Reviews

Warlander – รีวิว ช่วง Closed Beta [REVIEW]

by Reviewer Ocelot

Warlander – รีวิว ช่วง Closed Beta [REVIEW]

รีวิว Warlander (Closed Beta)

*ขอขอบคุณ PLAION Limited สำหรับสิทธิ์ในการเข้าเล่นช่วง Closed Beta ครับ

*ยังไม่ขอลงคะแนนให้นะครับ เพราะเป็นการเล่นบน Closed Beta

Warlander เป็นเกมแนวผู้เล่นหลายคนออกสู้ในสนามรบ เพื่อยึดครองและทำลายฝ่ายตรงข้าม เสริมรสชาติแฟนตาซีด้วย 3 คลาสหลักให้เล่น คืออัศวินผู้กล้า จอมเวท และเคลริก นี่เป็นผลงานของ Toylogic Inc. สตูดิโอที่มีส่วนเข้าไปขับเคลื่อนการพัฒนาเกมชื่อดังหลายเกม เช่น ช่วยพัฒนา Super Smash Bros Brawl หรือ NieR Replicant ส่วน Warlander ไม่ใช่งานแรกที่สตูดิโอออกโรงด้วยตัวเอง พวกเขาเคยทำเกมลักษณะคล้าย ๆ กัน ในชื่อ Happy Wars มาก่อน

เรื่องน่าเศร้าก็คือ ปลายทางของ Happy Wars คือการที่เกมปิดให้บริการไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ดูเหมือน Toylogic Inc. ยังรู้สึกลึก ๆ ว่าแนวทางที่พวกเขาเริ่มไว้มันถูกต้องแล้ว และ Warlander นี่แหละ จะเปิดสังเวียนนัดล้างตาให้พวกเขาได้พิสูจน์ฝีมือที่แท้จริงสักที แน่นอนครับ ผมรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมในการเอาผลงานอดีตมาตัดสินผลงานปัจจุบัน

แต่ถึงจะคิดแบบนั้น… หลังจากได้ลองมือกับ Warlander ไปบ้างแล้ว ก็ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า มันจะทำภารกิจที่ผู้สร้างของมันตั้งเป้าไว้ได้หรือไม่

ทรง Warlander คืออะไร

ก่อนอื่นเลย ถ้าเอาความประทับใจจากสิ่งที่มองเห็นอย่างเดียว ทรง Warlander มันเป็นเกมเน้นงานอลังการเลยครับ นี่เป็นเกมเติมเต็มแฟนตาซีของคนที่อยากเข้าสมรภูมิจริง ๆ มีค่าย คู ประตู หอรบ ไปจนถึง หุ่นยนตร์ยักษ์ ทุกอย่างเท่าที่จะนึกออกว่าในสงครามมันต้องมีอะไร

เสียดาย สิ่งที่มันขาดมีอยู่อย่างเดียว ขาดผู้เล่น…

เรื่องจำนวนผู้เล่นและการหาห้องเป็นสิ่งที่ทำให้ผมลำบากใจอยู่นะว่าผมควรจะรู้สึกยังไงกับ Warlander ดี นี่เป็นเกมช่วงทดสอบที่หาห้องยาวนานมากจริง ๆ เวลาที่น้อยที่สุดเท่าที่เคยเห็นคือ 20 กว่านาที ไม่ว่าผมจะเข้าเกมตอนกลางวันหรือกลางคืน Time Zone ที่เปลี่ยนไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น

พอกด Play แล้ว เกมก็จะให้เราเข้าไปรอในค่ายรบแห่งนึง ให้เข้าไปนั่งคุยกับยุงและยิง AI เล่นไปเรื่อย ๆ จนกว่าคนจะครบ ซึ่งจากประสบการณ์ที่เจอมา มันเกิน 20 กว่านาทีแน่ ๆ

เรื่องสำคัญที่คุณต้องรู้ก็คือ การรอห้องที่ยาวนานทำให้ชั่วโมงบินที่ผมได้เล่นเกมนี้จริง ๆ มันน้อยตามไปด้วย บอกตรง ๆ เลยว่ามันอาจจะดูไม่น่าเชื่อถือถ้าคุณจะเอาความคิดเห็นผมไปตัดสินเกม โดยเฉพาะยิ่งเป็นช่วงทดสอบแล้วยิ่งไม่ควร เพราะฉะนั้นในบทความนี้จะเป็นลักษณะบอกเล่าประสบการณ์ทั่ว ๆ ไปมากกว่า และการคาดเดาอนาคตที่มันอาจจะออกมาผิดจากสวรรค์เป็นอเวจีก็ได้

