Games Reviews

Tactics Ogre Reborn – รีวิว [REVIEW]

โดย G-jang

Tactics Ogre Reborn – รีวิว [REVIEW]

*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Bandai Namco Entertainment Asia / Square Enix Asia มา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นบน PlayStation 5
***รีวิวนี้ยังเป็นฉบับ In Progress ความเห็นจึงอาจเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต

Tactics Ogre นี่เป็นแฟรนไชส์เกม Simulation RPG ที่ผมเคยได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว แต่ก็ไม่เคยได้ลองเล่นจริงจัง ถึงอย่างนั้นผมก็พอจะทราบมาบ้างว่าเกมนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับเกมแนว Sim-RPG เกมอื่น ๆ ในยุคหลังพอสมควรเหมือนกัน ซึ่งในภาค Reborn ที่เป็นการรีเมกของเกมภาคที่เคยวางจำหน่ายในปีค.ศ.1995 บนเครื่องซูเปอร์แฟมิคอม (ซึ่งหลังจากนั้นเกมนี้ก็ถูกนำมาปรับปรุงลงอีกหลายเครื่องในช่วงปีต่อ ๆ มาเช่นเซกาแซตเทิร์น, เพลย์สเตชัน และเพลย์สเตชัน พอร์เทเบิล)

และในคราวนี้ผมก็ได้มีโอกาสเล่นเวอร์ชันล่าสุดอย่างภาค Reborn จึงจะมาเล่าความรู้สึกให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ


เนื้อเรื่อง

เรื่องราวใน Tactics Ogre Reborn นั้นเกิดขึ้นในหมู่เกาะวาเลเรีย (Valerian Isles) ที่ซึ่งเกิดศึกภายในอันเนื่องมาจากความขัดแย้งด้านเชื้อชาติและสถานะทางสังคม โดยกลุ่มกำลังที่ขัดแย้งกันก็แบ่งออกได้หลัก ๆ เป็นสามฝ่ายนั่นคือ บาครัม (Bakram), กัลกัสถาน (Galgastan) และวาลิสเตอร์ (Walister) ซึ่งเดิมทีแต่ละกลุ่มก็อยู่ร่วมกันได้ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ผู้พิชิตอย่างดอร์กาลัว (Dorgalua) ที่รวมทุกฝ่ายให้เป็นหนึ่ง ทว่าหลังจากที่กษัตริย์สิ้นใจไป ความขัดแย้งก็ปะทุขึ้นมาทันที ซึ่งตัวเอกของเรื่องราวในเกมอย่างเดนัม (Denam) และพี่สาวคาชัว (Catiua) ซึ่งเป็นชาววาลิสเตอร์ต่างก็ต้องตกอยู่ในวังวนแห่งความขัดแย้งไปด้วย

อันที่จริง เนื้อหาของเกม Tactics Ogre Reborn นั้น ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจฝักฝ่ายพอสมควรเลยครับ เพราะเริ่มมาเกมก็จะฟาดหน้าคุณด้วย lore เต็มไปหมด พร้อมด้วยศัพท์แสงเฉพาะกิจมากมายไม่ว่าจะชื่อฝ่าย ชื่อคน หรือความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และไม่ใช่แค่สามฝ่ายนี้ที่มันตีกันเองอยู่ในหมู่เกาะเท่านั้น แต่ยังมีกองกำลังจากภายนอกที่เข้ามายุ่งเกี่ยว เข้ามาเป็นแบ็กหนุนหลังให้ฝ่ายนั้นฝ่ายนี้อีก

เรียกได้ว่าถ้าคุณไม่เสียเวลาทำความรู้จักตัวละครและทำความคุ้นเคยกับชื่อต่าง ๆ ก่อน เมื่อเล่นไปคุณจะเกิดเครื่องหมายคำถามตลอดล่ะครับ ว่าไอ้นี่ใครวะ? ไอ้นั่นใครวะ? มันทำอะไรกันวะ? ซึ่งจุดนี้ผมว่าก็โทษคนเล่นที่ไม่เข้าใจไม่ได้ด้วย เพราะเนื้อหาในเกมนี่มันถือเป็นเรื่องราว “บทที่ 7” ของ Ogre Battle Saga ครับ ถ้าให้เทียบเป็นภาพยนตร์ก็เหมือนเวลาคุณเริ่มดู Star Wars ที่ Episode 7 โดยที่ไม่มีพื้นมาก่อนนั่นล่ะครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เนื้อหาในเกมนี่เข้มข้นและจริงจังใช้ได้เลยล่ะครับ ทุกอย่างที่ดำเนินไปในท้องเรื่องนี่ไม่มีใครขาวจัดดำจัด แต่ละฝ่ายล้วนมีการกระทำและการตัดสินใจที่ชวนกังขาทั้งนั้น ซึ่งผู้เล่นในฐานะของเดนัมเองก็จะมีสิ่งที่ต้องตัดสินใจอยู่เนือง ๆ ตลอดทั้งเกมว่าคุณเห็นด้วยกับการกระทำในตอนนั้นหรือไม่ และการเลือกทางใดทางหนึ่งก็จะเป็นการเปลี่ยนเส้นเรื่องไปเลย

