Reviews

Dakar Desert Rally – รีวิว [Review]

โดย ปอลนาโช่

รีวิว Dakar Desert Rally

ขอขอบคุณโค้ดเกม (PS5) เพื่อการรีวิว จากบริษัท Ripples Thailand มา ณ โอกาสนี้ครับ

ก่อนไปเข้าเรื่องเกม เราไปทำความรู้จักรายการแข่งรถระดับตำนานของโลกกันหน่อย กับ ศึกปารีส-ดาการ์ หรือสมัยนี้เรียกกันว่า ดาการ์แรลลี เป็นการแข่งรถประจำปี เส้นทางการแข่งขันส่วนใหญ่เริ่มต้นจากปารีส มีเส้นทางผ่านภูมิประเทศทุรกันดารหลากหลายชนิดทั้งทะเลทราย บ่อโคลน ทุ่งหญ้า ทุ่งหิน หุบผาสูงชัน เนินทรายในยุโรปและแอฟริกา ไปสิ้นสุดที่ดาการ์ เซเนกัล แต่หลังจากเกิดเหตุสังหารนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสในมอริเตเนีย ช่วงปลายปี 2007 โดยกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะฮ์ ทำให้ต้องย้ายไปจัดในทวีปอเมริกาใต้ ที่อาร์เจนตินาและชิลี ตั้งแต่ 2009 จนถึง 2019 ก่อนที่เมื่อปี 2020 ดาการ์แรลลีย้ายไปแข่งที่ซาอุดีอาระเบียและเรื่อยมาจนปัจจุบัน

การแข่งขันแบ่งออกเป็น 5 ระดับ คือ รถจักรยานยนต์ รถยนต์ (น้ำหนักต่ำกว่า 3,500 กิโลกรัม) รถบรรทุก (น้ำหนักมากกว่า 3,500 กิโลกรัม) ควอดไบค์ และยูทีวี เส้นทางการแข่งขันในแต่ละวัน มีตั้งแต่ระยะทางสั้น ๆ จนถึงเฉลี่ย 800-900 กิโลเมตรเลยทีเดียว

GAME MODE

สำหรับตัวเกม Dakar Desert Rally พัฒนาโดยทีมงาน Saber Interactive ทำออกมาในแนวเกมแข่งรถแรลลี่แบบโอเพ่นเวิลด์ วางขายบน PlayStation5, Xbox Series X|S, PlayStation4, Xbox One และ PC

รูปแบบการเล่นแรกเริ่มเมื่อเข้าเกมจะแบ่งเป็น โหมดอาชีพ, แข่งออนไลน์มัลติฯ, กระดานลีดเดอร์บอร์ด พวกนี้เบสิก เป็นโหมดเล่นพื้นฐานเหมือนเกมแข่งรถทั่วไป ความแตกต่างมันเกิดขึ้นเมื่อคุณกดเข้าไปเล่นแบบอาชีพ ตัวเกมจะแบ่งให้เลือก “โหมดการขับขี่” ซึ่งมีอยู่ 3 แบบ อันนี้แหละครับ หน้าตาที่แท้จริงของ Dakar Desert Rally ถึงจะปรากฏ

โดยอันแรกคือ Sport mode – เป็นระบบการเล่นที่ถือว่าง่ายที่สุด เน้นความเรียบง่าย (แต่ตอนแข่งไม่ง่าย) ให้กับคนเล่น ทีนี้ไอ้ความง่ายที่พูดถึงนี้หมายถึงอะไร มันไม่ได้หมายถึงแค่การเปลี่ยนเกียร์ออโต้ฯ ให้กับคนเล่นแต่เพียงอย่างเดียวนะครับ แต่ความง่ายในที่นี้ก็คือ ตัวเกมมันจะ “นำทาง” (navigation) คนเล่นให้ด้วย เพราะการแข่งขันแรลลี่แบบทางไกลในพื้นที่ที่ไม่มี “ถนน” นั้น ระบบสเตจจะแบ่งเป็นพื้นที่คร่าว ๆ ให้คุณขับผ่านเท่านั้น แต่จะไปเส้นทางไหนตามใจเลย ดังนั้น ในโหมดแบบสปอร์ต เกมมันจะมีลูกศรนำทางให้คุณเป็นระยะ ๆ (ไม่ได้ขึ้นค้างหน้าจอแบบเกมโอเพ่นเวิลด์) โดยมันจะขึ้นชี้ทิศทางให้เวลาคุณผ่านจุดที่มันกำหนดไว้ โดยเส้นทางที่ชี้นั้นจะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุด สั้นที่สุดระหว่างสเตจ

