Reviews

รีวิว/บ่น ELDEN RING Shadow of the Erdtree

by Reviewer Ocelot

รีวิว/บ่น ELDEN RING Shadow of the Erdtree

รีวิว/บ่น ELDEN RING Shadow of the Erdtree

* ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Bandai Namco Entertainment Asia มา ณ โอกาสนี้
** รีวิวนี้เป็นตัวเกมฉบับ PC

ดูคลิปรีวิวได้ที่ด้านล่าง

รีวิว ELDEN RING Shadow of the Erdtree ในบทความนี้ผมจะมาแปลกจากเดิมนิดหน่อย เพราะผมจะเริ่มต้นจากประเด็นที่ผมมีปัญหามากที่สุดใน DLC นี้ก่อน แล้วค่อยไปว่ากันในส่วนอื่น ๆ

อย่างที่คุณได้เห็นตามภาพครับ แล้วผมหมายความตามนั้นจริง ๆ ว่า Promised Consort Radahn เป็นบอสที่ผมหาความสนุกจากการสู้กับมันแทบไม่ได้  ต้องพูดว่าแย่เลยล่ะ แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่ามันยากมาก เพราะคนมาเล่นเกมฟรอมซอฟต์แวร์ ส่วนใหญ่มันเตรียมใจกันมาอยู่แล้วล่ะครับว่ามันจะต้องเจออะไร ความยากจะไม่ใช่ประเด็น ถ้ามันยากมากแต่มันแฟร์ หรือ มันเป็นบอสไฟต์ที่ดี ซึ่งนี่คือสิ่งที่ทำให้บอสหลายตัวจาก ซีรีส์นี้มันเป็นที่น่าจดจำ

ทีนี้ต้องตั้งหลักก่อนว่าบอสไฟต์ที่ดีในเกมตระกูลนี้คืออะไร ความเห็นผม ยกตัวอย่างง่าย ๆ ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล ให้ดูไอ้เมสเมอร์จาก DLC นี้แหละครับ ผมให้เมสเมอร์เป็นบอสไฟต์ที่ดีอันดับต้น ๆ เพราะองค์ประกอบมันครบ คือ

  1. มันมีช่วงโชว์ของเวลาเราเจอบอสครั้งแรก โดยเฉพาะพวกบอสตัวสำคัญ ๆ หรือ ตอนเข้าเฟสใหม่ มันจะท่าให้คุณรู้สึกอึ้งว่า โห อีเวร มึงเล่นใหญ่แบบนี้แล้วกูจะหลบยังไง อันนี้ก็จะเป็นโปรเซสธรรมดาที่มันเกิดขึ้น แล้วส่วนใหญ่ไม่น่าถึง 30 วิ เราก็จะตาย
  2. คือการแกะท่าของบอส เพราะท่าโจมตีของบอสมันจะมีลักษณะ…ฝรั่งเขาเรียกว่า Combat Puzzle ก็คือเขาจะมองท่าพวกนี้เป็นเหมือนปริศนาแบบนึงในเกม ถ้าคุณตายไปสักพัก คุณจะเริ่มไขออกว่าท่านี้มันต้องกลิ้งตอนไหน ท่านี้มันต้องหลบจังหวะนี้แล้วต้องเดินเยื้องอีกนิดก็จะหลบพ้น ก็จะถือว่าคุณแก้ปริศนาตรงนี้ได้ แล้วคุณก็จะจับหลักได้ล่ะ ที่เหลือมันก็คือเรื่องของสติล้วน ๆ ว่าพอเจอหลาย ๆ ท่าสลับกันไปมาถึงเวลาคุณจะหลบได้จริงมั้ย ที่สำคัญก็คือผู้เล่นต้องไม่โดนบังคับแบบอ้อม ๆ มากเกินไปว่าจะต้องไปปั้นบิลด์มาใหม่ ไปหาของที่บอสมันแพ้ทางมา ยกเว้นว่าเขาจะยัดไอเทมใส่ฉากมาให้เลย เช่น ดาบปราบงูตอนสู้กับไรคาร์ด พูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้คุณจะแก้ผ้าถือกระบองมาสู้ คุณจะต้องสามารถหลบท่าทุกท่าของบอส สามารถทำชาลเลนจ์แบบไม่โดนบอสตีเลยด้วยความสามารถขั้นพื้นฐานที่สุด เช่น วิ่ง กลิ้ง กระโดด ทุกท่าต้องใช้ความสามารถพื้นฐานหลบได้ แล้วต้องหลบได้อย่างต่อเนื่องด้วยถ้าคุณจับหลักมันได้แล้ว
  3. ผมว่ามันเป็นช่วงที่สนุกที่สุดของการสู้บอสแล้วล่ะ เขาจะเรียกว่าเราเริ่มเต้นไปกับบอสได้ คือเรารู้ภาพรวมทั้งหมดแล้วว่าท่าของบอสมันมีอะไรบ้าง ทีนี้ก็มันก็จะเป็นการหลบไปมา หาช่องว่างเข้าตีบอส หลายคนจะรู้ดีว่าฟรอมซอฟต์เก่งในเรื่องทำบอสไฟต์ที่พอผู้เล่นเล่นพลาด เรามักจะโทษตัวเองครับ “ไม่น่าเลย โลภไป จังหวะนี้กลิ้งช้าไป ฯลฯ” ส่วนใหญ่มันจะไปทางนั้นครับ

