รีวิว Horizon Forbidden West Complete Edition
*ขอขอบคุณโค้ด PC สำหรับการรีวิวจากบริษัท SONY Interactive Entertainment มา ณ โอกาสนี้ครับ
ก่อนอื่น! สำหรับการรีวิวเกมดั้งเดิม ในส่วนของเนื้อเรื่องและเกมเพลย์ (ของทั้งเกมตัวเต็มและ DLC) สามารถอ่านบทความของผมย้อนหลังได้ที่นี่ครับ
– HORIZON FORBIDDEN WEST [PS5] – รีวิว [REVIEW]
– HORIZON FORBIDDEN WEST: BURNING SHORES – รีวิว [REVIEW] “ทะเลพระเพลิง ระเริงสองนาง”
เมื่อพูดถึงการพอร์ตพีซีของเกมหลาย ๆ เกมจากค่ายโซนี่นั้น บริษัทได้ใช้งานสตูดิโอ Nixxes เจ้าประจำมาแล้วหลายงาน อาทิ Horizon Zero Dawn, Marvel’s Spider-Man และ Miles Morales, Ratchet & Clank: Rift Apart จนมาถึงล่าสุดกับ Horizon Forbidden West ฉบับมัดรวม DLC ในชื่อเต็มว่า Horizon Forbidden West Complete Edition
เห็นฝีมือขนาดนี้ก็ต้องบอกว่า ทีมงาน Nixxes เขาเชี่ยวชาญการพอร์ตเกม PS5 มาลงพีซี แถมทุกเกมก็พอร์ตมาได้อย่างยอดเยี่ยม ถือว่าไม่ใช่มือใหม่สำหรับงานประเภทนี้ เรียกได้ว่าเป็นมือเก๋าเลยเชียวแหละ
ก่อนที่จะไปทดสอบเกมกัน ผมขอเอาฟีเจอร์พิเศษต่าง ๆ ที่มีในเวอร์ชันนี้มาตีแผ่ให้ได้ทราบกันเสียก่อน กล่าวคือ การแสดงผลในเกมสามารถเล่นได้ด้วยความละเอียดสัดส่วนภาพ Ultrawide 21:9 และ Super Ultrawide 32:9 รวมถึงการรองรับสามหน้าจอ 48:9
ขณะที่ คุณสมบัติที่ได้เพิ่มจากการ์ดจอก็ได้แก่ การเพิ่มขนาดความละเอียดและการสร้างเฟรมด้วย NVIDIA DLSS 3 พัฒนาคุณภาพของภาพด้วย NVIDIA DLAA และลดความหน่วงด้วย NVIDIA Reflex โดยมีการรองรับ AMD FSR และ Intel XeSS ด้วย คนเล่นสามารถปรับแต่งการตั้งค่ากราฟิกตามแบบที่ต้องการได้ด้วยตัวเลือกการปลดล็อกเฟรมเรต
นอกจากนี้ ตัวเกมยังรองรับคอนโทรลเลอร์ DualSense แบบเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงฟังก์ชันการตอบสนองการสัมผัสและปุ่มไกที่เปลี่ยนแปลงได้
PC vs PS5
เกริ่นเรื่องฟีเจอร์กันไปแล้ว ทีนี้มาว่ากันต่อหลังจากที่ผมทดสอบเล่นเกมด้วยตัวเองไปแล้ว โดยอันดับแรก ผมขอบอกเลยนะครับว่า ตัวเกมยังมีเนื้อเรื่องและคอนเทนต์ต่าง ๆ (รวมไปถึง DLC) เหมือนกันกับต้นฉบับบน PS5 ทุกอย่าง ไม่ได้มีการแก้ไขใด ๆ ในส่วนเรื่องราวการผจญภัยของสาวเอลอยทั้งสิ้น
ส่วนประเด็นสำคัญที่สุด นั่นก็คือ “คุณภาพการแสดงผลกราฟิก” ซึ่งผมขอสรุปง่าย ๆ ให้ก่อนเลยว่า เวอร์ชั่นพีซีนี่มันก็คือ การเล่นเกมด้วยภาพแบบ “Quality Mode” แต่ได้เฟรมเรตแบบ “Performance Mode” นั่นแหละครับ!
