รีวิว STAR WARS JEDI: SURVIVOR
*ขอขอบคุณ บริษัท Electronic Arts สำหรับโค้ดเพื่อการรีวิว / Big Thanks to Electronic Arts for the review code.
**รีวิวนี้เล่นบน PS5
นี่คือหนึ่งในเกมที่ผมตั้งตารอคอยมากที่สุดของปีนี้ เพราะผมเป็นแฟนสตาร์ วอร์ส แล้วก็อยากรู้เรื่องราวตอนต่อไปในการเดินทางของ คาล เคสทิส หนึ่งในเจไดคนสำคัญที่รอดมาได้จากเหตุการณ์ออเดอร์ 66 ผมอยากรู้ว่าในเกมภาคสองนี้ จะมีเรื่องราวเชื่อมโยงอะไรอีกบ้างกับบรรดาหนังและซีรีส์สตาร์วอร์สทั้งหลายที่ได้ดูกันมาตลอดทั้งปีครับ
ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณทาง EA ที่ใจดีมอบโอกาสให้เราได้มีส่วนร่วมในการรีวิวเกมระดับนี้ ในกรอบเวลาเดียวกันกับบรรดาสื่อเกมยักษ์ใหญ่ทั่วโลก ซึ่งไทยเกมวิกิเองก็ได้จัดทำการรีวิวในรูปแบบวิดีโอด้วยเช่นเดียวกัน ทางช่องยูทูบ ใครอยากรับทราบการวิจารณ์ Star Wars Jedi: Survivor ในแบบฟังเสียงพวกเรานั่งเล่าให้ฟัง ก็ขอเชิญได้ที่ช่อง THAIGAMEWIKI ครับผม
STORY (ไม่มีการสปอยล์เกมภาคนี้)
กาลครั้งหนึ่งในจักรวาลอันไกลโพ้น คาล เคสติส (Cal Kestis) อดีตพาดาวัน ผู้รอดตายจากคำสั่งที่ 66 ในช่วงสงครามโคลน หนุ่มน้อยเผ่าพันธุ์มนุษย์ ศิษย์เอกของอาจารย์เจได จาโร ทาปาล ซึ่งเดิมทีหลบซ่อนตัวอยู่ที่ดาวเคราะห์บรักกา ปกปิดตัวตนจากจักรวรรดิกาแลกติกที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ โดยทำงานเป็นริกเกอร์ ทำหน้าที่แยกชิ้นส่วนและรื้อถอนยาน
ต่อมาเมื่อจักรวรรดิกาแลคติกรับรู้การมีอยู่ของคาล เขาจึงต้องออกเดินทางอีกครั้ง ทั้งต้องหลบหนีและต่อกรกับเหล่าอินควิซิเตอร์ มือสอบสวนพิเศษของจักรวรรดิ จนได้ไปพบกับยานแมนทีส หรือยานอวกาศ S-161 “Stinger” XL ที่มีอาจารย์เจได เซียร์ จันดา, นักบิน กรีซ ไดรตัส, หุ่นดรอยด์ บีดีวัน (BD-1) อาจารย์เจได อีโน คอร์โดว่า ซึ่งทั้งหมดมาพร้อมกับภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่มอบให้แก่คาล นั่นคือฟื้นฟูนิกายเจไดขึ้นมาใหม่ และโค่นล้มอำนาจจักรวรรดิซิธให้จงได้
นั่นคือเรื่องราวคร่าว ๆ ของเกมภาคแรกครับ ซึ่งหลังการผจญภัยดังกล่าวผ่านพ้นไป 5 ปี เนื้อเรื่องก็เริ่มเดินต่อในภาค Jedi: Survivor ที่คาล ในฐานะอัศวินเจไดเต็มตัว ได้เข้าร่วมกับฝ่ายต่อต้าน ขณะที่อดีตลูกเรือคนอื่น ๆ แยกย้ายกันไปตามทางของตน รวมทั้ง เมอร์ริน ไนต์ซิสเตอร์สาวชาว Zabrak ตัวละครคนสำคัญและคนสนิทของคาล จากภาคแรกด้วย
