รีวิว Tiny Tina’s Assault on Dragon Keep: A Wonderlands One-Shot Adventure
*รีวิวนี้เป็นของระบบ PS4 ที่เล่นบนเครื่อง PS5
**ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก 2K games มา ณ โอกาสนี้ครับ
ผมยอมรับว่าค่อนข้างเซอร์ไพรส์เล็กน้อยที่ได้เห็นชื่อเกมนี้ กลับมาขายใหม่ในปี 2021 เพราะ การผจญภัยสุดเพี้ยนในโลกจินตนาการของสาวน้อยทีน่านี้ เคยขายดิบขายดี(มั้ง)กันไปแล้วตั้งแต่ปี 2013 นู่นเลยครับ โดยวางจำหน่ายเป็น DLC ลำดับที่ 4 ให้กับเกมหลัก Borderlands 2 (DLC สามตัวแรกคือ Captain Scarlett and Her Pirate’s Booty, Mr. Torgue’s Campaign of Carnage และ Sir Hammerlock’s Big Game Hunt)
สำหรับ Tiny Tina’s Assault on Dragon Keep (2013) ตัวต้นฉบับนั้น ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม คว้าแต้มเฉลี่ยในเว็บเมตาฯ ไปได้ถึง 86 คะแนน ถือว่าสูงมากนะครับ โดยความเห็นนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่า เป็นภาคเสริมที่โดดเด่น ใส่สไตล์เกมแบบดันเจี้ยน แอนด์ ดราก้อน ลงไปได้อย่างลงตัว ผสานเป็นเนื้อเดียวกับตัวเกมหลักได้อย่างดีเหลือเชื่อ แถมด้วยดราม่าในจิตใจของสาวไทนี่ ทีน่า จึงได้ออกมาเป็น เกมกระดานสมมติที่ชื่อ บังเกอร์ แอนด์ แบดแอสส์ (Bunkers & Badasses) สุดเพี้ยนและสุดมัน!
ทีนี้ หลายคนคงงง (รวมผู้เขียนด้วยในตอนแรก) ว่า แล้วไอ้เกม Tiny Tina’s Assault on Dragon Keep: A Wonderlands One-Shot Adventure ที่ออกในปีนี้มันคืออิหยังว่ะ?
สรุปให้ตั้งแต่ต้นเลยครับว่า มันคือการ “รีแพ็กเกจ” ของทางค่าย 2K โดยเอาเกมเดิมมาปรับปรุงคุณภาพกราฟิกเล็กน้อยแล้วขายใหม่ในราคาย่อมเยา โดยอ้างว่า นี่คือโอกาสดีในการย้อนเล่นเกมตั้งต้น ก่อนไปเจอกับเกมภาคแยกขนาดใหญ่ที่ชื่อ Tiny Tina’s Wonderlands ซึ่งจะวางจำหน่ายในปีหน้า
STORY
ตัวเกม Tiny Tina’s Assault on Dragon Keep: A Wonderlands One-Shot Adventure คือการเดินทางในโลกเกมตั้งโต๊ะของทีน่า ที่มาในธีมแฟนตาซีอัศวินสู้ปีศาจสู้มังกร ฯลฯ โดยผู้เล่นเลือกตัวละครแรกเริ่มได้จากอดีตฮีโร่ Vault Hunters จำนวน 6 คน จากนั้นก็ตะลุยเข้าสู่เกมที่มีทีน่าจอมเพี้ยนทำหน้าที่เป็นดันเจี้ยนมาสเตอร์ ซึ่งเธอจะคอยบอกบท, กำหนดกติกา และเหตุการณ์ประหลาด ๆ ให้คุณได้พบเจอ มีขำบ้าง ฝืดบ้าง และงงบ้างไปตามเรื่อง ตัวเกมเล่นลุยไปเรื่อย ๆ ถ้าเน้นเควสต์หลักก็จะเล่นได้ประมาณ 5 ชั่วโมงจบ แต่ถ้าเอ้อระเหยทำเควสต์รองไปด้วยก็ขยายเพิ่มได้ถึง 10 ชั่วโมงเหมือนกัน
GAMEPLAY