แล้วทั้งหมด 3 ข้อมันก็จะนำมาสู่ข้อ 4 นี่แหละครับ มันทำให้ชัยชนะบอสแต่ละตัวมันฟิน แล้วสำหรับคนเล่นเกมซีรีส์โซลส์หลายคน อย่างผม มันมีอีกความรู้สึกคือมันมันไม่ใช่แค่เอาชนะ แต่มันเหมือนกับเราใช้ความพยายามแกะท่าบอส แก้ปริศนา เราคู่ควรกับมันจริง ๆ  ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับดวงหมด คือดวงในการสู้บอสมันมีครับ แต่สำหรับผมมันควรจะมีบทน้อยที่สุด

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับ ราดาห์น และมิเคลล่า เรียกได้ว่ามันแทบจะไม่มีสิ่งที่พูดไปเลย

ปัญหาในเฟสสอง

ตั้งแต่ได้มิเคล่ามาเกาะหัว ราดาห์นก็กลายร่างเป็นคิซารุ ทั้งสมรภูมิมันช่างจ้าซะเหลือเกิน ระเบิดแสง แดชแสง ตัวปลอมแสงที่ทำแดเมจได้ ฝนดาวตกแสง ตีแต่ละทีเสาแสงต้องลง ทุกอย่างที่เป็นมลพิษต่อสายตาเกิดขึ้นในการต่อสู้นี้หมด ส่วนความแรงไม่ต้องห่วง ถ้าไม่ได้บิลด์สายถึกมา ขอแค่ทีสองทีเท่านั้นแหละ แล้วตอนเจอบอสตัวนี้ครั้งแรก ๆ ส่วนใหญ่ผมว่าตายภายใน 10 วิ แทบจะไม่ได้เรียนรู้ท่าไม้ตายอะไรของมันเลย

ความแรงก็ส่วนหนึ่งแต่เรื่องของงานเอฟเฟกต์ งานวิชวลต้องพูดตามตรงนะครับว่าเข้าขั้นแย่ ลองคิดดูว่านี่คือสิ่งที่คุณจะต้องมาดูไอ้ระเบิดแสงเนี่ยเป็นสิบเป็นร้อยรอบ แล้วทุกครั้งมันก็จะจบลงที่ เอ๊ะ กูตายยังไงนะ? กูตายแล้วเหรอ? นี่คือพี่จะสร้างบัญญัติการุญจริง ๆ ใช่มั้ย เอาอะไรมาการุญก่อน ทารุณดวงตากูขนาดนี้

อีกเรื่องที่ผมไม่น่าจะรู้สึกคนเดียว ก็คือผมมีปัญหากับทรงผมของมิเคล่าครับ ผมของมิเคล่าในช็อตนี้ถ้าในแง่เนื้อเรื่อง ตัดสินจากความหมาย หรือ การตีความสัญลักษณ์ ผมว่าโอเค คุณอาจจะตีความว่ามันคือการรวมกันของสามสิ่ง สามสายตระกูลคือ ร่างกายเป็นของม็อก วิญญาณเป็นของราดาห์น แล้วทั้งหมดอยู่ภายใต้การชี้นำของบัญญัติการุญของมิเคล่า หรือ มันอาจจะหมายถึงการเอาชนะความตายก็ได้ ก็ว่ากันไป