ซึ่งผมเคยอ่านเจอบทสัมภาษณ์ของคุณยาสุมิ มัตสึโนะ (Yasumi Matsuno) ว่าแรงบันดาลใจในเรื่องราวของเกมนั้นมาจากเหตุการณ์ความล่มสลายของสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย จนแตกออกกลายเป็นประเทศอิสระ 6 ประเทศและเกิดเป็นสงครามภายในช่วงต้นปี 90s (ที่เรารู้จักกันในชื่อว่าสงครามยูโกสลาเวีย) อันยืดเยื้อ ยาวนาน และมีผู้เสียชีวิตที่คาดการณ์กันเอาไว้ว่าสูงถึง 140,000 ราย

นั่นจึงทำให้เนื้อหาในเกมนั้นเต็มไปด้วยข้อขัดแย้งด้านเชื้อชาติ การเหยียดหยามกันเพียงเพราะชาติกำเนิดต่างกัน เรียกได้ว่าแค่รู้ว่าเป็นอีกฝ่ายก็พร้อมจะฆ่ากันทุกเมื่อแล้ว มันเลยทำให้โทนของเกมนี่หนักและค่อนข้างดำมืดทั้งเกม ไม่มีช่วงผ่อนคลายเบาสมองเลยครับ เกมนี้ไม่มีตัวโจ๊ก ไม่มีใครทำอะไรโง่ ๆ ให้ขำแม้แต่นิดเดียว ถ้าคนที่ชอบอะไรเข้มขรึมจริงจังก็คงชอบสไตล์ของเกมนี้แน่นอน ในทางกลับกันถ้าคุณชอบอะไรสบาย ๆ ก็อาจไม่ชอบเกมนี้ไปเลยเหมือนกัน


เกมเพลย์

Tactics Ogre Reborn คือเกม Simulation RPG ในแบบคลาสสิก ที่เชื่อว่าต่อให้คุณไม่ค่อยได้เล่นแนวนี้ก็คงพอจะจินตนาการออกว่าตัวเกมเป็นอย่างไรในภาพรวม นั่นก็คือแต่ละฉากเราจะต้องเลือกยูนิตที่มีเพื่อจัดกลุ่มลงฉากสู้ โดยที่จำนวนยูนิตอาจจะมากบ้างน้อยบ้างตามสถานการณ์ ซึ่งสิ่งสำคัญก็คือคุณควรจะพิจารณาเลือกคลาสที่หลากหลายเพื่อรับมือกับหลายสถานการณ์ รวมถึงอาจจะส่องดูก่อนด้วยว่าศัตรูในฉากนั้น ๆ มีคลาสอะไรบ้าง เพื่อจะคิดวิธีรับมือเนิ่น ๆ

ทั้งหมดทั้งมวล มันฟังดูเข้าใจง่ายและไม่ยากอะไร แต่เอาเข้าจริง แต่ละฉากนั้นยากเอาเรื่องเหมือนกันครับ ด้วยหลาย ๆ องค์ประกอบของเกม อย่างแรกเลยก็คือตัวเกมมีความเป็น micro management ค่อนข้างสูง ที่คุณจะต้องพิจารณารายละเอียดยิบย่อยมากมายซึ่งจะส่งผลต่อการเล่นและประสิทธิภาพในการต่อสู้ของคุณเอง ความต่างระดับของพื้นที่ รวมถึงอาคารหรือสิ่งกีดขวาง อาจจะทำให้มือธนูของคุณโจมตีไม่ได้เพราะติดอาคาร แม้แต่จอมเวทก็อาจเผลอซัดเวทเข้าหลังหัวเพื่อนถ้าตำแหน่งยืนนั้นขวางศัตรูพอดี ธาตุของแต่ละยูนิตก็จะส่งผลต่อแดเมจที่ทำได้ต่างกันไปด้วยเช่นกัน