ส่วนที่โดดเด่น

เอาเรื่องที่ผมชอบก่อนก็คือ ถึงทิศทางงานศิลป์เกมนี้จะให้ฟีลแบบการ์ตูนหน่อย ๆ แต่งานออกแบบแอนิเมชันการเคลื่อนไหวตัวละคร ทำออกมาลื่นไหลและเอาจริงเอาจัง เอฟเฟกต์กางโล่ของอัศวิน หรือ คาถาต่าง ๆ ของพวกพ่อมดพูดได้เต็มปากว่าสวยเลยแหละ

พวกคลาสทั้ง 3 พอกวาดตาดูคร่าว ๆ เหมือนจะมีความสามารถไม่ต่างจากเกมอื่น ๆ ทั่วไป แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว มันมีการออกแบบหลายอย่างเหมือนกันที่ผมรู้สึกว่าคิดได้ไงวะ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือคลาสจอมเวท มันก็จะมีการร่ายคาถาเรียกสายฟ้า ปล่อยบอลไฟ ทั่วไป แต่อีกความสามารถหนึ่ง จอมเวทพวกนี้มันสามารถเอาเวทมนตร์มาดัดแปลงเป็นปืน m16 ทำมือเป็นรูปปืนแล้วรัวกระสุนใส่ฝั่งตรงข้าม คือในคลาสเดียวจะเล่นเป็นจอมเวทก็ได้ เล่นแบบลากหัวคม ๆ ก็ได้

ในแต่ละคลาสยังมีเซตความสามารถ 2 เซต ให้กดเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์ในเกม เช่น อัศวินไม่จำเป็นต้องใช้ดาบกับโล่เสมอไป ถ้าสถานการณ์มันเรียกร้อง ก็สามารถเปลี่ยนไปใช้ปืนพลุไฟไล่บึ้มศัตรูจากระยะไกลได้เหมือนกัน

ในแง่เกมเพลย์นั้น…

ถ้ามองแค่เรื่องตัวละครโดด ๆ Warlander ก็ดูเป็นเกมที่น่าจะมีศักยภาพในการเรียกแขกได้ระดับหนึ่ง แต่พอได้ทดลองเล่นไปสักเกมสองเกม ผมกลับสังหรณ์ว่านี่อาจจะเป็นเกมเล่นฟรีที่อนาคตอาจไม่ได้ไปอยู่บนจอเดสก์ทอปของคนเล่นได้นานอย่างที่ผู้สร้างหวัง นั่นนำมาสู่ปัญหาใหญ่ที่จะพูดต่อไปคือ ความซับซ้อนของเกมเพลย์

ด้านบนที่ว่ามาเป็นส่วนของตัวละครที่เราบังคับ ซึ่งเรียกร้องพลังงานสมองของผู้เล่นระดับนึงแล้ว แต่มันกลับดูเล็กน้อยไปเลยถ้ามาพูดถึงเลเยอร์ความซับซ้อนของเกมเพลย์ ที่ตอนแรกผมและเทสเตอร์อีกหลายคนเข้าใจว่าคอนเสปเกมน่าจะแค่บุกยึดฐานศัตรูไปเรื่อย ๆ แบ่งเป็นสามเลนเหมือนเล่นเกมแนว Moba พอบุกจนถึงปราสาทแล้วก็ทำลายแกนของศัตรูทิ้ง จากนั้นก็รับชัยชนะ

แต่เอาเข้าจริง Warlander ไม่ใช่เกมที่ง่ายเลย คือมันไม่ง่ายทั้งการเล่น และหนักกว่านั้นคือไม่ง่ายในการที่จะทำความเข้าใจ มันไม่ใช่แค่การเลือกตัวละครแล้วเดินหน้ายึดอาคารทำลายประตูฝั่งตรงข้ามอย่างเดียว แต่มันยังมีเรื่องการเลือกจุดวางกำลังพลว่าคนไหนจะเป็นฝ่ายทะลวงฝัน คนไหนจะปกป้องปราสาทด้านใน คนไหนจะไปรับหน้าที่ใช้อาวุธใหญ่ ๆ อย่างปืนประจำหอรบ คนไหนควรไปทำหน้าที่ซ่อมเครื่องกระทุ้งประตู ป้อมไหนที่ต้องการกำลังเสริม คนไหนทำหน้าที่ผู้บัญชาการ (RIP) และ บลา ๆ ๆ