ผมจะไม่เล่าอะไรไปมากกว่านี้แล้วครับ เอาเป็นว่า มันจะมีเหตุการณ์สำคัญที่คาลต้องกลับไปรวบรวมอดีตสหายร่วมยานทั้งหลาย มาช่วยกันต่อสู้กับภัยครั้งใหม่กันอีกรอบนั่นแหละ โดยคราวนี้ ทีมงานยานแมนทีส จะได้ตัวละครใหม่สุดเท่เพิ่มเข้ามาอีกคน นั่นคือ โบด อาคูน่า (Bode Akuna) นักรบรับจ้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ ที่มาอาศัยร่วมยานด้วย
สำหรับการดำเนินเรื่องในเกมนี้ มีบรรยากาศการเล่าเรื่องแบบเดียวกับ Marvel’s Guardians of the Galaxy แต่ออกแนวเคร่งขึมหม่นมัว ไม่มีเน้นอารมณ์ขัน (น่าเสียดายจัง) เท่ากับของ Guardians โดยเกมจะใช้รูปแบบคลาสสิกระหว่างเกมเพลย์ตัดสลับกับคัตซีน (ที่มีให้ดูเยอะมาก ผมวางจอยเลยอ่ะครับ เหมือนนั่งดูซีรีส์สตาร์ วอร์ส ยังไงยังงั้น) และระหว่างฉากแอ็กชันที่เราเล่น ๆ อยู่ ก็จะมีการสนทนาระหว่างตัวละครไม่หยุดหย่อน ซึ่งให้ความรู้สึกเพลิดเพลินดีมาก ไม่เหงา มันคุยกันตลอดเวลาดีจริง ๆ
ทีนี้ เมื่อผมได้เล่นเกมตั้งแต่ต้นจนจบครบ 100% ผมขออธิบายรูปแบบการเดินเรื่องในเกมนี้ว่า มันเหมือนกับ “รถไฟเหาะ” ครับ
รถไฟเหาะ ที่เริ่มต้นไต่ระดับขึ้นสูงพาตื่นเต้น จากนั้นค้างเติ่งเนิบช้า ก่อนทิ้งตัวพาไปพบความลุ้นระทึกในช่วงท้ายก่อนจบ!
ต้องขอบอกว่าช่วงกลางเกมนี่แบบ…เนือยมากครับ เพราะมันเหมือนเป็นการวางพล็อตเพื่อบิวด์ช่วงท้ายเกมให้อลังการ มันทั้งเนิบช้าและเต็มไปด้วยภารกิจหาของย้อนไปย้อนมา ย้อนฉากเก่าเยอะมาก จนผมเกือบจะจับตัดคะแนนอยู่แล้วล่ะ แต่พอเล่นไปจนถึงช่วงปลายเกมเท่านั้นแหละ จึงถึงบางอ้อ…เพราะเกมเก็บ “ทีเด็ด” ไว้มากมายก่ายกอง นับว่า Star Wars Jedi: Survivor พลิกกลับมาเล่นมุกเหนือชั้นได้สำเร็จ จนผมไม่อยากตำหนิอะไรอีกแล้ว สำหรับหัวข้อ STORY นี้ครับ
GAMEPLAY
ผมจะไม่บอกว่าใช้เวลาไปเท่าไรในการเล่นจบเกมรอบแรก เพราะเชื่อว่าสไตล์แต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน และอีกเหตุผลก็คือ “เกมมันมีขนาดใหญ่มากครับ”
จะพูดว่าใหญ่ก็ไม่ถูกนัก ต้องใช้คำว่า “ซับซ้อน” น่าจะถูกกว่า โดยตัวเกมมี 6 แชปเตอร์ (เท่ากับภาคแรก) และมีดาวทั้งหมด 6 ดวงให้เล่น ซึ่งคุณจะเริ่มต้นเกมที่ดาวคอรัสซัง จากนั้นจะมีดาวสำคัญที่จะกลายเป็นฐานตลอดทั้งเกมภาคนี้คือที่ โคโบห์ (Koboh) ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ชายแดน มีสภาพเป็นทะเลทราย มีถ้ำและเหมืองแร่อยู่เต็มไปหมด
