รีวิว System Shock 2023
*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Plaion มา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นบน PC
สเปกคอมที่ใช้เล่นเกมนี้คือ
Intel(R) Core(TM) i7-10700 CPU @ 2.90GHz 2.90 GHz
NVIDIA GeForce RTX 3070
RAM 32 GB
พื้นที่ติดตั้ง 8.88 GB (อ้างอิงจากตัวที่ได้รีวิว)
System Shock อาจเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูเกมเมอร์รุ่นใหม่ แม้แต่ในช่วงเวลาที่เกมนี้ได้ออกมาให้คนสัมผัสในปี 1994 มันก็ไม่ใช่เกมที่ประสบความสำเร็จถึงขั้นท้าชิงตำแหน่งกับเกมอย่าง Doom ได้ แต่ความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงของ System Shock เราจะเห็นได้จากการที่มันทิ้งร่องรอยให้เกมชูตเตอร์แนวไซไฟได้เดินตามหลังเป็นจำนวนมาก พูดได้ว่ามันคือประกายไฟเล็ก ๆ ที่ปะทุลุกลามกลายเป็นการปฏิวัติเกมเพลย์แนวนี้ จนแม้แต่เกมที่สามารถผสานการเล่าเรื่องเข้ากับเกมเพลย์จนเป็นที่กล่าวขานไปทั่วโลกอย่าง Bioshock ก็ไม่อาจปฏิสเธแรงบันดาลใจจากเกมนี้ได้
กาลเวลาล่วงเลยมานาน เกิดการเปลี่ยนมือผู้ถือสิทธิ์ในเกมนี้มากมาย จนกระทั่ง Nightdive Studio ประกาศจะรีบูต System Shock ภาคแรกขึ้นมาใหม่ด้วยการระดมทุนผ่าน Kickstarter และด้วยพลังศรัทธาของแฟน ๆ ทำให้การระดมทุนประสบความสำเร็จ และตัวเกมก็มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการประกาศว่าจะใช้ Unreal Engine 4 มาแทน Unity เพื่อให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์ FPS ได้สมจริงยิ่งขึ้น รวมถึงการปล่อยเดโมชั้นแรกมาให้ลองกันด้วย จนสถานการณ์ล่าสุดก็คือเกิดการจับมือร่วมกับผู้จัดจำหน่าย Prime Matter โดยปักธงว่าเกมจะออกสู่ตลาดทั่วโลกในวันที่ 30 พฤษภาคม 2023 นี้แล้ว
และทีมงาน Thaigamewiki ก็ได้รับเกียรติให้มีส่วนร่วมในเกมภาครีบูตของ System Shock และความรู้สึกของผมก็คือ มันเป็นงานที่ค่อนข้างสนุกและให้พลังในแง่บวก (หลังจากต้องผ่านความพังพินาศทั้งของ Redfall และ Gollum ไป) ทั้งที่ตัวผมเองไม่ได้เป็นแฟนเกมนี้มาแต่แรก
ก่อนหน้านี้ผมได้ลองไปศึกษาก็เห็นว่ายังมีคนแข่ง Speedrun ทำลายสถิติกันไปมาอย่างต่อเนื่อง พูดได้ว่าอย่างน้อยเกมสนี้ก็มีเกมเมอร์จำนวนหนึ่งรอคอยภาค Remake อยู่แน่ ๆ
จุดขายหลัก
ตัวพล็อตของเกมนี้นับว่าน่าสนใจถ้าเทียบกับปีที่มันออกวางจำหน่าย นั่นคือเราจะต้องรับบทเป็นแฮกเกอร์คนหนึ่งที่โดนมัดมือชกลงสัญญาทาสด้วยฝีมือของ Diego ก่อนจะส่งตัวแฮกเกอร์ไปสถานีอวกาศชื่อ Citadel สิ่งที่นายจ้างต้องการจากแฮกเกอร์คือการแฮกเข้าไปในระบบของ Shodan AI ตัวแม่ที่คุมสถานีอวกาศแห่งนี้อยู่ เพื่อสืบเรื่องราวความเป็นไปว่าทำไมสถานีอวกาศแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยมนุษย์จักรกล พวกกลายพันธุ์ และเหล่าเครื่องจักรที่เชื่อฟัง Shodan ราวกับเป็นแม่ ในขณะที่ Diego ต้องการความลับบางอย่างจากสถานีแห่งนี้ Shodan ก็ไม่มีวันจะปล่อยให้คนแปลกหน้ามาป้วนเปี้ยนในรังของเธอเหมือนกัน
เสียงของ Shodan นับเป็นไฮไลต์ที่ภาค Remake ใช้ชูเป็นจุดขายมาตลอดว่าจะถ่ายทอดความอันตรายร้ายลึกผ่านน้ำเสียง แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ ถึงผมจะไม่ได้รู้จักกับ Shodan เวอร์ชันก่อนหน้า แต่สำหรับเวอร์ชัน Remake เสียงนางก็หลอนติดหูดี ความจริงเขาก็ใช้เสียงผู้หญิงที่พบได้ทั่วไปจากฝีมือนักพากย์มืออาชีพนั่นแหละครับ แต่ต้องให้เครดิตคนที่เอาเสียงไปตัดต่อ ทำให้ออกมาแล้วมันฟังดูเหมือน AI ไม่สมประกอบ มีช่วงพูดติดขัด พูดซ้ำ ๆ โทนเสียงไม่คงที่ ซึ่งจุดนี้ผมเห็นว่าทีมงานค่อนข้างใส่ใจมาก