นอกจากนั้น การซ่อมบำรุงรถแข่งยังมีราคาไม่แพงมากในโหมดนี้ แถมซ่อมระหว่างแข่งก็ได้ ในกรณีที่ได้รับความเสียหายรุนแรง แต่จะโดนบวกเวลาเพิ่มหากเรียกใช้บริการการซ่อมบำรุง อย่างไรก็ตาม อย่านึกว่าเลือกสปอร์ตแล้วจะหมูนะครับ เพราะคุณยังสามารถหลงทางได้อยู่ดี โดยเฉพาะเวลากลางคืน หรือเวลาเจอพายุทรายเข้าเต็ม ๆ แถมด้วยบรรดาเอไอคู่แข่งที่ชอบขับชนเราแบบไร้มารยาท อันนี้เจอบ่อยเลยครับระหว่างทดสอบเกม

ถัดมาคือ โหมด Professional ที่จะพูดแบบกระชับก็คือ มันตัดระบบนำทางออกหมด ให้คุณค้นหาเส้นทางเอาเอง (จะมีบอกจุดหมายปลายทางเป็นระยะ) ขอบอกเลยว่าคุณจะหลงทางบ่อยมาก โหมดนี้คุณต้องอาศัยฟังการบอกเส้นทางจากเนวิเกเตอร์ของคุณที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาจะคอยระบุทิศทางที่ควรไปให้ และคอยเตือนทันทีเมื่อคุณกำลังจะขับหลุดทิศ ออกนอกเส้นทางที่ถูกต้อง

ด้านคู่แข่งในโหมดนี้จะเขี้ยวลากดินกว่าเดิม ขับขี่ได้เนี้ยบกว่าในสปอร์ตโหมดเป็นอย่างมาก แต่คุณอาจอาศัยพวกเขาเป็นรถนำทางก็ได้ หากคุณมั่นใจว่าจะบดชนะได้ในช่วงสเตจสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย

สุดท้ายคือ โหมด Simulation ที่สมจริงแบบสุด ๆ คุณจะเล่นโหมดนี้ได้ก็ต่อเมื่อเก็บเลเวลถึงระดับ 25 เสียก่อน ข้อแตกต่างสำคัญของโหมดนี้กับโหมดอื่น ๆ ก็คือ ผู้เล่นไม่สามารถใช้ฟังค์ชัน “เริ่มใหม่ตรงจุดเวย์พอยต์ก่อนหน้า” ซึ่งปกติคุณกดใช้งานได้ในโหมดอื่น ๆ โดยในแบบ Simulation นั้น พลาดแล้วคือพลาดเลย ถ้าคุณพลิกคว่ำ, ชนสิ่งกีดขวาง ฯลฯ คุณจะเสียเวลาไปตามเหตุการณ์จริง ซึ่งในเกมนี้ การจะผ่านแต่ละสนามได้คุณต้องได้ลำดับเกินที่ 8 ขึ้นไป ไม่งั้นต้องเล่นใหม่ ทำให้การเล่นอาชีพด้วยโหมดนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างยากมากเลยทีเดียว ห้ามพลาดเด็ดขาด!

GAMEPLAY

ใครคิดจะซื้อเกมนี้ อ่านหัวข้อนี้ให้ดีเลยนะครับ!

