รีวิว One Hand Clapping
ขอขอบคุณโค้ดรีวิวเวอร์ชัน PC จาก Ripples Thailand มา ณ โอกาสนี้
ใกล้ช่วงเวลาส่งท้ายปีเก่า 2564 กันแล้วนะครับ เวลาหนึ่งปีผ่านไปไวมาก! โดยปกติช่วงเทศกาลหยุดยาวของทุกปีจะเป็นช่วงเวลาที่ผมใช้เคลียร์เกมดองครับ โดยเฉพาะเกมที่ตั้งใจจะเล่นภายในปีนั้น ๆ แล้วไม่ได้เล่น หรือยังเล่นไม่จบ ผมก็จะขุดขึ้นมาเล่นให้มันหมดสิ้นไป เพราะปกติไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนอยู่แล้ว ซึ่งปีนี้ก็มีอยู่หลายเกมทีเดียวในลิสต์ส่วนตัว (อาทิ Eastward, Death’s Door เป็นต้น)
อย่างไรก็ตาม ภาระหน้าที่ต้องมาก่อนเสมอครับ! โดยผมยังมีเกมค้างรีวิวอยู่อีก 2 เกมด้วยกันสำหรับปีนี้ (ถ้าไม่มีมาเพิ่ม) หนึ่งคือเกมชื่อยาวเหยียด สไตล์แฟนตาซีวางแผนการรบ เตรียมวางจำหน่ายวันที่ 21 ธ.ค.นี้ รออ่านบทรีวิวของผมได้ในวันที่ 22 ครับ (เกมอะไรอุบไว้ก่อน ไว้รอติดตามกันนะ) ส่วนอีกเกมก็คือเกมในบทความนี้ กับ One Hand Clapping เกมอินดี้จ๋ามาในแนวใช้เสียงประกอบการเล่น
สำหรับเกมปรบมือข้างเดียว พัฒนาโดยทีมงาน Bad Dream Games ก่อตั้งเมื่อปี 2561 ถือว่าเพิ่งตั้งไข่กันเลย และหลังจากความสำเร็จของเดโม่เกม One Hand Clapping โปรเจกต์ของนักศึกษาจาก University of Southern California พวกเขาก็พัฒนาต่อยอดให้เป็นเกมที่สมบูรณ์ก่อนส่งลงสู่ตลาดเกมสากลในเวลาต่อมา
Bad Dream Games ได้สร้างวิธีการใหม่ในการเล่นเกม สตูดิโอจากสหรัฐแห่งนี้สร้างเกมที่เติมพลังความคิดสร้างสรรค์และดึงดูดผู้เล่นให้ก้าวข้ามขีดจำกัดของการควบคุม กับการใช้ “เสียง” ของคนเล่นเองเป็นตัวช่วยในการแก้ปริศนาแพลตฟอร์มให้กับตัวละครในฉาก 2D
ใช่แล้วครับ จริง ๆ แล้วเกมนี้เป็นเกมผจญภัยแพลตฟอร์ม 2D แบบฉากด้านข้าง วิ่งไป-มาซ้ายขวา คุณจะใช้คีย์บอร์ดในการเคลื่อนที่และออกคำสั่งแอ็กชั่นต่าง ๆ ในเกม โดยตัวเกมมีบอกแค่เบื้องต้นว่า นี่คือการออกเดินทางของตัวเอกเพื่อช่วยจักรวาลสุดแฟนตาซีจากความเงียบชั่วนิรันดร์…ทว่า หลังจากต้นเกมแล้ว ตัวเกมไร้ซึ่งระบบการดำเนินเรื่องใด ๆ ให้แก่ผู้เล่น กล่าวคือ เราแทบไม่รู้เรื่องว่าอะไรเกิดขึ้นในดินแดนนี้บ้าง เอาเข้าจริงเกมนี้เหมือนจะไม่มีเนื้อเรื่องด้วยซ้ำ ชื่อตัวเอกก็ยังไม่มีบอกเลยครับ
ตรงประเด็นเนื้อเรื่องนี่น่าเสียดายนะ เพราะมันทำให้เกมยังดูเป็นโครงการทดลองระดับนักศึกษาอยู่ แทนทีจะมีเรื่องราว, มีปมซับซ้อนแบบนิยาย ปูเป็นพื้นหลังให้คนเล่นได้รู้สึกอินเสียหน่อยก็คงจะดีกว่านี้มากเลย”
