Games Reviews

Resident Evil 4 Remake – รีวิว [REVIEW]

โดย G-jang

Resident Evil 4 Remake – รีวิว [REVIEW]

*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Capcom Asia มา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นฉบับ PlayStation 5

ปัจจุบันนี้ พอพูดถึงชื่อ Resident Evil ขึ้นมา ผมเชื่อว่าแทบจะไม่มีใครในวงการวิดีโอเกมที่ไม่รู้จักแล้ว เพราะนอกจากแฟรนไชส์นี้จะมีประวัติอันยาวนาน ยังถูกนำไปผลิตเป็นสื่อบันเทิงรูปแบบอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่ก็มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป แต่เมื่อพูดถึงในแง่ของเกม เชื่อว่า Resident Evil 4 (RE4) ที่วางจำหน่ายบน GameCube ปี 2005 (และต่อมาก็ PlayStation 2 รวมถึงแทบจะทุกแพลตฟอร์มในสากลโลก) นั้นเป็นภาคที่อยู่ในดวงใจใครหลาย ๆ คน เพราะเป็นภาคที่ปฏิวัติตัวเองไปแบบผิดหูผิดตา แถมยังทำให้อีกหลาย ๆ เกมเดินรอยตามความสำเร็จในครั้งนั้นด้วย

และในคราวนี้ปี 2023 RE4 ก็ได้กลับมาอีกครั้งในรูปแบบของการรีเมกใหม่ แล้วจะเป็นอย่างไร ผมจะมาเล่าให้ฟังกันครับ


เนื้อเรื่อง

สำหรับ Resident Evil 4 Remake (RE4R) นี้ มีเรื่องราวที่ยังคงอ้างอิงจากภาคต้นฉบับนั่นคือเล่าเหตุการณ์ในปี 2004 โดยมีตัวเอกเป็นลีออน เอส เคนเนดี (Leon S. Kennedy) ซึ่งได้รับการฝึกฝนจนกลายเป็นเจ้าหน้าที่สืบราชการลับของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยที่เนื้อหาจะเชื่อมโยงกับ Resident Evil 2 Remake (RE2R) ก่อนหน้านี้โดยตรงเพราะคัตซีนเล่าย้อนอดีตช่วงต้นเกมจะนำเอามาจากภาคดังกล่าวครับ

ในคราวนี้ลีออนได้รับภารกิจให้ทำการช่วยเหลือลูกสาวประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั่นคือแอชลีย์ เกรแฮม (Ashley Graham) ที่โดนลักพาตัวไปอย่างอุกอาจ ซึ่งเบาะแสล่าสุดที่มีก็ทำให้ลีออนต้องเดินทางมายังหมู่บ้านในแถบชนบทอันห่างไกลในประเทศสเปน และที่นี่เองที่เขาจะได้พบกับฝันร้ายอีกครั้งเหมือนที่เคยเผชิญมาในแร็กคูนซิตี (Raccoon City)

เนื้อหาในองค์รวมของ RE4R นี้ ถ้าให้กล่าวสรุปก็คือใกล้เคียงของเดิมมาก ราว ๆ 90% ได้ครับ สิ่งที่เกิดขึ้น และผลลัพธ์ของเหตุการณ์นั้นแทบไม่ต่างอะไรจากเดิม แต่ก็มีการปรับบทกันนิด ๆ หน่อย ๆ ในแง่คำพูดและการกระทำของตัวละครเพื่อเกลี่ยให้มันสมเหตุสมผลมากขึ้น และสมจริงเป็นไปได้มากขึ้น (และก็แน่นอน รวมถึงเครื่องแต่งกายของตัวละครเช่นกัน)


เกมเพลย์

สำหรับเกมเพลย์นั้น ยังคงความเป็น Third Person Shooter ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่ RE4 ภาคต้นฉบับ และก็เป็นสไตล์ที่ภาครีเมกก่อนหน้านี้นำมาใช้กันหมด ไม่ว่าจะเป็น RE2R หรือ Resident Evil 3 Remake (RE3R) นั่นเอง (ส่วนภาค 7 และ 8/Village นั้นใช้มุมมองสายตาผู้เล่น) แต่แม้จะเป็นสไตล์เดียวกัน แต่ละเกมก็จะมีองค์ประกอบและระบบยิบย่อยต่างกันออกไป