แต่พอมาว่าในส่วนเกมเพลย์ ปัญหาเกิดขึ้นทันทีเพราะพี่หันตูดทีผมของพี่บังแม่งทุกอย่าง แล้วเวลาเราจะหลบหรือหาช่องว่างของบอส เราต้องอาศัยการดูการเคลื่อนไหวของมัน โดยเฉพาะส่วนมือส่วนแขน แล้วพอมือมันถูกผมบังจนแทบจะ 100% แล้วควรทำยังไง? อันนี้ขึ้นอยู่กับความทรงจำกล้ามเนื้อของแต่ละคนเลยครับว่าจะเป็นเข็มทิศพาชีวิตคุณให้ไปสู่ชัยนะ หรือ กลับไปยืนหน้าประตู ประเด็นคือของเดิมมันยังดูยากไม่พอเหรอ ต้องเอาอะไรมาบังอีก ผมรู้ตั้งแต่ตอนนั้นเลยครับว่า ไอ้ดินแดนนี้มันไม่ต้องการราชาอะไรทั้งนั้น มันต้องการช่างตัดผมก่อนอย่างแรง

เพราะฉะนั้นความเป็นพิษ ความอยากเล่นใหญ่แต่ไม่รอบคอบมันสะท้อนออกมาจากกทั้งเอฟเฟกต์ แล้วก็ตัวของบอสเอง

ความจริงในเกม Souls ภาคก่อน ๆ ก็มีลูกเล่นที่มันลดการมองเห็นเวลาสู้กับบอสนะครับ อย่าง DS2 มันจะมีบอสชื่อ Lost Sinners ที่คุณจะต้องสู้กับมันในห้องมืด ยกเว้นคุณจะไปจุดไฟก่อน ถ้าไม่ทำมันก็จะทำให้การต่อสู้มันยากขึ้น ซึ่งจุดนี้ชัดเจนเลยไงว่างานออกแบบบอสเขาต้องการให้เป็นแบบนั้น แล้วมันมีทางแก้

ส่วนราดาห์น มิเคล่า ผมไม่รู้ว่านี่คือความตั้งใจของทีมสร้างรึเปล่าในการดีไซน์บอส แต่มันเหลือจะเชื่อว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องนี้ ผมว่าทีมพัฒนาเขารู้ว่าไอ้สิ่งพวกนี้มันเป็นอุปสรรคต่อสายตา แต่ก็ยอมปล่อยผ่านออกมาจนได้ ไม่ว่าจะตั้งใจ หรือ ไม่ตั้งใจ สำหรับผมมันไม่ใช่ไอเดียที่ดีแน่ ๆ เพราะภาระในการต่อสู้มันเยอะเกินไป มันเป็นการสร้างความยากที่ไม่จำเป็น แทนที่ความยากมันจะเกิดจากกลไกเกมเพลย์ของตัวบอส

ยังไม่ต้องพูดถึงว่า ราดาห์น มิเคลล่า ไม่ใช่บอสที่แกะท่าง่าย สำหรับผมมันเข้าขั้นยากเลย โดยเฉพาะไอ้ท่าโฮโลแกรมวาร์ปตี กว่าจะได้คำตอบว่าถ้ามันกระโดดเฉย ๆ มันจะปล่อยตัวปลอมตีเรา 3 ดาบ แล้วลงดาบใหญ่ดาบที่ 4 ถ้ามันปล่อยหินยักษ์แรงดึงดูดใส่เราก่อน มันจะวาร์ปตี 4 ครั้งแล้วลงดาบใหญ่ครั้งที่ 5 แล้วปล่อยแสง ต่อให้ตัดเรื่องแสงรบกวนออกไป มันก็เป็นบอสที่แกะท่ายากมากอยู่แล้ว มันไม่จำเป็นต้องเอาอุปสรรคทางสายตามาเพิ่มเลย

เฟสสองของราดาห์นเลยเป็นความพยายามจบ DLC อย่างยิ่งใหญ่ ก็ยิ่งใหญ่จริงแบบความอลังเต็มร้อย ความจัญไรเต็มล้าน