ตรงนี้มีประเด็นเล็กน้อย เกี่ยวกับข่าวลือก่อนหน้านี้ ว่า Jedi: Survivor จะมีดาวเคราะห์นู่นนั่นนี่ให้เล่น ผมบอกเลยว่าข่าวลือผิดหมดครับ ไม่ตรงกับในเกมซักดาว แต่ผมไม่เฉลยนะ ไว้ไปเล่นกันเอาเองดีกว่าเนอะ
ประเด็นสำคัญข้อต่อมาเกี่ยวกับเกมเพลย์ นั่นก็คือ Jedi: Survivor แท้จริงแล้วก็คือส่วนผสมที่ฉกจุดเด่นทั้งหลายมาจากบรรดาเกมชั้นยอดของวงการ! ผมจะเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ เพราะมันเยอะเหลือเกิน อ่ะ เริ่มตั้งแต่ตัวเกมมีระบบจุดทำสมาธิไว้ตามฉาก ที่ดูยังไงก็คล้ายบอนไฟร์แบบเกมดาร์กโซล เพราะมันใช้พักฟื้นเพิ่มพลังชีวิต ใช้เซฟ ใช้รีชาร์จแคปซูลเติมเลือด ใช้อัปสกิลหลังเลเวลอัป ใช้ฟาสต์แทรเวล และก็ใช้รีสปอว์นบรรดาศัตรูในฉาก
ตัวฉากเองก็มีความดาร์กโซลสูงมาก โดยเฉพาะการเปิดช็อตคัต ที่จะทำให้เราเดินทางในฉากได้สะดวกขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป แต่เกมนี้ไม่แนบเนียนเท่าซีรีส์โซลนะ เพราะบทจะสร้างทางลัด มันก็ทำเป็นสายสลิงให้เราโหนกลับไปมาได้ดื้อ ๆ เลย เหมือนเอาไม้บรรทัดตีเป็นเส้นตรงอ่ะครับ…ง่ายไปมั้ยน้า
ระบบต่อสู้มีความพยายามใช้การ parry แบบเซคิโร่เพิ่มเข้ามา แต่ขาดความ “เร็วและแม่นยำ” ในแบบต้นฉบับ ทำแล้วไม่เฉียบคมเท่า เอาแค่พอคล้าย ๆ
ด้านการปีนป่ายแพลตฟอร์ม การไขปริศนา ให้ความรู้สึกคล้าย Uncharted มาก ๆ เล่นไปเล่นมานึกว่านาธาน เดรก กลายเป็นเจไดไปซะงั้น
ทีนี้ หลังเล่นเกมจนมองเห็นภาพรวมทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ผมพบว่า Jedi: Survivor มีรูปแบบของแพลตฟอร์มราว 70 % มีการต่อสู้อีกประมาณ 30% ใช่แล้วครับ เกมนี้เน้นแพลตฟอร์มหนักและเข้มข้นมาก (บางครั้งนึกว่าเล่น มาริโอ้ เพราะกระโดดโลดโผนเยอะเหลือเกิ๊น)
เมื่อบวกกับฉากแบบโอเพ่นเวิลด์ คุณอาจจะรู้สึกเหนื่อยหน่ายได้ในบางครั้ง ที่ต้องเดินทางย้อนฉากไปมา…นั่นก็เพราะว่า มันเป็นแพลตฟอร์มไงครับ! ไม่เหมือนฉากโลกเปิดในเกมอื่น ๆ ที่คุณกดวิ่งยาว ๆ ไปเรื่อย ๆ แต่เกมนี้ไม่ได้นะครับ คุณต้องกระโดด, ปีนป่าย เกาะราว วิ่งไต่กำแพง ฯลฯ จนบางครั้งผมยังรู้สึกเหนื่อยล้าแทนนายคาล เคสทิสเลย
เท่านั้นไม่พอ ตัวเกมยังอาศัยการอัปสกิลของคุณ มาใช้ในการเล่นส่วนนี้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น แต่เดิมคุณกระโดดได้ 2 จังหวะกลางอากาศ ต่อมาคุณจะพุ่งตัวเพิ่มได้อีกเป็นชั้นที่ 3 และในฉากหลัง ๆ คุณได้รับพลังบางอย่างที่ช่วยรีเซ็ตการลอยตัว ทำให้คุณเริ่มดีดตัวได้ใหม่ โอ้โห! โดดกันที 6 จังหวะกันไปเล้ย เกือบจะบินได้อยู่แล้ว!
