รีวิว ULTRA KAIJU MONSTER RANCHER
ขอขอบคุณโค้ดเกมเพื่อการรีวิว จากบริษัท Bandai Namco Entertainment Asia มา ณ โอกาสนี้ครับ
ซีรีส์เกม Monster Rancher เป็นแฟรนไชส์ที่ผมเองเห็นผ่านตามานานแล้วครับ แต่ยอมรับว่าไม่มีโอกาสได้ลองเล่นมาก่อน เนื่องด้วยโอกาส(ทางการเงิน) ไม่อำนวย บางครั้งมีเกมที่ต้องตัดสินใจเลือกซื้อ ก็จำใจต้องจ่ายให้กับเกมที่อยากเล่นมากกว่า หรือบรรดาเกม AAA ที่สมควรต้องเล่น หรือเพื่อเสริมประสบการณ์ให้กับตัวเอง…ถ้ายังอยากทำงานในสายเกมต่อไป
ดังนั้น นี่จึงเป็นโอกาสดีสุด ๆ ที่ทางบันไดหยิบยื่นตัวเกมภาคใหม่เอี่ยมมาให้ลอง แถมคราวนี้ยังมีเนื้อหาจับมือกับซีรีส์อุลตร้าแมนอีกด้วย! ถือว่าแจ๊กพ็อตสำหรับตัวผมเองเลยทีเดียว…มาครับ เราไปดูกันว่า Ultra Kaiju Monster Rancher นั้นดีสมกับโอกาสที่ผมได้รับหรือไม่
ชุบเลี้ยงสัตว์ยักษ์
เริ่มแรกเรามาดูพวกข้อมูลพื้นฐานเกมกันก่อน โดย Ultra Kaiju Monster Rancher ใช้ระบบเกมแบบเดียวกับ Monster Rancher และ Monster Rancher 2 ฉะนั้น ภารกิจหลักของคนเล่นก็คือ วางแผนเพาะเลี้ยงไคจูยักษ์ ซึ่งคุณต้องดูแลไคจูยักษ์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็น เอเลี่ยนบัลตั้น, เซ็ตต้อนหรือโกโมร่า ฯลฯ
จากนั้นก็เลือกคอมมานด์ต่าง ๆ ในเมนูประจำสัปดาห์ เพื่อกำหนดกิจกรรมที่คุณต้องการให้น้องไคจูของคุณได้ฝึกฝนและเติบโต โดยตัวอย่างการกระทำเหล่านั้นก็เช่น การเลือกเมนูอาหารให้กิน, การส่งไปช่วยงานชาวบ้านในท้องถิ่น (ขุดดิน, ลากไม้, ขนปลา ฯลฯ) หรือจะส่งพวกมันออกเดินทางไปกับไคจูคู่ปรับแล้วผจญภัยด้วยหัวข้อ Errantry ก็ได้
ในฟาร์มที่คุณเลี้ยงไคจูยักษ์ของตนเอง คุณจะมีโอกาสได้สังเกตพฤติกรรมของพวกมันอย่างใกล้ชิด และในทัวร์นาเมนต์การต่อสู้ ไคจูของคุณจะได้เผชิญหน้ากับเหล่าคู่ปรับในการปะทะกันอย่างเข้มข้นไม่แพ้ภาพยนตร์ โดยการต่อสู้ในเกมนี้จะอ้างอิงระบบของ Monster Rancher การโจมตีที่ทำได้จะขึ้นอยู่กับระยะห่างระหว่างไคจูของคุณกับคู่ต่อสู้ ใช้หัวข้อ Drills (ฝึกฝน) เพื่อเพิ่มค่าพลังของไคจูแล้วเรียนรู้ท่าใหม่ ๆ ผ่านระบบ Errantry เพื่อช่วยให้คุณพิชิตสนามประลองได้สำเร็จ
ทีนี้เวลาได้เล่นไปนาน ๆ ผมพบว่า ความสนุกของเกมนี้มันไม่ได้มาจากตัวระบบเกม (ที่มักเป็นกิจกรรมซ้ำ ๆ เดิม) หรือการต่อสู้ ที่เกมนี้ใช้การจำลองผ่านคอมมานด์ (ไม่ใช่ไฟต์ติ้งเรียลไทม์)
แต่ความเพลิดเพลินที่แท้จริงนั้น ได้มาจากการได้ใช้เวลาร่วมกับเหล่าไคจูของคุณต่างหาก!
