Articles Previews

[Preview] พรีวิว – เหยียบเท้าเข้าปราสาทฆาตกรใน The Devil in Me

by Reviewer Ocelot

[Preview] พรีวิว – เหยียบเท้าเข้าปราสาทฆาตกรใน The Devil in Me

[Preview] พรีวิว – เหยียบเท้าเข้าปราสาทฆาตกรใน The Devil in Me

*ขอขอบคุณโค้ดพรีวิวจาก Bandai Namco Entertainment Asia มา ณ โอกาสนี้ครับ
**พรีวิวนี้เล่นบน PC

ในพรีวิวนี้จะเป็นความประทับใจจากการที่ผมลองเล่นเดโม Dark Pictures Anthology: The Devil in Me เกมซึ่งมีฉากหลังเป็นโรงแรมที่ได้แรงบันดาลใจจากฆาตกรต่อเนื่องของสหรัฐฯ คนแรก H.H.Holmes ซึ่งแม้ตัวเขาจะสารภาพว่าได้ลงมือกับผู้เคราะห์ร้ายถึง 27 ศพ แต่นั่นก็แค่ตัวเลขทางการ ตัวเลขเหยื่อของ Holmes อาจมีมากกว่านี้หลายเท่า ถึงแบบนั้น เรื่องสำคัญที่น่ากลัวไม่แพ้กันคือเขาทิ้งร่อยรอยให้คนรุ่นหลังเดินตาม… แล้วเหยื่อในยุคสมัยใหม่กำลังจะเดินเข้าไปในรังทายาทปิศาจตนนี้

ในเดโมตัวนี้จะให้เราลองบังคับตัวละครถึง 4 ตัวด้วยกัน นั่นคือ Charlie ผู้กำกับที่นำทีมถ่ายทำมาโรงแรมนี้ แล้วยังมี Erin, Mark, Jamie ซึ่งตัวละครเอกตัวเดียวที่เกมยังไม่ให้ลองคือ Kate เท่านั้น และเกมยังมีการดำเนินเรื่องโดย The Curator หรือ ภัณฑารักษ์คนเดิม ผู้คอยทำหน้าที่บันทึกทุกทางเลือกของเรา

พูดถึงแง่ตัวละคร ตัวเอกทุกคนจะมีปมและรอยร้าวในใจกับตัวละครอื่น เช่น Charlie ต้องการจะผลักดันโชว์โรงแรมนรกนี้ให้สำเร็จ ในขณะที่ Kate มองว่า Charlie เป็นเจ้านายที่ไม่ได้เรื่อง และเธอก็กำลังมองหาที่เริ่มต้นงานใหม่ ทำให้ Kate จะเถียงเรื่องนี้กับ Mark บ่อย ๆ เพราะเขามีแนวโน้มจะเข้าข้าง Charlie มากกว่า ประเด็นความสัมพันธ์ส่วนตัวพวกนี้เราจะอินค่อนข้างง่าย เพราะมันเป็นเรื่องที่เราแทบทุกคนสัมผัสได้ในชีวิตประจำวัน ไม่กับตัวเองก็กับคนใกล้ตัว

อีกด้านหนึ่งบางตัวละครจะถอดเค้าโครงออกมาจากหนังสยองขวัญที่บางครั้งเวลาเราดู เราจะแอบด่ามันว่าทำไมโง่จัง ทำไมยังคิดไม่ออกว่าที่อยู่กันตอนนี้มันอันตราย ซึ่งไอ้การที่ตัวละครใน The Devil in Me มันมีลักษณะน่าแพ่งกบาลแบบนี้เป็นความตั้งใจของผู้สร้างเลยล่ะครับ เพราะเขาอยากให้ผู้เล่นสามารถเข้าไปมีส่วนโต้ตอบกับความเป็นความตายของตัวละครได้ ไม่ว่าเราจะปล่อยให้มันพบชะตากรรมอันคู่ควรกับสติปัญญา หรือจะหาทางช่วยให้รอด

ในแง่มุมการแสดง ก็ต้องบอกว่าเทคโนโลยีโมแคปช่วยถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก สีหน้า ท่าทาง ออกมาได้ดีกันทุกคน อาจจะมีแค่ Kate ที่ผมแอบรู้สึกว่าตาเธอดูแข็ง ๆ ไปหน่อย ทั้งที่พอดูสัมภาษณ์นักแสดงตัวจริงเธอไม่ใช่คนมีลักษณะของตาแบบนั้น

ว่ากันถึงเรื่องความสยอง The Devil in Me ใช้ความกลัวที่อยู่ใกล้ตัวเราในทุกวันนั่นก็คือ คน หรือ ฆาตกรที่ไม่ได้แค่อยากฆ่าให้จบ ๆ ไป ฆาตกรในโรงแรมนี้มีศิลปะ และถนัดใช้จิตวิทยาในการเล่นกับฝ่ายตัวเอก มันจะใช้สถานที่และสถานการณ์ค่อย ๆ ต้อนเหยื่อให้จนมุมไปเรื่อย ๆ และเมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในโรงแรมของมันเอง ฆาตกรจะมีอิสระเต็มที่ในการวางกฎเกณฑ์แบบวิปริตไปสุดถึงแค่ไหนก็ได้ เช่น การล่อให้ตัวละครต้องตกอยู่ในภาวะเลือกจะเอาชีวิตตัวเองรอด แต่ต้องใช้ชีวิตอีกคนเป็นเครื่องสังเวย หรือจะยอมเสี่ยงช่วยคนที่ไม่รู้จักแทน

