Games Reviews

Teslagrad Remastered – รีวิว [REVIEW]

โดย G-jang

Teslagrad Remastered – รีวิว [REVIEW]

*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Ripples Thailand มา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นบน PlayStation 5

Teslagrad Remastered นี้คือเกมฉบับรีมาสเตอร์จากต้นฉบับที่วางจำหน่ายในปีค.ศ. 2013 บน PC ครับ (ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้มีการวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ตามมา) โดยในปี 2023 นี้ ตัวเกมก็ได้ถูกนำมาวางจำหน่ายใหม่บนคอนโซลยุคปัจจุบันและ PC อีกครั้งพร้อมแปะข้อความต่อท้ายว่าเป็นฉบับรีมาสเตอร์ที่ปรับปรุงความละเอียดของงานภาพใหม่

แต่เอาล่ะ ด้วยความที่ผมเองก็ไม่เคยเล่นต้นฉบับมาก่อน รีวิวในครั้งนี้จึงจะเป็นการอธิบายด้วยความรู้สึกสด ๆ แบบที่ไม่มีความหลังให้เปรียบเทียบล่ะนะครับ


เนื้อเรื่อง

Teslagrad ดำเนินเรื่องราวในอาณาจักรแห่งอิเล็กโทรเปีย (Elektropia) ที่ราชาผู้ปกครองดินแดนนั้น ไล่ล่ากวาดล้างบรรดาผู้ใช้ศาสตร์แห่งกระแสไฟฟ้าหรือเทสลาแมนเซอร์ (Teslamancer) อย่างไม่ลดละ และวันหนึ่งตัวเราที่เป็นเพียงเด็กหนุ่มผู้ใช้ชีวิตในเมือง ได้ถูกบรรดาทหารองครักษ์ไล่ล่าอย่างไม่มีเหตุผล ผู้เป็นมารดาจึงได้บอกให้เรารีบหลบหนีไป ซึ่งจากการหลบหนีครั้งนั้น โชคชะตาได้พาตัวเรามายังหอคอยเทสลากราด (ชื่อเดียวกับชื่อเกมเลย) ซึ่งเคยเป็นที่อยู่ของเหล่าเทสลาแมนเซอร์ ที่ปัจจุบันถูกทิ้งให้รกร้าง และที่แห่งนี้เองที่ตัวเราจะได้รับรู้ถึงเรื่องราวความเป็นมาอันเป็นจุดกำเนิดของความขัดแย้งทั้งหมด

สำหรับการบอกเล่าเรื่องราวในเกมนี้ ใช้สไตล์การเล่าแบบมินิมอลมาก ๆ ครับ เพราะตลอดทั้งเกมจะไม่มีบทสนทนาเลย ไม่มีเสียงพากย์ ทุกสิ่งจะเล่าด้วยภาพประกอบและสภาพแวดล้อมที่เราได้พบเจอ รวมถึงบรรดาการ์ดต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายไปทั่วเกม ทีแรกผมก็คิดว่าวิธีการเล่าแบบนี้มันไม่น่าจะเวิร์ก แต่กับเกมนี้ก็กลายเป็นว่ามันเข้าท่าไม่เบาครับ เพราะเมื่อคุณเก็บการ์ดครบทุกใบ (รวมถึงสังเกตสิ่งต่าง ๆ ในสภาพแวดล้อม) มันจะเคลียร์หมดในตัวเองเลย ว่าเรื่องราวความเป็นมานั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง เป็นการเล่าแบบไม่ต้องเล่าที่ไม่ค่อยได้พบเห็นบ่อย ๆ ในเกมครับ


เกมเพลย์

เกมเพลย์โดยหลักของ Teslagrad นี้ก็คือเกมแอ็กชันแพลตฟอร์ม 2D ที่เน้นหนักไปด้านการแก้ปริศนาในลักษณะของ environmental puzzle นั่นคือคุณต้องสังเกตสภาพแวดล้อมแล้วคิดหาทางไปต่อ โดยที่ตัวเกมจะไม่ได้มีคำใบ้หรืออะไรให้ ต้องอาศัยความช่างสังเกตของผู้เล่นล้วน ๆ รวมถึงการทดลองใช้ความสามารถต่าง ๆ ที่มีครับ (ซึ่งก็จะปลดล็อกเพิ่มให้เราทำอะไรได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ตามเนื้อเรื่อง)