อธิบายเพิ่มเติมก็คือ สมัยตอนที่คุณเล่นเกมนี้บน PS5 ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะเล่นด้วย Performance Mode กันทั้งนั้น แต่ถ้าต้องการจะถ่ายรูปในเกม ก็ค่อยปรับเป็น Quality แล้วก็ไปจัดแจงแคปฯ ภาพสวย ๆ มาเก็บไว้ดู หรืออวดชาวบ้าน จากนั้นก็เปลี่ยนกลับ
แต่พอผมได้มาเล่นเวอร์ชัน PC นี้ ผมปรับกราฟิกระดับ Very High โดยสเปคคอมฯ ที่ใช้ก็คือ Intel(R) Core(TM) i5-13400F, Ram 32 GB และการ์ดจอ NVIDIA Geforce RTX 4070 ผลที่ได้ก็คือ ภาพเกมที่สวยงามน่าทึ่งเป็นอย่างมาก รายละเอียดถี่ยิบแถมคมชัด ขณะที่การเล่นก็ไหลลื่น ค่า FPS อยู่ระหว่าง 60-100 ตลอดเวลา ไม่เคยต่ำกว่า 60 ถือว่าน่าประทับใจมากครับ
ตัวเลือกการแสดงผลสำหรับ PC
ประเด็นต่อมาเป็นหัวข้อที่น่าสนใจสำหรับคอพีซี นั่นก็คือตัวเลือกด้านการแสดงผลที่หลากหลาย ซึ่งสามารถเลือกปรับแต่งได้มากมายชนิดที่เครื่องคอนโซลเทียบไม่ติด โดยเฉพาะกับ NVIDIA DLSS 3, Intel XeSS และ AMD FSR 2.2 ที่พร้อมใช้งานสำหรับพีซีทันที และเขาประกาศด้วยว่าจะมีการอัปเดตในอนาคตในการทำงานเพื่อเพิ่ม AMD FSR 3 รวมถึงการสร้างเฟรมด้วย นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า ตัวเกมสามารถเล่นได้บน Steam Deck (แต่ผมเองไม่มีโอกาสได้ลองนะครับ)
เกมเพลย์
ในส่วนของเกมเพลย์ ต้องบอกว่าถ้าคุณใช้จอย PS5 เล่นล่ะก็…มันก็เหมือนเดิมนั่นแหละครับ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเป็นพิเศษ เพราะของเดิมมันก็ดีอยู่แล้ว โดยรองรับทุกฟังก์ชันของ DualSense มาอย่างครบครัน แต่ทีเด็ดจริง ๆ ของเวอร์ชัน PC ที่หลายคนอาจมองข้ามก็คือ ตัวเกมรองรับเมาส์และคีย์บอร์ดเต็มรูปแบบ! โดยเกมเพลย์จะให้ความรู้สึกที่ราบรื่นและน่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก ประสิทธิภาพการใช้งานแทบไม่ต่างกับการใช้จอย ทีมงานเขาปรับจูนมาได้สุดยอดจริง ๆ
บทสรุป
การเปิดตัวเวอร์ชันพีซีของ Horizon Forbidden West ถือว่าทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ และผมขอประกาศว่านี่คือตัวเกมเวอร์ชันที่ดีที่สุดครับ หากคุณเป็นเกมเมอร์สาย PC แล้วยังไม่เคยลองเล่นมาก่อน ผมแนะนำได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า ซื้อเถอะ ไม่เสียดายเงินแน่นอน แต่ถ้าคุณมีเล่นอยู่แล้วบน PS5 จะข้ามไปก็ได้นะครับ เพราะมันเล่นเหมือนเดิม เป็นเกมเดิมนั่นแหละ
จุดเด่น
- เมื่อปรับอ็อปชั่นระดับสูงสุดแล้ว ภาพเกมที่ได้สวยงามคมชัดกว่า PS5 อย่างเห็นได้ชัด เล่นแล้วตะลึงแทบทุกฉาก
- ตัวเลือกด้านกราฟิกมีหลากหลาย ปรับได้หลายแบบ บวกกับการรองรับฟีเจอร์พิเศษจากค่ายการ์ดจอ ยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลได้อีกเท่าตัว
- การเล่นเกมด้วยเมาส์และคีย์บอร์ด ออกแบบมาดี เล่นเข้ากับตัวเกม ไหลลื่น น่าประทับใจมากครับ
จุดด้อย
- ต้องการพีซีสเปคสูง เพราะถ้าเล่นด้วยระดับกลาง ๆ ไปเล่นเวอร์ชัน PS5 ดีกว่าน่ะ