ท่าที่เลวที่สุด

ถ้าจบที่แค่นั้น ถ้าหยุดที่ตรงนั้น ผมก็ยังพอกล้ำกลืนที่จะบอกว่า ราดาห์นและมิเคล่าเป็นบอสที่ไม่แย่มาก ประมาณว่าครั้งนี้เล่นแรงนะ แต่ก็ยังพอเอาอยู่ เพราะคุณจะเกลียดท่าใหม่ในเฟสสองมันขนาดไหน อย่างน้อยมันก็ใช้วิ่ง ใช้กลิ้งหลบได้หมด แต่มันจะมีอยู่ท่านึงครับที่ผมคิดว่าเป็นท่าที่เลวที่สุดของราดาห์น ท่ามันดูเบสิกมาก แล้วมาตั้งแต่เฟสหนึ่ง ก็คือ ท่าฟันซ้ายขวาตบท้ายด้วยฟันแบบตัว X

ก่อนที่จะมาเล่น DLC ตัวนี้ ผมก็กลัวใจว่า มันจะมีไอ้ท่าเลว ๆ เหมือนท่าฟันแหลกแบบมาเลเนียรึเปล่า มันเป็นท่าที่ผมไม่นึกว่ามันจะมาอยู่ในเกมที่มันจังหวะคล้าย ดาร์ก โซลส์ คือถ้าไปอยู่ใน เซกิโระ มันยังธรรมดา หลังจากเจอมาเลเนียผมเลยกลัวใจฟรอมซอฟต์เลยว่ามันจะเอาท่าแบบนี้กลับมาอีกมั้ย

ปรากฏว่า ท่าฟันท่านี้ของราดาห์นมันไม่ได้อลังการอะไรเลย แต่มันใจหมากว่าท่าของมาเลเนียอีกครับ เพราะ 1. มันออกท่าเร็วมาก เร็วชนิดที่ว่าแทบจะในทันที ถ้านิ้วคุณไม่จิ้มปุ่มหลบรอ โอกาสรอดยากมาก อย่างที่สองจังหวะตวัดดาบมือขวาก็เร็วมากแล้ว Hit Box มันก็กว้างใหญ่ไพศาล ผมลองกลิ้งออกจากตัวมันตรง ๆ 2 รอบติดยังหลบไม่พ้น ระยะโคตรไกลเหมือนจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ เพราะฉะนั้น ส่วนใหญ่มันจะเกิดเหตุการณ์แบบคุณอาจจะหลบดอกที่ 1 ได้ แต่ดอกที่ 2 90% ยังไงก็โดน ส่วนไอ้ท่าฟันเป็นตัว X ปิดท้ายไม่ค่อยมีปัญหาเพราะมันง้างนาน

แต่นี่เป็นข้อพิสูจน์เลยว่าท่าที่มันออกแบบแย่ มันไม่จำเป็นต้องเป็นท่าชุดยาว ๆ เอาแค่เป็นท่าเบสิกง่าย ๆ แค่นี้เลย แล้วท่าของมาเลเนีย ถ้ากะจังหวะดี ๆ มันหลบได้ต่อเนื่องจริง ๆ แต่ไอ้ท่าฟัน 3 ฉัวะราดานเนี่ย วิธีหลัก ๆ ตอนนี้ที่เขาใช้กันเลยก็คือจะต้องเอาไปตัวไปอยู่ประชิดทางขวาขอองราดาห์นแบบห้ามหลุด แล้วคุณจะต้องหลบด้วยการกลิ้งในจังหวะที่มันเป๊ะมาก ๆ มันคือเสี้ยวของเสี้ยววินาทีที่ราดาห์นมันง้างดาบซ้ายมา คุณต้องกลิ้งไปทางซ้ายหลบทั้งดาบแรกและดาบสองไปในคราวเดียว ซึ่งการที่คุณจะทำให้มันหลบแบบต่อเนื่องได้เหมือนท่าอื่น ๆ มันก็คงทำได้แหละ ถ้าสมองคุณมีการตอบสนองที่มันเร็วกว่าค่าเฉลี่ยมนุษย์ทั่วไปเยอะมาก ๆ