ในแง่ของกราฟิกผมคิดว่าทีมพัฒนาทำออกมาได้ไม่เลวเลย ถ้าเทียบกับสิ่งที่เกมนี้เรียกร้องจาก PC ของผู้เล่น ตอนกดเช็คดูเกมนี้มันใช้เนื้อที่บน PC แค่ 8.88 GB ส่วนพวกสเปกแรมและการ์ดจอในระดับแนะนำอยู่ที่แรม 8 GB + NVIDIA GTX 970 4GB/AMD Radeon R9 290 4GB หรือดีกว่า ก็ถือว่าไม่แรง ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการรีดพลังเกินจำเป็น และราคาก็อยู่ในระดับ 1099 บาท ซึ่งก็พอรับได้ถ้ารวมถึงคุณภาพอื่น ๆ อย่างความยาว และระบบเกมด้วย
ผลงานกราฟิกที่ออกมา ถึงมันจะมีส่วนที่เห็นรอยหยักระดับพิกเซลถ้าเราเข้าไปดูใกล้ ๆ แต่ในแง่ความประทับใจมันใกล้เคียงกับการที่คุณเล่น Dead Space ภาคแรก แล้วโดดมาเวอร์ชัน Remake ที่เพิ่งออกไป ไม่ได้หมายความว่าเกมนี้ภาพสวยทัดเทียม Dead Space Remake นะครับ แต่หมายถึงในแง่ที่เราสัมผัสได้ว่ามันเป็นการพัฒนาการจากของเดิม มันเป็นการรีบูตและทำให้เข้ากับยุคสมัยใหม่จริง ๆ ที่สำคัญคือการเพิ่มแอนิเมชันท่าทางของตัวละครเข้าไป เช่น การหยิบอุปกรณ์ไฟล์เสียงมาสแกน การหยิบตลับยามาแปะแขนตัวเอง การหวดหรือฟาดด้วยอาวุธก็ทำมาได้ลื่นไหล
แล้วบรรยากาศในกมนี้มันจะชวนหลอนให้อารมณ์แบบ Dead Space ด้วยเหมือนกัน จะมีร่องรอยความรุนแรง ซากศพที่ถูกฉีกทึ้งตามรายทาง พวกมนุษย์กลายพันธุ์ก็ทำออกมาน่าวิ่งหนีใช้ได้เลย นอกจากนี้ยังฉากเปิดเกมก็ถูกทำขึ้นมาใหม่ทั้งหมด รวมถึงมีฉากชะตากรรมตอนที่ตัวละครเราตายด้วย
ระบบเกมและงานออกแบบฉาก
พูดถึงในแง่การต่อสู้บ้าง ในเกมนี้จะไม่มีการอัปสกิลหรืออัปปืน ความสนุกจะขึ้นอยู่กับความหลากหลายของอาวุธมากกว่า ตั้งแต่ปืนพก ปืนลูกซองที่เป็นของสามัญประจำบ้าน ปืนชาร์จพลังไฟฟ้าที่ปรับความแรงได้สามระดับ เหมาะกับเอาไว้ใช้สอยพวกศัตรูที่เป็นเครื่องจักร ยิ่งถ้าเล่นไปเรื่อย ๆ จะมีถึงขั้นเป็นกระบี่ไฟฟ้าให้ใช้ ซึ่งแรงขนาดตีศัตรูแทบทุกตัวแค่หนึ่งหรือสองครั้งก็ตายแล้ว ยังไม่รวมพวกอุปกรณ์อื่นอย่างระเบิด EMP ระเบิดกระแทก
ในแง่ของงานออกแบบฉาก ถ้าใครที่เล่นตัวเดโมมาก่อนอาจจะคิดว่ามันเดินตามจังหวะของภาคก่อนเป๊ะ แต่ไม่ใช่ครับ ในเกมตัวเต็มมีการสับเปลี่ยนตำแหน่งแห่งที่ มีการเชื่อมฉากใหม่ ทำให้คนที่เคยเล่นภาคเก่ามาก่อนก็เหมือนได้เจอของใหม่ให้ได้แสดงฝีมือกัน ส่วนพื้นที่ที่คนชอบใช้เป็นทางลัดสปีดรันหลายแห่งก็ทำไม่ได้แล้ว
ส่วนที่เป็นพัซเซิลก็ทำออกมาไม่ดูถูกสติปัญญาคนเล่นแม้แต่น้อย แม้จะเลือกในระดับที่ง่ายสุดแล้ว ก็ยังมีให้ต้องใช้สมองขบคิดไปกับมันหลายนาที ปริศนาที่เจอก็จะเป็นประเภทต่อสายไฟเดินวงจรให้มีไฟเข้าจะถึงระดับที่กำหนด ไปจนถึงขั้นเกมจะให้เราเข้าแฮกเข้าไปในระบบ สวมบทบาทคล้าย ๆ เกม FPS ยานยิง โดยเราต้องยิงทำลายศัตรูที่คอยป้องกันระบบจนหมดเพื่อแฮกเอาข้อมูลให้สำเร็จ
จุดที่ต้องติ
ถ้าจะมีจุดให้ติก็คือผมรู้สึกว่า Asset ที่เกมใช้กับแต่ละชั้นมันมีลักษณะซ้ำซ้อนกันไปหน่อย ทำให้เราแยกไม่ค่อยออกว่าชั้นไหนมีจุดเด่นยังไง ซึ่งมันจะไปส่งผลกระทบกับการเล่นของเราด้วย เพราะการที่มันดูคล้าย ๆ กันไปหมดทำให้หลงทางง่ายมาก มีหลายโมเมนต์มากที่ผมถามตัวเองว่า ทางนี้เคยมารึยังวะ?