ขยายความให้เห็นภาพก็คือ การได้เล่นกับพวกมัน, การได้เห็นฉากต่อสู้ระหว่างยักษ์ใหญ่ และเพลงประกอบ/ซาวด์เอฟเฟกต์แบบเดียวกับหนังอุลตร้าแมน ทั้งหมดทั้งมวลนี้แหละครับ คือเสน่ห์ที่แท้จริงของตัวเกม
อีกประเด็นหนึ่งก็คือ ตัวเกมมีลักษณะของการ “เล่นแล้วติดงอมแงม” เพราะหากคุณอินกับเจ้าไคจูแล้วล่ะก็ คุณจะอยากพยายามขุนพวกมันให้เก่งยิ่งขึ้น ให้มีพลังต่อสู้เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ผ่านภารกิจต่อสู้บางช่วงที่มีความยากพอสมควร บีบให้คุณต้องกลับมาฝึกฝนเจ้าสัตว์ประหลาดตัวโปรดเพิ่มเติม ก่อนส่งกลับไปแก้มือกันใหม่ ลักษณะของเกมเพลย์แบบนี้ล่ะครับ ที่หากคุณเล่นจน “คลิก” เมื่อไหร่ ก็ยาวล่ะทีนี้
อีกฟีเจอร์หนึ่งที่ควรกล่าวถึงก็คือ Ultra Kaiju Monster Rancher มาพร้อมกับความสามารถในการผสานไคจูยักษ์สองตัวเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นตัวใหม่ขึ้นมา ในเกมนี้จะมีไคจูกว่า 200 ชนิด เพราะคุณจะสามารถสร้างไคจูอย่างเช่นโกโมร่าที่มีลวดลายในแบบเซ็ตต้อนขึ้นมาได้
สุดท้ายนี้ หากใครสงสัยว่า แล้วอุลตร้าแมนจะโผล่มาตอนไหน ก็ขออธิบายอย่างนี้ครับ โดยไคจูทุกตัวจะมีตัววัดความโกรธ ซึ่งยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อไคจูเหนื่อย, กินอาหารที่ไม่ชอบ, หรือถูกดุ หากมิเตอร์ถึงขีดจำกัด สัตว์ประหลาดจะออกอาละวาดไปทั่วฟาร์ม ทำให้อุลตร้าแมนปรากฏตัวออกมาเพื่อกำราบพวกมันชั่วคราวนั่นเอง
CONCLUSION
หลังจากเล่นเกมนี้มาราวหนึ่งสัปดาห์ ผมคิดว่าตัวเกม Ultra Kaiju Monster Rancher มีดีที่ “บรรยากาศในเกม” มากกว่าความสนุกที่ได้จากระบบเกมนะครับ คือบางครั้งการทำอะไรซ้ำ ๆ บ่อย ๆ มันจะทำให้เราเริ่มเบื่อได้ แต่ตัวเกมนี้มันเอาเราอยู่หมัด และทำให้เรายิ้มได้ก็เพราะ ภาพลักษณ์ของไคจู + เพลงประกอบ + ฉากต่อสู้สุดคลาสสิก ซึ่งพอเอามันมาขยำรวมกัน ก็ได้ออกมาเป็นเกมเลี้ยงสัตว์ประหลาดที่เล่นได้สนุกเกมหนึ่งครับ
Pros
- ผสานธีมสัตว์ประหลาด-อุลตร้าแมน ให้เข้ากับแฟรนไชส์ Monster Rancher ได้อย่างกลมกลืน
- ไคจูมีเยอะมาก หลากหลายสายพันธุ์
- กราฟิก + เพลงประกอบ ให้บรรยากาศแบบหนังอุลตร้าแมนปะทะไคจูได้ดีมาก
Cons
- ลูปเกมซ้ำ ๆ วน ๆ คนที่ไม่อินกับตัวเกมจะเบื่อเร็วแน่ ๆ
- ไม่มีแคมเปญหลักที่เป็นแกนเนื้อเรื่อง และไม่มีเอนด์เกม