สิ่งหนึ่งที่เกมนี้ทำได้โดดเด่นจนประทับใจก็คือการใช้คอนเซปต์ของ “แม่เหล็ก” มาใช้ในเกมครับ เพราะตลอดทั้งเกมนี้จะมีพื้นผิวและวัตถุสำคัญที่เราต้องใช้งานเพื่อผ่านฉาก คือหินสีแดงและหินสีน้ำเงิน ซึ่งความสามารถหลัก ๆ ของเราที่ต้องใช้งานบ่อย ๆ ก็คือการสร้างคลื่นสีแดงหรือสีน้ำเงินมาคลุมตัว โดยเจ้าคลื่นที่ว่านี่ล่ะที่จะทำปฏิกิริยากับหินทั้งสองสี หากเป็นสีเดียวกันตัวเราจะโดนผลักออก แต่ถ้าต่างสีกันตัวเราจะโดนดูดเข้าไปใกล้ ซึ่งระบบแม่เหล็กที่ว่านี่ล่ะที่คนเล่นจะต้องทำความคุ้นเคย เพราะพัสเซิลทั้งเกมออกแบบมาให้ต้องใช้งานระบบนี้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

หากจะให้พูดถึงความยากล่ะก็ เอาเข้าจริงหลายพัสเซิลไม่ได้ยากครับ แต่ต้องอาศัยความคิดไวทำไวมากระดับหนึ่ง เพราะทั้งเกมนี้มีกับดักที่จะมาสะกิดเราทีเดียวร่วงตลอดทั้งเกมเหมือนกัน มันเลยทำให้หลายต่อหลายครั้งคุณอาจจะต้องพลาดแล้วพลาดอีกจนกว่าจะสามารถวิ่งผ่านบรรดาสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ได้อย่างเพอร์เฟกต์นั่นล่ะครับ ถึงกระนั้นผมก็ต้องยอมรับว่าพัสเซิลของเกมนี้ดีไซน์ออกมาดีมากและสนุกใช้ได้เลย เพียงแต่ถ้าพลาดบ่อย ๆ มันก็ชวนหงุดหงิดเอาเรื่องได้อยู่เหมือนกัน นั่นเพราะแรงดูดและแรงผลักของแม่เหล็กในเกมนี้ค่อนข้างละเอียดครับ คุณต้องกดเปิดใช้พลัง หรือปิดใช้พลังให้ถูกจังหวะแบบเป๊ะระดับหนึ่ง มากไปตัวคุณอาจโดนดูดไปชนกระแสไฟฟ้าบนเพดาน น้อยไปคุณก็อาจร่วงไปชนกับดักด้านล่าง อะไรทำนองนั้น

องค์ประกอบอีกอย่างหนึ่งที่ทำออกมาได้ดีคือบอสไฟต์ครับ วิธีการสู้บอสของเกมก็ใช้องค์ประกอบของระบบแม่เหล็กเป็นหลัก แน่นอนว่าแต่ละตัวก็มีวิธีรับมือที่ต่างกัน และมีจังหวะที่เปิดโอกาสให้เราโจมตีได้ไม่เหมือนกัน ผู้เล่นต้องสังเกตแพทเทิร์นการโจมตีของบอสให้ดีว่าตอนไหนต้องหลบ ตอนไหนต้องโจมตี เพราะก็อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าเกมนี้เราโดนอะไรต่ออะไรสะกิดหนึ่งทีก็ลงหลุมแล้วนั่นล่ะครับ ระบบนี้มันเลยทำให้คนเล่นต้องโฟกัสเป็นพิเศษ เพราะไม่งั้นก็ต้องมาสู้ใหม่อีกทีแต่แรก ถามว่ามันโอเคไหม? มันก็โอเคอยู่ล่ะครับ เพราะนี่เป็นระบบแบบเกมแอ็กชันคลาสสิกเลยที่มักออกแบบเกมมาให้เราตัวนิ่ม ๆ แต่ถามว่ามันแอบน่าหงุดหงิดไหม? ก็ใช่อีกล่ะครับ