สำหรับ RE4R นั้น มีความเป็นแอ็กชันสูงมาก สิ่งที่ลีออนสามารถทำได้มีมากมาย ความคล่องตัวก็สูง มันเลยทำให้การเจอกับศัตรูในแต่ละรอบ แต่ละชนิดนั้นคนเล่นจะมีระบบต่าง ๆ มากมายเอาไว้รับมือได้อย่างไม่ยากเย็น ไม่ว่าจะการเข้าไปหมุนตัวเตะในตอนที่ศัตรูมึนงง การหลบหลีกในจังหวะคับขัน การใช้มีดปัดป้องการโจมตี ฯลฯ แต่ถึงแม้ว่าตัวละครที่เราเล่นจะเก่งแค่ไหน ทีมงานก็ยังมีการใส่องค์ประกอบหลายอย่างเข้ามาสร้างสมดุลให้กับเกมครับ

หากว่าใครเคยเล่น RE4 ภาคต้นฉบับ ก็น่าจะจำกันได้ว่า ศัตรูนั้นมักจะกลุ้มรุมเข้ามาโจมตีเราเป็นฝูงใหญ่ ๆ ราวกับเป็นม็อบที่กำลังเดือดแค้น ไม่ว่าคุณจะวิ่งหนีไปทางไหนก็มักจะมีตัวที่วิ่งไปดักหน้าดักหลังเพื่อโจมตีคุณไม่หยุดหย่อน ไดนามิกของเกมมันเลยทำให้คุณต้องพยายามเปลี่ยนตำแหน่งบ่อยครั้ง เพราะถ้าหากยืนนิ่ง ๆ รอตั้งรับ รู้ตัวอีกทีอาจมีขวานบินลอยมาเข้าแสกหน้าแล้วก็ได้ แต่ก็ด้วยรูปแบบเกมเพลย์อย่างนี้มันเลยทำให้ผู้เล่นต้องเรียนรู้ระบบต่าง ๆ ที่เกมมีให้ครับ และเมื่อเล่นคล่องแล้วเกมเพลย์มันจะฉับไวมาก แทบไม่มีจังหวะเนิบช้าเลย (เว้นแต่คุณจะตั้งใจลอบเร้น)

อย่างที่ผมเกริ่นไปก่อนหน้านี้ ว่าความสามารถของลีออนนั้นมีมากมาย แต่เกมก็ใส่ระบบเข้ามาสร้างสมดุลเช่นกัน ซึ่งสิ่งที่เด่นชัดที่สุดก็คือระบบมีดที่พังได้นั่นล่ะครับ ใน RE4R นี้ มีดของเรานั้นเอนกประสงค์มาก ทั้งใช้ลอบสังหารศัตรู ใช้ปาดใช้แทงในระยะใกล้เมื่อคับขัน และที่โดดเด่นที่สุดก็คือมีดเรานั้นปัดการโจมตีได้แทบจะทุกชนิดเลย แต่ทุกแอ็กชันมันก็แลกมากับความเสียหายของมีดนั่นเอง หากว่ามีดคุณแตกแถมยังไม่มีเล่มสำรอง คุณก็จะไม่มีอะไรไว้ป้องกันตัวระยะใกล้ (แต่แน่นอน เงินแก้ไขได้เพียงแค่คุณไปจ่ายค่าซ่อมแซมกับพ่อค้า)

ในความคิดของผมนี่ซีรีส์ RE เป็นเกมที่มีหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งก็คือการบริหารทรัพยากร (Resource Management) ว่าจะหยิบอะไรมาใช้ดี จะสู้หรือจะหนีดี ซึ่งใน RE4R นี้ก็นำเอาหลักการดังกล่าวมาใช้ให้ผู้เล่นต้องตัดสินใจเรื่องมีดของตัวเองด้วยนี่ล่ะครับ แต่ไม่แค่นั้น เพราะใน RE4R นี้ เพิ่มระบบการคราฟต์ไอเท็มเข้ามาจากเดิมที่ต้นฉบับนั้นไม่มี มันเลยยิ่งทำให้ผู้เล่นต้องเลือกตัดสินใจด้วยทรัพยากรที่มี ว่าจะนำไปสร้างเป็นอะไร สถานการณ์ที่เจอควรใช้ปืนลูกซองไหม หรือว่าใช้กระสุนไรเฟิลเพื่อสอยศัตรูจากระยะไกลไปเลย อะไรแบบนั้น