สิ่งที่เล่ามาทั้งหมดพอจินตนาการในหัวเป็นภาพสเกลใหญ่ มันอาจจะดูเข้าท่าตอนนำเสนอเป็นวิสัยทัศน์ก่อนจะสร้างเกม เพราะผู้เล่นก็ดูมีอะไรให้ทำหลายอย่าง พวกคลาสต่าง ๆ ก็มีสกิลให้ใช้หลากหลาย แต่ไอ้ความเยอะตรงนี้แหละครับที่มันจะทำให้การเรียนรู้ Warlander จนถึงขั้น “เล่นเป็น” มันต้องอาศัยความอดทนค่อนข้างสูงมาก

สิ่งที่ผมกังวลเกี่ยวกับ Warlander คือ ชะตากรรมมันจะเหมือนเกม F2P ที่ตอนออกมาใหม่ ๆ คนก็จะรู้สึกตื่นเต้น ได้โอ้โหอ้าหากันตอนแรก ๆ เพราะอะไรมันก็ดูใหม่ไปหมด แต่พอถึงจุดหนึ่งที่ไอ้มนต์สเน่ห์ตรงนั้นมันหายไป แล้วคุณต้องการเรียนรู้ที่จะเล่นกับมันอย่างจริงจัง คุณจะเริ่มรู้สึกว่าเกมมันเต็มไปด้วยคนที่ไม่รู้จะทำอะไรก่อนหลัง วิ่งกับวาร์ปไปมาตามฉากแล้วก็จะมีคนเล่นเป็นจำนวนนึงแบกทีมจนชนะ ถ้าไม่มีก็รอแพ้ไปแบบงง ๆ มันอาจจะทำให้ผู้เล่นจำนวนมากถอดใจไปก่อนได้

ความยากในการเรียนรู้เลยเป็นอุปสรรคของเกมนี้ ถ้าให้ผมประเมินคะแนนการเรียนรู้ของ Warlander ว่ามันควรจะอยู่ระดับไหน? ผมคิดว่าสูงพอ ๆ กับผู้เล่นมือใหม่ที่ต้องไปเล่นเกม Moba อย่าง League of Legends เลยครับ คือลำพังตัวคุณเองถ้าเล่นเป็นอยู่คนเดียวมันก็อาจจะพอไปวัดไปวาถ้าได้ทีมที่รู้หน้าที่ แต่ถ้าอยากจะเล่นให้แบบเข้าถึงแก่นของเกมอย่างเข้มข้น มันคงต้องใช้อะไรมากกว่านั้น เช่น ต้องมีการพูดคุยสื่อสารกันกับทีม จนถึงอาจจะต้องมีทีมที่เล่นด้วยกันเป็นประจำ

มันฟังดูแล้วเหมือนคนมองโลกในแง่ร้าย ผมก็ภาวนาให้สิ่งที่ผมคาดเดามันผิดเหมือนกัน แต่ชะตากรรมของ Warlander ดูจะเดินไปบนเส้นทางเดียวกับรุ่นพี่มันคือ Happy Wars แน่นอนว่าปัญหาการหาห้องอาจไม่ใช่ประเด็นเมื่อเกมเปิดตัวให้เล่น ซึ่งก็คงมีคนอยากเข้าไปโดนของใหม่กันมากมาย แต่นับจากนั้นสักสัปดาห์ หรือ สามสัปดาห์ล่ะ?

สำหรับผม Warlander มันเหมือนเกมที่ถ้าคุณชอบคุณก็จะอยู่กับมันได้ยาว ๆ แต่ถ้าไม่ชอบมันก็จะหายไปจากไลบรารีเกมได้ง่ายมาก แล้วโอกาสที่คุณจะเปลี่ยนใจกลับมาเล่น หรือ พยายามกลับมาศึกษามันใหม่ก็น้อยลงเรื่อย ๆ เพราะผมไม่แน่ใจจริง ๆ ว่า ฐานผู้เล่นที่จะเป็นแฟนเบสให้เกมนี้จะมีมากพอ หรือ ภักดีกับเกมนี้ในระยะยาวหรือเปล่า เพราะตามธรรมชาติเกมที่อาศัยผู้เล่นมากขนาดนี้ ถ้าไม่ดังไปเลย มันก็จะเข้าลูปของ ผู้เล่นน้อย ทำให้หาห้องนาน จากนั้นผู้เล่นที่เหลือก็จะเบื่อและโบกมือลาตาม ๆ กันไป

ตอนนี้เกมเปิดให้เข้าเล่นแล้ว ไปพิสูจน์กันได้ด้วยตัวเอง และขอให้ผมคิดผิดแล้วกันครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์