สิ่งหนึ่งที่ต้องแจ้งให้ทราบกันก่อนก็คือ ตัวเกมค่อนข้างสั้นมากครับ ถ้าเล่นแบบปกติทั่วไปแค่พอได้เห็นเครดิต ก็จะอยู่ราว ๆ 5-6 ชั่วโมง ส่วนถ้าเก็บสมบูรณ์ก็อยู่ที่ราว ๆ 8 ชั่วโมงได้


กราฟิก

กราฟิกในเกมนี้ นำเสนอในแบบงานวาดด้วยมือสไตล์ 2D ทั้งเกม ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมชอบงานออกแบบฉากและอะไรต่าง ๆ ในเกมครับ ถึงมันจะดูเรียบง่ายแต่เอาเข้าจริงมีรายละเอียดที่อัดแน่นพอควร งานศิลป์ของเกมในแต่ละฉากแสดงให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวาของเกมได้ดี ที่สำคัญคืออนิเมชันการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ก็ดูลื่นไหลใช้ได้ คล้ายเวลาดูอนิเมชันจากฝั่งตะวันตกครับ


เสียงประกอบ

แม้ว่าทั้งเกมนี้จะไม่มีเสียงพากย์เลย แต่ในด้านงานดนตรีคือดีมากทีเดียวครับ บางธีมนำเสนอในแบบที่ทำนองฟังดูอ้างว้างลึกลับ ส่วนจังหวะที่เป็นฉากไล่ล่าก็ทำดนตรีตื่นเต้นแต่แฝงไว้ด้วยบรรยากาศชวนฉงน ซึ่งในหลาย ๆ ธีมของเกมนี้สิ่งที่ผมชอบคือการใส่ท่วงทำนองการร้องประสานเสียงที่สะกดให้ตั้งใจฟังได้เลย

ส่วนเครื่องดนตรีในบางเพลงก็จะแทรกจังหวะด้วยเสียงหนัก ๆ เหมือนเป็นเสียงเครื่องจักรเข้ามา แต่ขณะเดียวกันก็มีดนตรีที่ยิ่งใหญ่แบบที่มักได้ยินในเกมแฟนตาซี ซึ่งก็สอดคล้องกับการดีไซน์สภาพบ้านเมืองในเกมที่ดูคล้ายยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมของอังกฤษที่ผสมกับยุโรปยุคกลางครับ

ทั้งนี้ทั้งนั้น เพลงเสียงร้องที่เป็นเพลงธีมหลักของเกมนี่คือเพราะมากครับ น้ำเสียงของนักร้องหญิงนั้นทรงพลังมาก ส่วนดนตรีก็อลังการจนชวนขนลุกเลยครับ


สรุป

Teslagrad Remastered เป็นเกมแอ็กชันแพลตฟอร์มเน้นพัสเซิล 2D ที่มีคุณภาพสูงมากเกมหนึ่ง ไอเดียการนำเอาหลักการของแม่เหล็กมาใช้นี่ทำให้เกมมีเอกลักษณ์โดดเด่นขึ้นมาในทันที ถ้าคุณสนใจเกมอินดี้น้ำดีที่ใช้เวลาเล่นไม่นานและเพลินกว่าที่คิด ผมก็ขอแนะนำให้ลองเกมนี้เลยครับ

The Review

80% มาขับไล่ความมืดมิด ด้วยพลังสถิตแม่เหล็กไฟฟ้า

Teslagrad Remstered คือเกมอินดี้ชั้นดีที่โดดเด่นด้วยไอเดียอันสร้างสรรค์ นี่คือหนึ่งในเกมที่เป็นตัวอย่างอันดีว่าหากทุนสร้างคุณสู้บริษัทยักษ์ใหญ่ไม่ได้ คุณก็ต้องนำเสนอด้วยไอเดียที่โดดเด่นไปเลย

80%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์