จุดหนึ่งที่การรีเมกครั้งนี้เพิ่มเติมเข้ามาและเป็นสิ่งที่ดีมากในความคิดผมก็คือคำร้องขอ (Requests) จากพ่อค้าครับ ถ้าใครจำเกมต้นฉบับได้ จะมีช่วงสั้น ๆ ต้นเกมให้เราได้ตามหาเหรียญน้ำเงินเพื่อไล่ยิงให้ครบ จากนั้นก็ไปรับรางวัลเป็นปืนพันนิชเชอร์ (Punisher) ได้จากพ่อค้า โดยที่องค์ประกอบเช่นว่าโผล่มาครั้งเดียวตลอดทั้งเกมแบบงง ๆ ราวกับทีมงานทำกันไม่ทัน ในรอบนี้ก็เลยมีการเพิ่มเติมให้เยอะขึ้นเป็นกิจจะลักษณะและทำหน้าที่เป็นไซด์เควสต์ของเกมไปซะเลย และยังจูงใจให้เล่นด้วยเพราะคุณจะได้รางวัลมาเป็นหินสปิเนล (Spinel) ที่ในคราวนี้ยกระดับจากสมบัติราคาถูกกลายมาเป็นสกุลเงินอีกแบบหนึ่งไว้ใช้แลกของจากพ่อค้าแทนครับ เรียกได้ว่าออกแบบในส่วนนี้มาได้ดีเลยล่ะ

หรือถ้าใครคิดถึงสนามยิงปืนจากภาคต้นฉบับที่คุณจะได้เงินมาเป็นรางวัลเมื่อเคลียร์ตามเงื่อนไข รอบนี้เกมก็เพิ่มองค์ประกอบส่วนนั้นเข้ามามากขึ้นกว่าเก่าครับ โดยรางวัลที่คุณจะได้รับก็คือเหรียญเงินหรือเหรียญทอง ที่เอาไว้ไขตู้กาชาที่จะสุ่มเครื่องรางติดกระเป๋าออกมาให้คุณ ซึ่งเครื่องรางเหล่านี้จะมาพร้อมกับคุณสมบัติแบบ passive ต่าง ๆ นานาแล้วแต่ความหายาก บ้างก็ทำให้ศัตรูดรอปไอเท็มบางอย่างเยอะขึ้น หรือทำให้เราฟื้นพลังได้มากขึ้นเมื่อใช้สมุนไพร เป็นต้น

โดยรวมแล้วผมคิดว่า RE4R นี้เป็นภาคที่นำเอาโครงร่างหลักของภาคต้นฉบับที่มันดีอยู่แล้ว มาปรุงแต่งเพิ่มเติมให้ทันสมัยและเพิ่มความฉับไวมากขึ้นกว่าเก่า อีกทั้งยังหยิบยกระบบจากภาคก่อนหน้าในยุคใหม่อย่างการใช้มีดสลัดการโดนจับ หรืออื่น ๆ เข้ามา มันเลยเป็นเกมที่มีไดนามิกสูงมากอย่างที่กล่าวไป ไม่ว่าจะสู้กับศัตรู หรือจะสู้กับบอสก็ล้วนแต่มีโมเมนต์ให้คุณได้ระทึกแทบจะตลอดเวลาครับ ยิ่งใครที่ชอบฉากการดวลมีดระหว่างลีออนและเคราเซอร์ (Krauser) จากภาคต้นฉบับล่ะก็ คุณจะได้เต็มอิ่มกับการรีเมกครั้งนี้แน่ ๆ

หากจะมีเพียงแค่บางอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผมแอบเสียดายก็คือรีเมกครั้งนี้มีการปรับรายละเอียดให้สมจริงขึ้นเยอะ แต่เพราะด้วยเหตุนั้นนั่นล่ะมันเลยทำให้บางฉากบางซีนที่คนจดจำได้ก็มีอันต้องโดนถอดออกไปจากเกมโดยปริยาย ซึ่งในฐานะที่ผมเคยเล่นภาคต้นฉบับมามันก็เป็นอะไรที่แอบผิดหวังเล็ก ๆ อยู่นิดหน่อย แต่ไม่ต้องกังวลไป ลีออนก็ยังคงดูเป็นยอดมนุษย์ประเภท One Man Army เช่นเคย แค่ว่ารอบนี้มีความเป็นดันเต้น้อยลงแค่นั้นเอง


