นอนิเมที่บังคับได้เพราะตัวละครแสดงสีหน้าท่าทางได้ดีจริง ๆ เอฟเฟคต์ในการออกท่าก็ฉูดฉาดสีสันจัดจ้าน และที่สำคัญคือทุกอย่างดูรุนแรงในอย่างที่มันควรจะเป็น

แม้กระทั่งในตอนที่ตัวละครใช้ท่าไม้ตายใหญ่เข้าใส่กันก็จะมีการตัดภาพซูมไปที่หน้าตัวละครนั้น ๆ เหมือนกำลังดูอนิเมแต่ก็ไม่เป็นการขัดจังหวะการเล่นแต่อย่างใด หากใครที่เคยเล่น Dragon Ball FighterZ ซึ่งพัฒนาโดย Arc System Works เหมือนกันก็จะคุ้นเคยกับแนวทางการนำเสนอรวมถึงคุณภาพกราฟิกแน่นอนครับ


เสียงพากย์และเพลงประกอบ

เสียงพากย์ในเกมนั้นจัดได้ว่าคุณภาพเหมือนกำลังชมอนิเมโดยเฉพาะในโหมด Story ซึ่งก็คิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ทีมสร้างตั้งใจอยู่แล้ว แต่ตัวเอกจริง ๆ ของหมวดนี้ก็คือเพลงประกอบครับ หลายคนน่าจะรู้กันดีว่าเอกลักษณ์ในแง่เพลงประกอบของ Guilty Gear คืออะไร

แต่สำหรับคนที่ไม่เคยลองเล่นซีรีส์นี้มาก่อนต้องบอกว่าตัวละครแต่ละตัวจะมีเพลงธีมในแนวร็อคแอนด์โรลของตัวเอง ซึ่งมาพร้อมกับเสียงร้องที่เข้ากับบุคลิกลักษณะของตัวละครนั้น ๆ ด้วย ช่วยกระตุ้นเร้าความคึกคักของแต่ละรอบการเล่นได้เป็นอย่างดีเลย โดยส่วนตัวเวลาผมเล่นสู้กับตัวละครไหนก็ตามมันให้ความรู้สึกเหมือนเวลาสู้กับบอสในเกมอื่น ๆ ทุกตาก็ด้วยเพราะเพลงประกอบนี่ล่ะครับ จนถึงขนาดเคยมีคนหยอกเล่นเอาไว้ว่าซีรีส์ Guilty Gear คือการซื้ออัลบั้มร็อคแถมเกมด้วยซ้ำ


สรุป

Guilty Gear Strive เป็นเกมไฟติ้งที่คุณภาพสูงมากเกมหนึ่งของวงการ ไม่ว่าจะการนำเสนอ ความลึกของระบบการเล่น และเพลงประกอบ หากคุณเป็นเกมเมอร์สายไฟติ้งก็ไม่ควรพลาด แต่ถ้าคุณไม่ถนัดเกมไฟติ้งนักแต่อยากลองดู ก็สามารถเล่นได้เพราะระบบเกมนั้นเข้าใจง่ายเพียงแค่จะเล่นให้เก่งนั้นจะมี learning curve ที่สูงเอาการเช่นกัน

เพียงแค่ว่าคอนเทนต์อื่น ๆ นอกจากการสู้กับคนอื่นหรือหวดกับคอมนั้นก็ไม่ค่อยจะมีอะไรให้ทำมากนักเท่าไหร่ แต่โดยรวมแล้วปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกมนี้เป็นไฟติ้งที่ตั้งใจทำมาเป็นอย่างดีไม่มีสุกเอาเผากินครับ

The Review

80% ซื้ออัลบั้มเพลงร็อคแถมเกมไฟติ้ง

Guilty Gear Strive เป็นเกมไฟติ้ง 2D คุณภาพสูงอีกเกมหนึ่งที่ขาไฟติ้งไม่ควรพลาด

80%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์