ถ้าไม่เอากลิ้ง คุณก็ต้องใช้วิธีอื่นครับ อย่างไปใช้โล่ ไปแพรี่ ไปใช้อาวุธใหญ่มากัน หรือ ไปใช้เครื่องรางที่ชื่อ Crucible Feather (ผมไม่รู้ภาษาไทยเขาแปลว่าอะไร) ที่มีคุณสมบัติมันก็คือจะช่วยยืดเวลาอมตะตอนคุณตอนกลิ้งหลบ หรือ กระโดดถอยหลัง แต่นั่นหมายความว่าอะไรครับ หมายว่าคุณโดนบอสตัวนี้กึ่งบังคับให้ต้องไปใช้เครื่องมืออื่น ๆ นอกเหนือจากความสามารถพื้นฐานแล้ว

ผมย้ำตรงนี้อีกรอบว่า บอสไฟต์ที่ดี มันไม่ควรจะบังคับ หรือ ผลักผู้เล่นให้ต้องไปหาของเพื่อมาเอาชนะมันขนาดนี้ ท่าโจมตีทั้งหมดต้องมีหลักการในการหลบ คุณจะเอาตัวละครไม่อัปเวล แก้ผ้ามาสู้ ไม่บัฟเลยก็ควรจะต้องทำได้

มันเป็นประเด็นถึงขนาดว่ามีคนพยายามทำม๊อดเพื่อไม่ให้ไอ้ราดาห์นมันใช้ท่านี้อ่ะครับ

จากที่ว่าไป ผมเลยสรุปว่านี่เป็นท่าที่อาการหนักสุด แล้วด้วยความที่มันเป็นท่าที่เราต้องเจอทั้งสองเฟส มันเลยทำประสบการณ์บอสไฟต์นี้ทั้งหมดมันดิ่งเหวไปเลย

ความรู้สึกหลังจากชนะ มันเลยรู้สึกงง ๆ มันมีคำถามในหหัวเต็มไปหมดว่า มึงทำไปทำไม มึงทำไปเพื่ออะไร มันไม่ใช่ความรู้สึกบรรลุเหมือนตอนผมเอาชนะเมสเมอร์แบบไม่โดนโจมตี หรือ ตอนสู้กับอิชชินร่างหนุ่มซึ่งผมยกให้เป็นหนึ่งในบอสไฟต์ที่ดีที่สุด อิชชินผมก็ตายเป็นน้ำเลยกว่าจะผ่าน แต่พอผ่านแล้วมันเหมือนเราสอบผ่านจริง ๆ มันสามารถอธิบายได้หมดว่าทำไมเราถึงหลบไม่พ้น ทำไมเราถึงตายแบบนี้ ส่วนราดาห์นมันมีคำถามตลอดว่า ถ้ามึงออกไอ้ท่าตีซ้ายขวาบ่อยหน่อยกูก็คงตายไปแล้ว มันเหมือนกับ “อ่ะ ๆ กูเห็นมึงพยายามมานานละ คราวนี้กูไม่ใช้ไอ้ท่าโกงนั่นแล้วกัน”

ความรู้สึกอีกอย่างนึงคือ ผมกลัวใจฟรอมซอฟต์ยิ่งกว่าเดิมครับ กลัวว่ามันจะกลายเป็นการเซตมาตรฐานที่ไม่ดีว่าออกแบบบอสแบบนี้ก็ได้ ผมเข้าใจว่าเกมโซลส์มันก็มีความเฉพพาะกลุ่มระดับนึง จนกระทั่งมันมาแมสมาก ๆ เมื่อตอน Elden Ring ปัญหามันคือ บอสตัวนี้มันสะท้อนวิสัยทัศน์ของทีมสร้างน่ะว่า เขาพยายามจะดันความยากให้ออกไปไปเรื่อย ๆ จนผมคิดว่าครั้งนี้คือเริ่มล้ำเส้น คุณจะคาดหวังให้ทุกคนเป็นแบบน้อง ๆ Ongbal แบบนี้โอเคใช่มั้ย? โอเคก็ได้นะ ถ้าคุณจะอ้างว่า “มันก็มีคนก็อัปคลิปสู้ราดาห์นแบบกลิ้งหลบคนเดียว ไม่อัปเวล ไม่ตีบวกอาวุธ ก็ยังมี ทำไมเขาทำได้ แล้วพวกมึงทำไมได้” ก็ตามนั้นครับ ถ้าใช้ตรรกะแบบนี้เกมของฟรอมซอฟต์จะทั้งอดีต ปัจจุบัน และตลอดไป ก็จะไม่มีบอสไฟต์ที่ออกแบบแย่เลย เพราะมันจะมีมนุษย์คนนึงทำได้เสมอ และถ้ามีคนคนนึงทำได้ ก็เท่ากับว่าคนอื่นมันก็ต้องทำได้ แต่ผมเชื่อว่าทั้งตัวคุณมิยาซากิ และทีมงานเขาใจกว้างแล้วก็มีวุฒิภาวะมากพอที่จะไม่ใช้เหตุผลบ้องตื้นแบบนั้นมาเป็นตัวนำในการทำเกมต่อ ๆ ไปนะครับ