อันดับแรกผมยอมรับว่าคาดเดาผิดเกี่ยวกับเกมเพลย์ของ Dakar Desert Rally โดยตอนแรกผมนึกว่าตัวเกมจะเน้นความสมจริงในการแข่งขัน ชนิดที่ว่าจำลองทุกสัดส่วนมาจากศึกแรลลี่รายการใหญ่ หรือก็คือเป็นเกมประเภทมอเตอร์สปอร์ต Simulation อะไรแบบนั้น แต่เอาเข้าจริง เกมนี้เน้นอารมณ์การเล่นแบบอาร์เคดครับ! ถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็คือ คล้ายเกมอย่าง Colin McRae: DiRT 2 ผสม Forza Horizons นั่นเลย

ทั้งฉากโอเวอร์ ๆ, การขับบ้าบิ่นของคู่แข่งเอไอ, ความเร็วของรถทุกคันที่เร็วเกินจริงไปมาก และการจำลองฟิสิกส์ที่ไม่สมจริง คล้ายหนังฮอลลีวู้ดมากกว่าการแข่งรถในสภาพธรรมชาติจริง ๆ ทั้งหมดทั้งมวลนี้มีครบหมดใน Dakar Desert Rally

ถ้าคุณหวังจะได้เจอเกมแบบ WRC หรือ Dirt Rally 2.0 ขอบอกเลยว่าคุณมาผิดที่แล้ว

แต่! เกมมันมีความสนุกท้าทายในแบบของมัน เป็นความสะใจในแบบที่เกมขับรถเกมอื่นไม่ค่อยมี นั่นก็คือ การฝึกสังเกตุค้นหาเส้นทาง ไหวพริบในการจดจำสภาพสนาม การตัดสินใจให้เร็ว เพื่อเลือกเส้นทางที่ควรขับไปมากที่สุด เหล่านี้คือความสนุกแบบที่ผมเองยอมรับ ยกนิ้วให้เลยกับทีมงาน Saber Interactive

อย่างไรก็ตาม ผมมีข้อตำหนิใหญ่ ๆ เลยก็คือ ในเวอร์ชันปัจจุบัน ตัวเกมมีแค่การแข่งขันแบบแบ่งสเตจ ที่ทุกรอบคุณต้องลงสนามแข่งความเร็วกับรถคู่แข่งสิบกว่าคัน ไม่มีการขับคนเดียวแข่งกับเวลาแบบเกมแรลลี่อื่น ๆ ทั้งที่ช่วงโปรโมตเกมเมื่อหลายเดือนก่อน เกมบอกว่ามีหลายโหมดแข่งขัน มีรูปแบบการเล่นมากกว่านี้ โดยเฉพาะกับโหมดโอเพ่นเวิลด์อิสระ ที่ให้ผู้เล่นขับรถชมทิวทัศน์ได้แบบระยะทางไกล ๆ

ซึ่งพอผมได้ข้อมูลเกมมาประกอบการรีวิวครั้งนี้จากทางผู้จัดจำหน่ายก็ถึงบางอ้อ นั่นก็คือ มันมีครับ! แต่ยังทำไม่เสร็จ โดยเขาระบุโร้ดแมปไว้ว่า จะมีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง (ทั้งฟรีและไม่ฟรี) โดยในปีนี้จะมีการเพิ่มฉากฟรีโรมขนาด 20,000 ตารางกิโลเมตรให้เล่นกัน (เป็นฉากในซาอุฯ) พอปีหน้าก็จะมีการเพิ่มโฟโต้โหมด และระบบรีเพลย์ให้ดูหลังการแข่ง ขณะที่แพ็คที่ต้องเสียเงินซื้อ จะเป็นพวกรถแข่งใหม่ ๆ และสภาพสนามแบบลุยหิมะ เป็นต้น

