Articles

10 สุดยอดเกมประทับใจในปี 2022 – Paulnacho Picks

โดย ปอลนาโช่

10 สุดยอดเกมประทับใจในปี 2022 – Paulnacho Picks

หมายเหตุ: เป็นการจัดอันดับตามความประทับใจส่วนตัวล้วน ๆ โดยเป็นเกมที่ผู้เขียนมีโอกาสได้เล่นในปี 2022 แต่ไม่จำเป็นต้องวางจำหน่ายภายในปีนี้นะครับ

10.Hard West 2

Developer: Ice Code Games
Platform ที่เล่น: PC

เกมสไตล์เทิร์นเบส คือแนวเกมโปรดตลอดกาลของผมครับ โดยสำหรับซีรีส์นี้ ถือว่ามีจุดเด่นพอตัว โดยเฉพาะกับภาคแรกที่ลดราคาบ่อยมาก ซึ่งผมเองก็สอยมาเล่นบนเครื่องนินเทนโดสวิตช์ด้วยราคาเพียง 1.99 ดอลลาร์ แล้วก็ติดอกติดใจ จึงไม่พลาดตามมาเล่นต่อในภาคสอง ซึ่งภาคใหม่นี้มีการนำเสนอระบบ “บราวาโด้” ที่คล้าย ๆ กับการให้โบนัสคอมโบสำหรับการคิลได้ต่อเนื่อง นับว่าสร้างความแปลกใหม่ให้กับเกมในแนวนี้ได้อย่างดี แถมเอนจิ้นและโครงสร้างเกมต่าง ๆ ยังเหมือนกับ Wasteland 3 เกมโปรดตลอดกาลของผมอีกด้วย

9.SpellForce III Reforced [Console Version]

Developer: Grimlore Games
Platform ที่เล่น: PS5

ผมซื้อเกมนี้เวอร์ชัน PS5 มาเล่นด้วยความเจ็บใจที่ปีก่อน ผมซื้อตัวเกมเวอร์ชัน PC มาเล่นแล้วเครื่องคอมฯ ผมเล่นไม่ไหว ขนาดปรับให้การแสดงผลต่ำสุด เครื่องยังค้างตลอด เลยต้องเลิกเล่นไปโดยปริยาย แต่พอได้เวอร์ชันคอนโซลมาในปีนี้ก็ไม่ผิดหวังครับ เกมสนุกและสวยงามสุด ๆ สำหรับผมแล้ว นี่คือตัวตายตัวแทนเกมอย่าง WarCraft 3 ได้เป็นอย่างดี

8.Fell Seal: Arbiter’s Mark

Developer: 6 Eyes Studio
Platform ที่เล่น: Nintendo Switch

ผมติดตามข่าวคราวเกมนี้มานานแล้ว เพราะอยากได้เกมในสไตล์ไฟนอลแทคติค มาเก็บไว้เล่นในเครื่องสวิตช์เวลาเดินทางออกนอกบ้าน ถึงแม้ตอนแรกจะไม่ค่อยถูกใจกับอาร์ตสไตล์ ที่ดูเป็นการ์ตูนฝรั่งแนวเด็กเล็กมากไปนิด แต่พอได้เล่นแล้วถึงกับเซอร์ไพรส์ในความโหดสัสของตัวเกมครับผม โหดทั้งเนื้อเรื่อง โหดทั้งศัตรูเอไอที่หินสุด ๆ ทั้งฮีลทั้งชุบฝ่ายตัวเองเป็นว่าเล่น ต้องตั้งใจเล่นดี ๆ พัฒนาตัวละครให้เท่าเทียมกันทั้งปาร์ตี้ ถึงจะเล่นผ่านได้อ่ะครับ

7.ELEX II

Developer: Piranha Bytes
Platform ที่เล่น: PS5

ผมเป็นแฟนตัวยังของ ELEX ภาคแรก เพราะตอนนั้นผมอยากได้เกมอย่าง ฟอลล์เอาต์ หรือ สกายริม มาเล่นทดแทนสองเกมในตำนานที่ผมเล่นจบไปแล้ว ก็มาเจอ ELEX นี่แหละครับ ที่สร้างโลกโอเพ่นเวิลด์ให้กับผู้เล่นได้อย่างอิสระเสรี ไม่มีการบังคับภารกิจ ไม่มีการจูงมือคนเล่นให้ไปจุด A จุด B ซึ่งต่อมาตัวเกมออกภาค 2 ผมก็ตามมาเล่นต่อ ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง ใครสนใจอยากลองผมแนะนำเลยเกมนี้ ของเขาดีจริง (ยกเว้นระบบต่อสู้นะครับ ที่มันยังเหมือน Risen อัปเกรดแค่นั้นเอง)

6.WRC Generations

Developer: Kylotonn
Platform ที่เล่น: PS5

จริง ๆ ปีนี้ผมได้ลองเกมแข่งรถชั้นดีมากมาย อาทิ แกรนทัวริสโม 7, Dakar Desert Rally, MotoGP22 ฯลฯ แต่ก็ไม่มีเกมไหนทำให้ผมอยากเล่นมันทุกวันได้เท่ากับ WRC ที่ภาคใหม่นี้ทีมงานเขาปรับให้ใช้จอยคอนโทรลเลอร์ควบคุมรถได้ง่ายกว่าภาคก่อนยิ่งขึ้นไปอีก ทำให้เกมเล่นสนุก เป็นมิตรกับฝั่งคอนโซลมากขึ้นเยอะ เล่นแล้วหัวไม่ร้อนเท่าภาค 10 อ่ะครับ