แล้วเมื่อเอาทั้งหมดที่ว่ามาเนี่ย มาเจอกับฉากที่ออกแบบเหมือนมาแกล้งคุณมากกว่าให้มันรู้สึกสนุก บางจุดเล่นตั้งนานกว่าจะผ่าน มีหงุดหงิดกันบ้างแหละบอกเลย
โดยส่วนตัว (อันนี้ความเห็นเฉพาะของผู้เขียนนะ) ผมอยากให้เขาเน้นไปที่การต่อสู้มากกว่าครับ วางระบบการดวลดาบแสงให้มันแข็งแกร่ง ให้มันกระชับฉับไว ก็เห็นไหน ๆ เดินตามรอยดาร์กโซลเขามาแล้วทั้งที ก็ไม่น่าเหนียมอาย ทำเกมวัดกันไปเล้ย ผมว่าน่าจะดีกว่านะ หรือคุณผู้อ่านชอบกันแบบไหนครับ?
ART & CREATIVITY
Star Wars Jedi: Survivor ให้ภาพสวยงามอลังการ แต่เป็นความสวยที่ยังไม่สุด หลายฉากมีการออกแบบที่ค่อนข้างหยาบ รายละเอียดประกอบฉากค่อนข้างน้อย ที่สำคัญคือการแสดงผลยังไม่เสถียร มีบั๊กการแสดงผลค่อนข้างเยอะ อย่างไรก็ตาม เวอร์ชันที่ใช้ทดสอบยัง “ไม่ใช่เวอร์ชันสมบูรณ์เพื่อวางจำหน่าย” เป็นเวอร์ชันต้นฉบับเพื่อใช้รีวิวโดยเฉพาะ ดังนั้น ผมจะไม่นำไปพิจารณาเพื่อตัดคะแนนใด ๆ ทั้งสิ้น แต่แค่อยากให้คอยจับตาและตามข่าวกันดูอีกครั้งหลังเกมวางจำหน่ายไปแล้วครับ ว่าจะมีประเด็นอะไรเพิ่มเติมมามั้ย เกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่ที่เอามาพูด เอามาวิเคราะห์ได้ทันทีก็คือ ลักษณะของการออกแบบฉากครับ โดยผมขอเรียกว่า นี่คือสตาร์ วอร์ส ภาคเจไดเขาวงกต เพราะผมหลงทางบ่อยมาก! เขาใช้รูปแบบของทางแคบที่สลับซับซ้อน วกไปวนมา แถมด้วยระบบดูแผนที่สามมิติ ที่ซูมไม่ได้ จนบางครั้งผมต้องใช้เลนส์นูนมาส่องดูที่จอมอนิเตอร์เอาเอง และขนาดดูแล้วก็ยังหลงอ่ะ…
ยกตัวอย่างที่ดาวโคโบห์ ที่ทีมงานเขาเน้นสร้างฉากแผนที่นี้กันอย่างจริงจัง (จากบทสัมภาษณ์ที่เผยแพร่ในหลายสำนักข่าวก่อนหน้านี้) โดยแมปดังกล่าว จะมีความกว้างใหญ่ ซับซ้อนและเชื่อมต่อกัน มีเส้นทางอุโมงค์ใต้ดินหลายแห่ง ลากยาวเป็นทางลัด และมีหลายระดับชั้นให้ผู้เล่นสามารถเข้าไปค้นหาทั้งความลับและขุมทรัพย์มากมาย
ฟังดูดีใช่มั้ยครับ? นั่นแหละ ตัวหลงทางเลยขอบอก โดยเฉพาะไอ้ทางอุโมงค์ใต้ดินมันนั่นแหละ เข้าไปแล้วแทบร้องไห้ หาทางออกไม่เจอ!