ART & CREATIVITY

เกมสวยงามมากครับ ทั้งรายละเอียดของฉาก แสงเงา ผิวน้ำ และสภาพอากาศทุกแบบ (ฝน, พายุทราย, สภาพตอนกลางคืน) โดยภาพรวมทั้งหมดของเกมสวยงามกว่าเกม WRC10 อย่างชัดเจน ผมยกให้หัวข้อนี้คือจุดแข็งสำคัญอีกอย่างหนึ่งของเกม Dakar Desert Rally เลยทีเดียว

CONCLUSION

Dakar Desert Rally ถือเป็นเซอร์ไพรส์สำหรับผม ทีแรกไม่หวังว่าจะเจอเกมแข่งรถที่มีความแปลกใหม่และมันสะใจได้เท่านี้ แต่ไม่ใช่ตัวเกมไม่มีข้อเสียนะครับ เพราะผมไม่ชอบเลยกับบรรดาคู่แข่งเอไอที่ขับได้เถื่อนมาก คาดเดาลำบากสุด ๆ และความไม่สมจริงทางฟิสิกส์การเคลื่อนที่ ซึ่งทำให้ควบคุมรถยากมาก (ในช่วงแรก ๆ ของการเล่น) ต้องฝึกใหม่จนชิน ซึ่งพอชินแล้ว กลายเป็นผมกลับไปเล่นเกมแข่งรถอื่น ๆ แทบไม่ได้ ต้องไปปรับมือใหม่หมดอีก

แต่ถึงกระนั้น ระบบการตัดสินใจเลือกเส้นทาง หรือการฟังคำแนะนำจากเนวิเกเตอร์ บวกกับภาพกราฟิกที่ชวนตะลึง ก็ช่วยให้ทุกเซสชันของเกมมีความสนุกลุ้นระทึก เป็นความลุ้นแบบแปลก ๆ ที่ไม่ค่อยพบในเกมอื่น การหลงทางจนเอ๋อ แล้วเกิดฟลุคไปโผล่บนเส้นทางหลักได้เอง ก็สร้างความดีใจแบบที่เกมอื่นไม่มีแน่ ๆ ถึงตอนนี้ผมก็ตั้งตารอโหมด free-roam ที่เขาสัญญาว่าจะอัปเดตให้ช่วงปลายปี คิดว่าถึงตอนนั้นเกมจะยิ่งน่าเล่นขึ้นไปอีก

Pros

  • กราฟิกสวยชวนตะลึง (ของ PS5 นะ)
  • การค้นหาเส้นทางระหว่างสเตจ ทำให้เกมลุ้นระทึกมาก ในเวลาที่มีจำกัดและคู่แข่งวิ่งไล่ตูดมาติด ๆ
  • การแบ่งโหมดการเล่นในเกมออกแบบได้ดี เหมาะกับคอเกมเรซซิ่งทุกระดับ
  • มีรถจำนวนมากภายในเกม แถมมีหลายประเภทครบถ้วนตามรูปแบบของดาการ์แรลลี่

Cons

  • ตัวเกมยังเหมือนไม่สมบูรณ์ ยังรอระบบรีเพลย์หลังแข่ง, โฟโต้โหมด และที่สำคัญคือโอเพ่นเวิลด์ Free Roam Driving
  • AI คู่แข่งขาดความสมจริงโดยสิ้นเชิง ขับพุ่งชนกันเป็น Bot ซะงั้น
  • ลักษณะทางฟิสิกส์ด้านความเร็วและการเคลื่อนที่ในเกม…ดูผิดเพี้ยนไปหมด

The Review

75% แรลลี่หฤโหด ดาการ์แรลลี่!

จากที่ผมเขียนเล่าไปทั้งหมดข้างต้น...ใครจะรอให้เกมปล่อยฟรีอัปเดตจนครบก่อนค่อยซื้อหามาเล่นก็เป็นการตัดสินใจที่เข้าท่าเลยนะครับ

75%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์