ใครที่เล่น Borderlands 3 มาแล้ว กลับมาเล่นเกมนี้จะพบกับฟีเจอร์หลายอย่างที่ถอยหลังลง…ไปสู่ Borderlands 2 ครับ บางฟีเจอร์ผมตกใจเหมือนกันว่าทำไมไม่อัปเกรดให้มันเหมือนในภาค 3 เพราะมันพัฒนากว่ามาก อาทิ ระบบการเติมกระสุนแบบรวดเร็วที่ตู้ขายอาวุธก็ไม่มีให้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ทีมงานเขาก็มอบบางสิ่งที่ถือว่าเป็น “ของใหม่” มาให้ในภาค “One-Shot Adventure” นี้ก็คือ การมอบแต้มสำหรับอัปสกิลให้เป็น 2 แต้ม (ของเดิม 1 แต้ม) ทุกครั้งเวลาที่เลเวลอัป เพื่อให้ผู้เล่นไต่สกิลสูง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว แถมด้วยการใส่ถ้วยแพลตมาให้เพื่อล่อใจสายเก็บถ้วย ใครสนใจประเด็นนี้ก็จัดได้ตามสะดวกนะครับ
GRAPHIC & SOUND
ภาพสวยขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับ Borderlands 3 ครับ แต่มีปัญหาเท็กซ์เจอร์โหลดไม่ทันเยอะกว่าตัวเกมภาค 3 แบบเห็นได้ชัด ไม่รู้เป็นเพราะปัญหาจากการเอาเกมเก่ามาปรับหรือไม่, อย่างไรก็ไม่ทราบได้ ด้านเสียงประกอบ ผมพบว่าเสียงปืน, เสียงเพลง เสียงระเบิดต่าง ๆ ทำได้ตามมาตรฐานทั่วไป แต่จะติดอยู่อย่างนึงตรงที่เสียงของ ไทนี่ ทีน่า ที่คอยกำกับเกมการเล่นของเราอยู่ตลอด ทั้งป่วน ทั้งแซว ต่าง ๆ นานา แถมน้ำเสียงเล็กแหลมบวกการตะโกนแบบเด็กเจ้าอารมณ์ของเธอทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยจะเป็นสุขเท่าไหร่เวลาเล่นเลยครับ ไม่แน่ใจว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนกันมั้ย.
คุ้ม..หรือไม่คุ้ม
ประเด็นสุดท้ายก่อนไปถึงบทสรุป นั่นก็คือสนนราคาค่าตัว โดยปัจจุบันเกมนี้ราคา 364 บาทใน PSN ส่วนในสตีม พีซี ก็แค่ 300 บาทเท่านั้น ซึ่ง! พอมาดูปัจจัยเรื่องราคา ผมทุบโต๊ะเลยว่า คุ้มครับ…สำหรับคนไม่เคยเล่น เพราะคุณจ่ายแค่นี้แต่ได้เกมยิงคุณภาพโอเค แถมยังถือเป็นเกมอุ่นเครื่องก่อนภาคแยกขนาดใหญ่ที่จะมาในปีหน้าด้วยแล้ว นับว่ายอมรับได้ ถึงแม้จะมีข้อด้อยทั้งหลายที่ผมได้แจกแจงไป โดยเฉพาะข้อหาสำคัญที่เจ้าตัวโดนถล่มในช่องรีวิวบนสตีม อย่างการทำหน้าซื่อเอาเกมเก่ามาขายใหม่ดื้อ ๆ ของทาง 2K และ Gearbox นั้น ผมก็ว่ามันจะกระทบเฉพาะคนที่เคยเล่นมาแล้ว มีเกมอยู่แล้วเท่านั้นครับ ใครไม่เคยลองก็นับว่าเกมมันยังน่าเล่นอยู่ดีแหละ
Conclusion
สรุปตามหัวข้อก่อนหน้าเลยครับ โดยเกมนี้สามารถเล่นได้เพลิน ๆ คุ้มราคา มีหลายช่วงที่สนุกมาก ๆ มีบางช่วงที่ผืด ๆ เนือย ๆ อยู่บ้างตามประสา ใครเคยเล่นแล้วแต่ลืมก็อาจหามาสะสมไว้ได้ เพราะมันก็ตั้ง 8 ปีมาแล้ว แต่อย่าหวังว่าจะพบนวัตกรรมใหม่ ๆ อะไรนะครับ เพราะมันก็ DLC ตัวเดิมตัวนั้นอ่ะแหละ
GOOD
- ราคาน่าคบหามากครับ ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้
- ยิ่งถ้าคุณไม่เคยเล่นมาก่อน ถือว่าคุ้มค่า
- การเอาบอร์เดอร์แลนด์มาผสมกับเกม D&D ได้ออกมาเป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก นับเป็นธีมเกมใหม่ที่น่าสนใจ และน่าตามไปเล่นกันต่อใน Tiny Tina’s Wonderlands
BAD
- คือออออ…ถ้าคุณเคยเล่นมาแล้วสมัยเป็น DLC ของภาค 2 ที่นี่ก็ไม่เหลืออะไรให้ค้นหา
- เอามาขายใหม่ทั้งทีน่าจะเพิ่มฟีเจอร์พิเศษให้มากกว่านี้…แต่ก็ไม่มี