อีกข้อหนึ่งก็คือ มันเป็นเกมที่มีรูปแบบไม่ค่อยเป็นมิตรกับเกมเมอร์ธรรมดาเท่าไร มันไม่ใช่แค่เราเคลียร์ชั้นแรกแล้วจบ จากนั้นก็ไล่เคลียร์ชั้นอื่นไปเรื่อย ๆ (ซึ่งตอนแรกผมเข้าใจว่าแบบนั้น) แต่ System Shock มันจะให้คุณเทียวไปเทียวมาระหว่างชั้นต่าง ๆ เอาของจากชั้นนี้ ไปใส่ชั้นนู้น แล้วมาเปิดระบบปฏิบัติการที่ชั้นนี้ พวกไฟล์เสียง พวกบันทึกจึงเป็นของสำคัญมากถ้าคุณต้องการจบเกมที่การเผชิญหน้ากับ Shodan จริง ๆ
อีกข้อหนึ่งที่เป็นความไม่ชอบของผมเองคือ เกมนี้มีไอเทมให้เก็บรายทางเยอะไปหมด ซึ่งบางสิ่งเอาเข้าจริงก็ไม่สามารถเอาไปทำอะไรได้นอกจากย่อยแล้วเอาไปรีไซเคิลแลกเงิน มันทำให้ผมต้องเปิดช่องเก็บของเพื่อมาบริหารจัดการของที่มันล้นเกินบ่อย ๆ ขัดประสบการณ์การเล่นไปบ้าง
การควบคุมเองก็ยังมีปัญหาให้เห็นครับ ต้องบอกว่ารีวิวนี้ผมใช้คีย์บอร์ดและเมาส์ในการเล่นเป็นหลัก มีหลายครั้งมากที่เวลากดโจมตีซ้ำ ๆ ตัวละครดันไม่ยอมทำตามแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายยิงสวนใส่หน้าแทน เหมือนจะเป็นจุดขัดข้องทางเทคนิคที่น่าจะมีการแก้ไขภายหลัง
สรุป
โดยสรุป จากใจของคนที่ไม่เคยรู้จัก System Shock มาก่อน และเป็นคนที่ไม่ค่อยอินกับเกม FPS แนวไซไฟมากนัก แต่การได้มาจับตัว Remake ครั้งแรกถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีกว่าที่คิดไว้ เกมมีเอกลักษณ์ของตัวเองที่ทำให้ผมรู้ว่าทำไมมันถึงทิ้งมรดกให้เกมรุ่นหลังอย่าง Bioshock เดินตาม เกมมีความยาวที่คุ้มค่า เล่นครั้งแรกแบบไม่รู้อะไรและเน้นเอาแต่เนื้อเรื่องอาจใช้เวลามากกว่า 6 ชั่วโมง ถ้าสำรวจแบบเต็ม ๆ น่าจะเพิ่มเวลาไปอีกหลายเท่าตัว
เกมอาจจะมีปัญหาติดขัดในเรื่องงานออกแบบฉากที่แต่ละชั้นดูซ้ำซ้อนกันไปหน่อย และการควบคุมยังมีติดขัดอยู่บ้าง ซึ่งการควบคุมเป็นปัญหาเล็กน้อยที่สามารถแก้ไขได้ภายหลัง
จุดเด่น
- งานกราฟิกที่นับว่ายกระดับเกมนี้ให้เข้ายุคสมัยที่แท้จริง
- เพิ่มแอนิเมชันท่าทางตัวละครมาเยอะ และลื่นไหล
- เสียงพากย์ Shodan คือจุดขายที่ทีมทำแล้วไม่พลาด
- ปริศนาที่ซับซ้อนและท้าทายรอยหยักสมอง
จุดด้อย
- ลักษณะด่านที่ดูซ้ำซ้อนหลงทางง่าย
- ไอเทมที่เยอะจนต้องบริหารจัดการช่องเก็บของบ่อย
- การควบคุมที่ยังไม่ค่อยเป็นดั่งใจ