สิ่งที่กล่าวไปนั้น คือสิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงแทบตลอดเวลาในการเล่นเลยครับ ยังไม่นับว่า AI ของศัตรูนี่ก็ค่อนข้างฉลาดเหมือนกัน เพราะลงกี่ฉากมันก็ชอบเดินรุมฟาดนักบวชที่ทำหน้าที่เป็นตัวฮีลหลักประจำ ที่สำคัญคือศัตรูแต่ละตัวค่อนข้างอึดมาก แม้แต่ยูนิตที่ทำแดเมจหลักของคุณก็อาจต้องฟาดศัตรูตัวเดิมซ้ำสี่หรือห้ารอบกว่าจะกำจัดมันได้หนึ่งตัว ยังไม่นับว่าถ้าฉากไหนคุณไปเจอพวกอันเดดเข้า แต่ไม่มีนักบวชที่ติดเวท Exorcism สำหรับสวดส่งวิญญาณมาเลย ก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้พวกมันฟื้นกลับมาได้เรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน

การสู้ในแต่ละครั้งของเกมนี้กินเวลานานมากครับ ในบางครั้งก็รู้สึกว่ามันนานเกินจำเป็น แม้ว่าเกมจะมีระบบเร่งสปีดมาให้แล้วก็ตามแต่ทุกอย่างมันยังรู้สึกเชื่องช้าไปหมด เรียกได้ว่าถ้าใครที่เคยชินกับเกมปัจจุบันที่เน้นความรวดเร็วฉับไวในการเล่นนี่อาจจะมีหงุดหงิดได้เลย ยิ่งระบบอย่างบัฟการ์ดที่เก็บแล้วจะเพิ่มค่าพลังของยูนิตในฉากนี่ มันก็มีข้อดีในการช่วยให้ยูนิตนั้น ๆ เก่งขึ้น แต่ในทางกลับกันมันก็ยิ่งทำให้เกมช้าลงเหมือนกันเพราะการเดินไปเก็บก็อาจทำให้คุณเสียจังหวะในการทำอย่างอื่นไปด้วยครับ (และแน่นอนว่าศัตรูก็สามารถเก็บได้เหมือนกัน)

ตัวเกมมีระบบช่วยเหลือผู้เล่นอยู่บ้างในกรณีที่ตัดสินใจพลาดครับนั่นคือ Chariot Tarot ที่ให้คุณย้อนแอ็กชันในเทิร์นก่อนหน้าได้ (จำนวนเทิร์นที่ย้อนได้จะเปลี่ยนไปตามโปรเกรสของเกม) มันเลยพอทำให้ตัวเกมผ่อนคลายความยากลงมาได้บ้าง แต่ถึงกระนั้นผมก็คิดว่าตัวเกมยังมีปัญหาหลายอย่างที่ทำให้มันยากโดยไม่จำเป็นเหมือนกัน อย่างแรกเลยก็คือ AI ของตัวละคร Guest ฝ่ายเราที่มักจะชอบเดินไปหาที่ตายเองแบบงง ๆ เพราะเมื่อไรก็ตามที่ตัวละคร AI ฝ่ายเรา HP กลายเป็น 0 ก็จะตายไปเลยแบบที่ไม่มีนับถอยหลัง 3 เทิร์นเหมือนตัวละครถาวรอื่น ๆ ในปาร์ตี้ (เว้นแค่ตัวละคร Guest ไม่กี่ตัวในปาร์ตี้)

อีกอย่างก็คือเกมนี้ใส่ระบบ Level Cap เข้ามาตามโปรเกรสของเนื้อเรื่องครับ มันเลยทำให้การเข้าเล่น Free Battle (โดยเลือก Training) เป็นอะไรที่ไม่ค่อยให้ประโยชน์เท่าที่ควร คุณจะไม่สามารถมีปาร์ตี้ซึ่งเลเวลเกินกว่าเนื้อเรื่องช่วงนั้นได้เลย จะต้องโดนบังคับให้เล่นในระดับที่เกมกำหนดเสมอ ดังนั้นในทุก Story Battle คุณจะเจอพวกตัวละครบอสที่มักจะเลเวลเท่าคุณหรือไม่ก็เลเวลสูงกว่าคุณบ่อย ๆ ไม่มีทางได้เล่นฉากไหนแบบสบาย ๆ ครับ

