Ghost of Tsushima: Director’s Cut PC – รีวิว [REVIEW]
*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Sony Interactive Entertainment Singapore มา ณ โอกาสนี้ครับ
สเปกคอมที่ใช้เล่นเกมนี้คือ
Intel(R) Core(TM) i7-10700 CPU @ 2.90GHz 2.90 GHz
การ์ดจอ: NVIDIA GeForce RTX 3070
RAM: 32 GB
ขนาดไฟล์เกม: 52 GB
แม้จะใช้เวลารวม ๆ ทั้งหมดประมาณ 4 ปี แต่ในที่สุดนักรบปิศาจ จิน ซาไก ก็ได้ออกมาสร้างตำนานให้เลื่องลือในเวอร์ชัน PC สักที และเช่นเคยครับ ในเมื่อนี่เป็นรีวิวของเกมที่ผมเคยเล่นมาก่อน และทีมงานของเราก็เคยเขียนรีวิวแบบเต็ม ๆ มาแล้วด้วย ทำให้การรีวิวเกมเวอร์ชันพีซีนี้จะเน้นไปที่เรื่องประสิทธิภาพและความคุ้มค่าครับ
ตั้งแต่ Marvel’s Spider-Man Remastered ในปี 2022 Nixxes ก็กลายเป็นชื่อที่ได้ยินเมื่อไรก็ทำให้สบายใจตลอด เพราะยังไม่เคยทำพอร์ตเกมอะไรเสียของ และหลังจากใช้เวลาไปสักพัก ผมก็รู้สึกดีใจมากว่า Ghost of Tsushima เวอร์ชัน PC ก็ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ฝีมือของทีมนี้
ความทำถึงในแง่ของฉาก, งานสถาปัตยกรรม, ทิวทัศน์ของเวอร์ชันดั้งเดิมถูกส่งผ่านมาถึงเวอร์ชัน PC ได้อย่างไร้รอยต่อ เกาะสึชิมาแทบทุกตารางเมตรคืออาหารตาที่ไม่ว่าคุณจะสะบัดกล้องใน Photo Mode แบบมือสมัครเล่นยังไง มันก็ออกมาดูราคาแพงได้แทบทุกครั้ง (อาจยกเว้นสำหรับบางคนที่ทักษะการถ่ายรูปเกินจะเยียวยา อย่างคนเขียนรีวิวนี้เป็นต้น)
และการที่เกมถูกปรับประสิทธิภาพเพื่อรีดพลังสูงสุดของงานภาพออกมา ทำให้กราฟิกและแนวทางอาร์ตที่วางไว้ตั้งแต่ต้นในเวอร์ชันคอนโซลได้เฉิดฉายมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะการที่เวอร์ชันนี้สามารถรองรับหน้าจออัลตราไวด์ 32:9 จนถึง 48:9 ในรีวิวนี้ผมไม่ได้สัมผัสกับความอลังการขนาดนั้น แต่ก็พอจะจินตนาการออกว่ามันคงเหมือนหลุดไปอยู่บนเกาะสึชิมาเลยล่ะ
ถ้าพูดถึงการพอร์ตลง PC หัวใจของมันก็คงไม่พ้นการที่เราจะได้สนุกกับการปรับแต่งตัวเลือกมากมาย ซึ่ง Ghost of Tsushima เวอร์ชันนี้ก็มีของเล่นกราฟิกมาให้แบบจุก ๆ ทั้ง Nvidia DLSS3/DLAA, AMD FSR3, Intel XeSS, Nvidia Reflex และที่ขาดไม่ได้ก็คือการเลือกปลดล็อกเฟรมเรตได้ถึง 180 เฟรม
ถึงแบบนั้น พอตอนเล่นจริง ๆ ที่ผมปรับระดับกราฟิกอยู่ในระดับสูงสุดทั้งหมด เฟรมเรตตอนบังคับตัวละครก็จะวิ่งแถว ๆ 50-60 ถ้าเข้ารกเข้าพงก็จะร่วงลงไปเหลือ 40 กว่า แต่นั่นก็นับว่าดีมากแล้วถ้าคิดว่าการ์ดจอที่ผมใช้ก็คือ GeForce RTX 3070 ที่ใกล้จะปลดระวางเต็มที
เพราะฉะนั้นในแง่ของเรื่องประสิทธิภาพก็ต้องบอกให้สบายใจกันไว้เลยว่าถ้าสเปก PC คุณถึง ยังไงก็นี่ก็เป็น Ghost of Tsushima เวอร์ชันที่ดีที่สุดในตอนนี้