กราฟิก

สำหรับกราฟิกนั้น สวยงามตามที่คาดหวังได้จากซีรีส์ Resident Evil ในยุคหลังครับ พวกดีเทลเสื้อผ้าหน้าผมนี่ละเอียดดีมาก และสิ่งที่หลายคนคาดหวังจากซีรีส์นี้อย่างความอี๋แหวะ เกมนี้ก็มีให้แบบไม่กั๊กเหมือนกัน ไม่ว่าจะจากตอนที่เราตายเองหรือจากตอนที่เราถล่มศัตรูด้วยสรรพาวุธต่าง ๆ

อย่างที่หลายคนก็รู้กันอยู่แล้ว ว่าเชื้อร้ายในเกมภาคนี้เป็นเชื้อปรสิตแทนที่จะเป็นไวรัสเหมือนภาคก่อนหน้า (และไม่ใช่เชื้อราในแบบภาค 7 หรือวิลเลจ) เวลาคุณโจมตีศัตรูจนเกิดความเสียหายทางกายภาพนั้น ส่วนที่หลุดขาดออกไป จะมีรยางค์โผล่มาสะบัดไปมาอย่างชัดเจนเพื่อแสดงให้เห็นว่าศัตรูทุกตัวนั้นมีปรสิตแฝงร่างกันหมด ถ้าคุณยิงหัวมันแตก รยางค์ก็โผล่ออกจากคอ ถ้าแขนขาดก็จะมีโผล่ให้เห็นจากบาดแผล หรือแม้แต่ตอนตัวขาดก็เช่นกันครับ

ไม่ว่าจะความสะใจในตอนได้กำจัดศัตรู หรือความตกใจในตอนได้เห็นลีออนตายแบบโหด ๆ ล่ะก็ เกมนี้มีให้หมดครับ ใครที่กังวลว่าเกมจะเซ็นเซอร์ตัวเองเพราะในเดโมลีออนโดนเลื่อยไฟฟ้าแล้วหัวไม่ขาด ก็ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นครับ ในเกมยังมีจังหวะอื่น ๆ รอกุดหัวลีออนอีกเพียบอยู่


เสียงประกอบ

งานเสียงของเกมนี้ทำออกมาได้ดีมาก เสียงเอฟเฟกต์ปืนเวลายิงนี่แน่นหูดีจริง ๆ ยิ่งถ้าเป็นปืนแรง ๆ เสียงยิ่งดังฟังชัด หรือพวกเสียงเอฟเฟกต์อื่น ๆ เช่นชุดเกราะเหล็กเวลาเคลื่อนไหวนี่มันก็ชวนให้แอบวิตกจริตได้อยู่เวลาที่เรามองไม่เห็นตัวมัน เสียงพูดต่าง ๆ ของศัตรูเวลาที่มันเจอเรานี่ก็ออกแบบมาดีครับ เพราะถ้ามันอยู่ห่างเสียงก็จะยิ่งเบาลงตามไป ทำให้ผู้เล่นพอจะประเมินตำแหน่งของศัตรูได้ระดับนึงเหมือนกัน


สรุป

Resident Evil 4 Remake นี้ถือเป็นผลงานการรีเมกที่คุณค่าสูงมาก ไม่ว่าจะมองในมุมของเกมรีเมกหรือในมุมของการเป็นเกมของตัวเอง ถ้าคุณชอบต้นฉบับ ผมก็มั่นใจว่าคุณจะชอบฉบับรีเมกนี้เช่นกันครับ

The Review

95% ภาคเก่าในโฉมใหม่ ไม่ด้อยกว่าต้นฉบับ

นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างของการรีเมกเกมในอดีตที่ควรทำ นั่นคือคงองค์ประกอบเดิมที่คนชื่นชอบไว้ แต่เพิ่มเติมสิ่งใหม่ ๆ เข้าไปโดยไม่เสียรสชาติเดิม หากคุณชื่นชอบต้นฉบับ ก็จะไม่ผิดหวังกับภาครีเมกนี้ครับ

95%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์