5.Elden Ring

Developer: FromSoftware Inc.
Platform ที่เล่น: PS5

เอลเด้นริงเป็นเกมที่ผมใช้เวลาเล่นมากที่สุดในปี 2022 (ตามการรวบรวมสถิติส่วนตัวของ PSN) ซึ่งถึงแม้ว่าตัวเกมจะไม่ใช่เกมที่ผมชอบมากที่สุดในปีนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า มันเป็นเกมที่สุดยอดที่สุดเกมหนึ่งในยุคสมัยปัจจุบัน ฟีลลิ่งของการบุกเบิก การผจญภัย และความน่ากลัวของบรรดาบอส…เหล่านี้ทำให้เอลเดนริงเป็นเกมที่ลืมไม่ลง แม้จะเล่นจนปราบบอสสุดท้ายได้แล้วก็ตาม

4.God of War Ragnarök

Developer: Santa Monica Studio
Platform ที่เล่น: PS5

เกมสุดท้ายของปีที่ผมได้เล่นอย่างแท้จริง ตัวเกมฉายภาพความยอดเยี่ยมของเกมแอ็กชันเน้นการเล่าเรื่องในแบบโซนี่ ผมหาจุดอ่อนแทบไม่เจอในเกมนี้ มันสมบูรณ์ไปหมดแทบทุกอย่าง ถ้าจะถามว่าทำไมผมจัดอันดับไว้ที่ 4 ก็ด้วยเหตุผลด้านรสนิยมส่วนตัวล้วน ๆ ว่าผมเบื่อเทพนิยายฝรั่งแล้วนั่นเอง

3.Horizon Forbidden West

Developer: Guerrilla Games
Platform ที่เล่น: PS5

โอ้โห ถ้าไม่ติดไอ้สองเกมข้างล่าง นี่ก็คืออันดับหนึ่งในปีนี้ของผมได้เลยนะ! ตัวเกมออกแบบได้ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เราจะเจอได้แล้วในเกมแอ็กชันผจญภัยในโลกเปิด ทั้งเนื้อเรื่อง, บรรยากาศของโลกในเกม, ตัวละคร, การแสดง, ดนตรีประกอบ และคุณภาพกราฟิก ฯลฯ นี่คือจุดสุดยอดของ Guerrilla Games และผมเชื่อว่าเขาจะทำได้ดีอีกครั้งใน Horizon Forbidden West – Burning Shores ที่ผมรอซื้ออย่างแน่นอน

2.Rise of the Third Power

Developer: Stegosoft Games
Platform ที่เล่น: Nintendo Switch

ช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ ผมสังเกตเห็นสัญญาณที่ดีว่า เกมแนวพิกเซล JRPG จากทีมงานอินดี้หน้าใหม่ ๆ ทั่วโลก เริ่มผลิตผลงานที่น่าสนใจออกมามากมาย (บางคนอาจแย้งว่า เขาทำกันมานานแล้ว…ก็ใช่ครับ แต่ที่คุณภาพเข้าตาจริง ๆ มันยังน้อยไง) มีหลายเกมที่สร้างผลงานออกมาได้ดีเกินคาด อาทิ To the Moon, East Ward ฯลฯ และเกมนี้ Rise of the Third Power เกมที่สองของทีมงานผู้สร้าง Ara fell โดยตัวเกม Rise of the Third Power มีเนื้อหาพูดถึงสงครามที่ร่วมสมัยมาก และบรรดาตัวละครก็มีความหลากหลายทางเพศ และมีความเป็นผู้ใหญ่สูงมาก ไม่คิกขุแบบเกม jrpg คลาสสิก,  โดยสะท้อนออกมาในทุกบทสนทนา ไม่ว่าจะเป็น การพยายามทำความเข้าใจชีวิตของทั้งตนเองและเพื่อนร่วมทีม, การเกิดรักสามเส้า…ที่ส่งผลให้ทุกฝ่ายต้องปรับตัว และหาทางออกร่วมกันแบบผู้ใหญ่ พูดจากันรู้เรื่อง ฯลฯ เหล่านี้ทำให้เกมเล่นสนุกมากครับ เหมือนได้อ่านนิยายดี ๆ เรื่องนึง

1.Chained Echoes

Developer: Matthias Linda
Platform ที่เล่น: Nintendo Switch

นี่คือสุดยอดเกมประจำปีของผู้เขียน เล่นแล้วติดงอมแงมวางแทบไม่ลง ตัวเกมมาในทิศทางเดียวกับ Rise of the Third Power แต่มันทำได้ดีกว่าทุกอย่าง โดยเฉพาะที่ผมถูกใจที่สุดคืออาร์ตสไตล์ มันเหมือนโครโน่ทริกเกอร์ ในแบบเกมยุคใหม่ ด้านระบบการเล่นก็ปฏิรูปความเป็น jrpg อย่างชาญฉลาด เอาระบบที่น่ารำคาญล้าหลังออกไปหมด แทนที่ด้วยความเข้าอกเข้าใจคนเล่น ขณะที่เนื้อเรื่องก็พูดถึงสงครามได้อย่างเหนือชั้น (แถมแอบคล้ายความขัดแย้งในโลกของเราจริง ๆ ในตอนนี้ด้วย) ไม่น่าเชื่อว่านี่คือเกมที่ออกแบบสร้างสรรค์โดยคน ๆ เดียว ที่ใช้เวลานานมากถึง 7 ปีเต็ม (นาย Matthias Linda) ใครที่ชอบเกมในแนวนี้ ผมแนะนำหนักแน่นเลยครับว่า ซื้อมาเล่นเถอะ ไม่เสียดายเงินแน่นอน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์