ถ้าจะว่ากันเรื่องข้อเสียหลัก ๆ ก็คือ มันไปปลุกความรู้สึกด้านลบแบบเดิม ๆ ของผมตอนเล่นบน Playstation นั่นคือเนื้อเรื่อง ซึ่งมันน่าจะถูกขัดเกลามาให้มีอิมแพกต์ได้มากกว่านี้ โดยเฉพาะเส้นเรื่องหลักที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะสามารถด้อยกว่าเส้นเรื่องของตัวละครสมทบคนอื่น ๆ
เข้าใจว่าทีม Sucker Punch ไม้ได้ไม่ให้ความสำคัญกับงานเขียนบท เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงคงไม่สร้างฉากตอนเปิดเกมออกมาได้น่าสนใจขนาดนี้ ตัวละครที่ถูกวางมาเป็นวายร้ายหลักอย่างโคตุน ข่าน เป็นวัตถุดิบที่พูดได้เต็มปากว่าเสียดายของ นี่เป็นตัวละครที่มีแววว่าจะทำให้เนื้อเรื่องมันเข้มข้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะช่วงท้าย แต่กลับกลายเป็นว่าบทบาทของข่านก็เจือจางลงไปตามเวลาที่เราใช้ในเกม
ผมรู้สึกได้เลยว่านักรบปิศาจตนนี้ยังฝ่าด่านที่ยากมาก ๆ ของความเป็นเกมโอเพนเวิลด์ไม่ได้ นั่นคือการเทน้ำหนักให้ผู้เล่นหลงดื่มด่ำไปกับความสวยงาม, เควสต์รอง, ของต่าง ๆ ตามตำนานปรัมปราของเกาะที่มีให้ตามเก็บมาก จนผู้เล่นรู้สึกว่า “เดิมพัน” ของจิน ซาไก ที่ต้องเอาชนะและขับไล่ข่านกับพวกมองโกลมันไม่มีน้ำหนักมากพอจะเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่อย่างที่ตัวละครในเกมชอบพูดกัน
ในส่วนของโอเพนเวิลด์ ก็มีความเป็นสูตรสำเร็จที่กินง่าย ย่อยง่าย มีตัวช่วยตามแบบฉบับของเกมโอเพนเวิลด์สมัยใหม่ครับเครื่อง ซึ่งบางคนก็อาจจะมองว่ามันเส้นตรงไปหน่อย ถ้าเทียบกับเกมที่มันไม่ค่อยบอกอะไรผู้เล่นอย่าง Dragon’s Dogma
เรื่องข้อเสียก็มีเท่าที่ว่าไปด้านบนนั่นแหละครับ ถ้าว่าในแง่ความคุ้มค่าล่ะก็ หลายคนน่าจะรู้กันแล้วว่าเกมนี้เวอร์ชัน PC มีการมัดรวมคอนเทนต์เสริมมาอย่างเพียบพร้อม ทำให้คุณสามารถพบประสบการณ์การผจญภัยของ จิน ซาไก แบบสมบูรณ์ที่สุดในราคาที่สมเหตุสมผลมาก ๆ เพียง 1,690 บาท (อ้างอิงจากราคาบน Steam ในวันที่รีวิวนี้ปล่อย) พ่วงคำว่า Director’s Cut ที่มัดคอนเทนต์ทั้งหมดมาให้
เพราะฉะนั้น อย่างที่บอกไปข้างต้นครับว่า Nixxes ยังไม่ทิ้งฝีไม้ลายมือของงานพอร์ตเกมเอ็กซ์คลูซีฟ และนับวันก็ดูจะช่ำชองขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าจะมีอะไรให้บ่นถึง มันก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่มันใหญ่เกินกว่าจะแก้ด้วยการพอร์ตหรือรีมาสเตอร์ไปแล้ว ต้องอาศัยไปแก้ตัวเอากับภาคใหม่อย่างเดียว
แต่ทั้งหมดทั้งมวล ใครที่ยังไม่เคยได้สัมผัส Ghost of Tsushima มาก่อน หรืออยากจะลองสัมผัสมันบน PC ด้วยพลังกราฟิกที่เต็มข้อที่สุด ไม่มีโอกาสไหนจะเหมาะไปกว่านี้อีกแล้ว
จะมีอะไรที่สนุกไปกว่าการเบียวเป็นซามูไรในเกมที่สวยที่สุดเกมหนึ่ง?