ความวุ่นวายอีกประการหนึ่งนอกเหนือจากตอนต่อสู้ก็คือตอนบริหารจัดการปาร์ตี้ของคุณเองนี่ล่ะครับ ผมเข้าใจว่าในภาค Reborn นี้ได้มีการปรับอะไร ๆ หลายอย่างให้มันลื่นไหลกว่าต้นฉบับแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นหน้าจอ UI ตอนซื้อขายไอเท็มและการติดตั้งของสวมใส่มันก็แอบวุ่นวายและรกตาเหมือนกัน การที่พอซื้อไอเท็มแล้วไม่สามารถกดติดตั้งได้เลยแต่ต้องออกมาหน้าจอปาร์ตี้แล้วเลือกใส่ให้ทีละคนนี่มันแอบเสียเวลาใช่เล่นอยู่ครับ

ถึงกระนั้น ตัวเลือกในการปรับแต่งของเกมนั้นสูงมาก ทั้งในแง่ของคลาสที่มีให้เลือกและอาวุธรวมถึงสกิลต่าง ๆ และไอเท็มมากมายที่คุณสามารถคราฟต์ได้ เพราะฉะนั้นถ้าใครที่ชอบเกมซึ่งมีอิสระในการปรับแต่งตัวละครที่หลากหลายล่ะก็ เกมนี้เป็นเกมของคุณแน่ ๆ ครับ ถึงแม้ว่าโดยส่วนตัวผมจะรู้สึกว่าการติดตั้งเวทและสกิลได้แค่อย่างละสี่แบบต่อตัวละครนี่มันน้อยเกินไปมาก ๆ ก็เถอะนะ


กราฟิกและการนำเสนอ

กราฟิกของเกมนี้ไม่ใช่จุดขายแน่ ๆ ล่ะครับ เพราะยังคงสไตล์คลาสสิกที่ตัวละครเป็นภาพด็อตพิกเซล ส่วนฉากแมปจะเป็น 3D โพลีกอนในมุมมองแนวเฉียงที่เราจะปรับมุมมองได้เป็นแบบเบิร์ดอายวิวเผื่อในกรณีที่มองจุดที่ต้องเดิน หรือดูตารางไม่ออกว่าศัตรูอยู่ในระยะโจมตีรึเปล่าอะไรแบบนั้น พวกฉากคัตซีนต่าง ๆ ก็จะมีคุณภาพแบบเดียวกับในฉากเล่นโดยไม่มีการนำเสนอในแบบอื่น ๆ เท่าไรนัก

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมชอบในเกมนี้เป็นการส่วนตัวก็คือภาษาที่ใช้นี่ล่ะครับ ภาษาในเกมนี้สวยมากและเหมาะกับธีมในสไตล์แฟนตาซียุคกลาง ตัวละครเวลาสนทนากันนี่เลือกใช้คำและรูปประโยคในแบบที่ไม่มีทางได้เห็นกันในชีวิตประจำวันแน่ ๆ ถ้าจะมีอะไรที่บันเทิงมากสำหรับผมก็คือบทสนทนาในเกมนี่ล่ะครับ


สรุป

Tactics Ogre Reborn เป็นเกม Sim-RPG ที่คุณภาพสูงนะครับ ระบบเกมนั้นละเอียดและลึกมาก แต่ความละเอียดและลึกที่ว่ามันก็ไม่เป็นมิตรกับมือใหม่หรือคนที่ไม่คุ้นเคยกับแนวนี้เช่นกัน แล้วด้วยจังหวะที่เนิบช้าของเกมนี่มันทำให้คุณต้องทำใจร่ม ๆ ก่อนเล่นทุกครั้งครับไม่อย่างนั้นคุณอาจจะจบแต่ละตาด้วยคำสบถและสาปแช่งที่ตะโกนใส่หน้าจอ ถ้าคุณชอบเกมที่ต้องบริหารจัดการอะไรยิบย่อยเยอะแยะล่ะก็นี่อาจเป็นเกมของคุณ แต่ถ้าคุณชอบความรวดเร็วฉับไวล่ะก็ ขอแนะนำให้ข้ามไปจะดีกว่า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์