ระหว่างทาง คนเล่นจะได้ใช้เสียง (เกมนี้ต้องมีไมโครโฟนประกอบการเล่น) สูง-ต่ำ สั้น-ยาว ตามคีย์ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดแอ็กชั่นกับวัตถุในฉากที่หน้าจอ ซึ่งตัวละครจะใช้ในการเดินทางผ่านฉากต่อไป ทีนี้ ที่ตัวเกมคุยว่า (รวมถึงภาพโปรโมตสไตล์การขับร้องเพลง) เกม One Hand Clapping นั้นคือการผสานการเล่นดั้งเดิมเข้ากับเสียงดนตรี (VOCAL 2D-PLATFORMER) ซึ่งพอเอาเข้าจริง คุณจะไม่ได้ร่ำร้องเป็นเพลงหรอกครับ เพราะพัซเซิลในเกมนี้มักใช้การออกเสียงห้วน ๆ หรือเป็นจังหวะ เท่านั้นเอง เหมือนการร้องแค่โน้ตเท่านั้นครับ โด เร มี ฟา ซอล ฯลฯ หรือใครจะเปล่งเสียงเป็นคำอื่น ๆ ก็ได้ตามแต่สะดวก
สรุปแล้ว การเปล่งเสียงประกอบการเล่นนี่เอง คือจุดเด่นสำคัญที่สุดของ One Hand Clapping คือถ้าใครมีความสามารถทางการร้อง น่าจะใช้เสียงได้หลายรูปแบบกว่าผู้เขียนมาก (ฮา) ส่วนใครไม่ถนัดก็สามารถหัดใช้เสียงตามโจทย์ของเกมเล่นได้เพลิน ๆ เหมือนกัน
มาดูที่จุดด้อยกันบ้าง โดยประเด็นสำคัญที่ผมเห็นก็คือ จากที่ตัวเกมมีขนาดสั้น เล่นจนจบใช้เวลาราว 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น ปรากฏว่า ผมไม่เจอความยากหรือซับซ้อนใด ๆ ผิดวิสัยเกมแพลตฟอร์ม 2D เป็นอย่างมาก มันกลายเป็นเกมเล่นง่าย ขาดความท้าทาย แต่ก็อาจเหมาะกับเด็ก ที่เปิดเกมนี้ให้เล่นได้เลย ไม่ต้องกลัวเล่นไม่ผ่าน
ลองสังเกตภาษาไทยตางเมนูกันครับ
สำหรับเรื่องการรองรับภาษาไทย ผมบอกให้เลยว่าแปลดีครับ แต่! ทีมงานชาติตะวันตกอย่าง Bad Dream Games ก็หนีไม่พ้นเรื่องการออกแบบการแสดงผลหน้าจอภาษาไทยที่ปรากฏว่า สระ-วรรณยุกต์ จมทับซ้อนกันแทบทุกจุดตลอดเกม (แบบเดียวกับโกสต์รีคอนเบรกพอยต์เป๊ะเลย) เข้าใจว่าเป็นปัญหาเชิงเทคนิคที่ตัวเอนจินเกมไม่รองรับ คล้ายคลึงกับปัญหาตัวอักษรไทยในวงการออกแบบ ที่เราเจอกันมานับสิบปี
ถึงตรงนี้ผมขอแนะนำน้อง ๆ คนรุ่นใหม่ให้ทราบเลยนะครับว่า ถ้าใครมีฝีมือสามารถจัดการให้ชุดโปรแกรมพัฒนาเกมชื่อดังทั้งหลายที่ทั่วโลกเขานิยมใช้กันนั้น สามารถรองรับและแสดงผลภาษาไทยได้ถูกต้องแล้วล่ะก็…ทำออกขายเลยครับ รับรองรวย!
Conclusion
สรุปฟันธงเลยนะ ผมแปะป้ายให้ One Hand Clapping ว่ามันคือ “เกมแปลกใหม่” ครับ กับราคาแค่ 279 บาทของเวอร์ชันพีซี แลกกับประสบการณ์การเล่นเกมที่ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ ผมถือว่าคุ้ม! คือ ณ ตอนนี้ตัวเกมอาจไม่ได้สร้างมิติล้ำลึกอะไรมากมาย แต่นี่คือก้าวแรกของการใช้ “เสียง” ประกอบการเล่นเกมแอ็กชัน ซึ่งอนาคตผมเชื่อเหลือเกินว่าเราจะได้เห็นลักษณะการใช้เสียงคล้าย ๆ แบบนี้ แต่ซับซ้อนมากขึ้น และมีขนาดเกมที่ใหญ่มากขึ้น โดยค่ายยักษ์ใหญ่มากขึ้นในวงการอย่างแน่นอน
GOOD
- ระบบแปลงเสียงเป็นพลังขับเคลื่อนกลไกในเกม ทำได้ดี
- ฉากสวยงาม สีสันสดใสแปลกตา ตัวเกมเหมาะกับคนทุกวัยรวมถึงเด็ก ๆ
BAD
- ปริศนาแพลตฟอร์มง่ายไปนิด
- เกมว้าวอย่างมากกับระบบการใช้เสียงในช่วงแรก แต่การขาดซึ่งเนื้อเรื่องทำให้ช่วงหลังคนเล่นอาจรู้สึกไร้แรงจูงใจลงไปบ้าง