ลักษณะฆาตกรแบบนี้จะเข้าข่ายเหมือนฆาตกรซีรีส์ Saw ผู้เล่นจะได้เจอกับกับดัก กลไกมรณะ เครื่องจักรกลประหลาดคอยหลอนตลอดทั้งเกม ช่วงเวลาที่ผมเล่นจนจบเดโมชิมลางนี้ก็มีให้เจอไปแล้วแทบจะทุก 10 นาที ถ้าใครที่ชอบแนวฆาตกรรมที่มองว่างานฆ่าคนเป็นศิลปะ Devil in Me ตอบโจทย์คุณได้แน่นอน

งานหลอกในเกมจะไปแนวทางใช้บรรยากาศของฉาก และใช้เทคนิค Jump Scare เยอะอยู่ครับ ซึ่งมันก็ได้ผลกับผมเกือบทุกครั้ง บางทีเกมใช้มุกง่าย ๆ อย่างแค่ให้ลิ้นชักแคชเชียร์เปิดออกมาเองผมก็สะดุ้งนิด ๆ แล้ว เพราะก่อนหน้านี้เขาทำให้เราคาดไม่ถึงว่าจะเจออะไรแบบนี้

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่เกมใช้คนธรรมดามาเป็นหัวใจของความหวาดกลัวนี้ล่ะครับ เพราะมันทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นความสยองแบบใกล้ตัวและจับต้องได้มากกว่าวิญญาณ หรือ เรื่องเหนือธรรมชาติ

พูดถึงความโดดเด่นด้านเกมเพลย์ การเล่าเรื่องใน Devil in Me ยังเน้นคัทซีนเป็นหลัก อาศัยบทสนทนาที่ขึ้นเป็นวงล้อให้เลือก ซึ่งจะเป็นตัวบอกบุคลิกตัวละครนั้น ๆ เช่น เป็นคนตรงไปตรงมารึเปล่า หรือ เป็นคนที่ไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่น แล้วก็เป็นตัวกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกด้วย

แต่ส่วนของเกมเพลย์ที่เราจะได้บังคับตัวละครจริง ๆ ก็มีการจัดสัดส่วนในปริมาณไม่มากไม่น้อยไปกว่ากัน คุณจะได้เริ่มทำความรู้จักตัวละครอย่าง Charlie ก่อน เป็นส่วนที่เกมจะสอนวิธีเล่นให้เรา ซึ่งใน The Devil in Me ตัวละครแต่ละคนจะมีไอเทมประจำตัว อย่าง Charlie มีการ์ดซึ่งเขาสามารถใช้มันงัดลิ้นชักที่ล็อคไว้ได้ (จะเป็นมินิเกมสั้น ๆ ให้เราเล่น) หรือ Mark ที่เป็นช่างกล้องก็จะสามารถถ่ายภาพสิ่งผิดปกติ เช่น รอยบากบนโต๊ะ ซึ่งน่าจะส่งผลต่อตอนจบของเกมแน่นอน

นอกจากมีของประจำตัวแล้ว ทีมพัฒนายังเคยให้สัมภาษณ์ว่าตัวเอกจะสามารถแลกเปลี่ยนสิ่งของให้กันและกันได้ด้วย ซึ่งจะเพิ่มมิติความซับซ้อนของการเล่นให้มากไปกว่าเดิม แต่เรายังไม่ได้เจอกับสิ่งนั้นในเดโมนี้

อีกสิ่งหนึ่งที่เกมจะให้รางวัลกับนักสำรวจก็คือระบบที่ผมเรียกเล่น ๆ ว่า ลางบอกเหตุ มันจะเกิดขึ้นเมื่อตัวละครได้ค้นพบภาพคล้าย ๆ อนาโตมีของอวัยวะตามฉาก นิมิตจะทำให้เราเห็นเหตุการณ์ในอนาคตแบบเร็ว ๆ ซึ่งผมยังไม่แน่ใจว่ามันจะช่วยให้เราตัดสินใจในช่วงเวลาสำคัญได้มากน้อยแค่ไหน แต่ระบบนี้ก็ทำให้หวนนึกถึงบรรดาไพ่ทาโรต์ทำนายอนาคตในเกม The Quarry เหมือนกันครับ

โดยสรุปแล้ว ผมค่อนข้างประทับใจกับพรีวิวช่วงต้นเกมของ Devil in Me มันชวนให้ค้นหา ชวนขนหัวลุก แล้วก็ชวนให้เราอยากรู้จุดจบ หรือ จุดคลี่คลายของชะตากรรมทั้ง 5 ตัวละคร ที่หลงเข้าไปในรังของคนจิตป่วยที่มีไอดอลเป็นฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของสหรัฐอเมริกา โดย The Dark Pictures Anthology: The Devil in Me จะวางจำหน่ายวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้แล้ว พร้อมเสิร์ฟคอเกมสยองขวัญบนแพลตฟอร์ม PS4, PS5, Xbox Series X และ Series S รวมถึง PC ด้วย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์