CONCLUSION
สรุปส่งท้ายสำหรับเกม Star Wars Jedi: Survivor ผมพอจะฉายภาพให้คุณผู้อ่านได้ทราบกันแบบนี้ครับว่า ตัวเกมมีการพัฒนาต่อยอดจากเดิม ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก ทั้งในแง่ของขนาดฉาก, เวลาการเล่น, จำนวนคัตซีน, การปรับแต่งอาวุธและชุดแต่งตัวต่าง ๆ ของตัวละคร ฯลฯ ไปจนถึง ตัวพล็อตเรื่อง ที่ขยายไปแตะและเชื่อมโยงกับเหตุการณ์สำคัญในจักรวาลสตาร์ วอร์ส
ขณะเดียวกัน ทีมงานเขาก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามปรับเอาระบบเด่น ๆ จากหลาย ๆ เกมมาใช้กับเกมของตน ซึ่งที่เอามามันก็มีแต่จุดดีเสียด้วย จึงไม่รู้ว่าจะไปติเขาตรงไหน
ด้านความเป็นแพลตฟอร์มและความซับซ้อนสับสนของตัวฉาก ถือซะว่าผมเอามาแจ้งให้ทราบแล้วกัน บางคนอาจจะชอบแบบนี้ก็ได้ ส่วนผมอยากให้มันเน้นหนักไปที่การต่อสู้ล้วน ๆ มากกว่า ถือว่านานาจิตตังครับ
Pros
- เนื้อเรื่องดี มีทีเด็ดมากมายไว้รอคนเล่นช่วงท้ายเกม
- เกมยิ่งใหญ่อลังการ เล่นได้นาน มีโลกเกมสตาร์ วอร์ส ให้คนเล่นได้ชื่นชม
- เพลงประกอบถือว่างานดีมาก และเสียงซาวด์เอฟเฟกต์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเสียงหึ่ง ๆ ของไลท์เซเบอร์ ทำได้ดี
- ระบบท่าร่าง หรือวิชาดาบแสงของตัวเอก ช่วยเพิ่มความลึกให้กับการต่อสู้ในเกม ส่วนพลังฟอร์ซ ซึ่งถือว่าไม่ใช่ของใหม่สำหรับเกมสตาร์วอร์ ก็นับว่าใช้งานได้ดีระหว่างการเล่น
Cons
- ฉากซับซ้อนแต่ระบบช่วยเหลือผู้เล่นในการตรวจสอบเส้นทาง และการดูแผนที่ ยังถือว่าใช้งานไม่สะดวกเท่าที่ควร
- วางจังหวะจะโคนของการเดินเรื่องยังไม่ดีพอ ส่งผลให้เราต้องอยู่บนดาวบางดวงซ้ำ ๆ วน ๆ หลายรอบ แต่บางดวงไปแค่รอบเดียวก็หมดความหมายแล้ว
- คุณภาพกราฟิกและบั๊กต่าง ๆ ยังคาใจ ต้องรอดูหลังจากนี้ ว่าแพตช์อัปเดตเดย์ 1 จะช่วยแก้ไขปัญหาได้หมดมั้ย