จบในส่วนของราดาห์นเอาเป็นว่าผมบอกตามตรงว่าน่าผิดหวังกับบอสตัวนี้แล้วกัน แล้วผมเห็นบางคนมีไปถามในคอมมูนิตีเพราะไม่มั่นใจว่ามันยากขนาดนั้นจริงมั้ย ผมขอเป็นเสียงนึงที่บอกให้ได้ครับว่ามันยาก แล้วความยากหลายอย่างมันก็ใส่มาสักแต่จะให้มันดูยากอย่างเรื่องแสงสีอะไรเงี้ย เพราะฉะนั้น มีตัวช่วยอะไรใช้ได้ก็ใช้ไปเถอะครับ เกมมันมีให้ใช้ทำไมจะใช้ไม่ได้ เล่นเอาตามที่เราสบายใจดีกว่า อยากจะเล่นโล่ เล่นเรียกเพื่อน หรือ เล่นโซโล่หาความท้าทายอะไรก็ว่ากันไป

เนื้อเรื่อง

ถึงจะบ่นไปขนาดนั้น แต่ Shadow of the Erdtree มันก็มีอะไรให้น่าพูดถึงอีกเยอะครับ ผมกล้าพูดว่าถ้าไม่นับเรื่องราดาห์น ผมสนุกกับ DLC ตัวนี้มาก โดยเฉพาะส่วนของเนื้อเรื่องที่ตอนแรกผมไม่คาดหวังอะไรเลยนะ เพราะเกมแนวฟรอมซอฟต์เนี่ย หลายครั้งผมรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันถูกให้ราคามากเกินไป เพราะส่วนใหญ่แฟน ๆ เป็นคนช่วยให้สตอรีของเกมมันดูมีอะไรขึ้นมา

ปรากฏว่า ผมดันชอบเส้นเรื่องหลัก DLC ตัวนี้เฉยเลยครับ โดยเฉพาะตัวละครหลายตัวใน DLC นี้ มันมีตัวน่าสนใจเยอะ คนโปรดของผมเลยคือปู่อันส์บัช ที่สุดท้ายเควสต์ของแกมันทำให้เรากระจ่างว่า ลูกเทพแสนดีอย่างมิเคล่ามันก็ต้องมีอะไรซ่อนอยู่ ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดว่าเขานำเสนอมิเคลล่าเป็นคนเลวแบบบริสุธิ์อะไรขนาดนั้น แต่แกนหลักของมิเคล่า เหมือนที่ปู่อันส์บัชแกพูดน่ะครับ ความรักคือพลังที่น่ากลัวที่สุด ผมว่า DLC ตัวนี้มันช่วยเพิ่มมิติของมิเคลล่าได้ดีเลยว่าการจะสร้างยุคใหม่ขึ้นมา มันต้องเสียสละอะไรบ้าง

แต่คนโปรดของผมยังไงก็ปู่อันส์บัชครับ ใจปู่แม่งได้ว่ะ ตอนแรกก็บอก “ปู่ก็แก่แล้วไปรบราฆ่าฟันกับใครก็ไม่ค่อยจะได้” พอทำเควสต์ไปจนถึงฉากที่เราต้องไปบวกกับพวกสลิ่มมิเคล่า ปู่แกถือเคียวมาเลย แม่งเป็นไฟต์ที่ผมรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันบิลด์ให้ผมต้องเรียก NPC มาช่วยจริง ๆ อันนี้สู้เดี่ยวไม่ได้ว่ะ ไม่น่าจะมัน ต้องอัญเชิญตัวละครสำคัญอย่างปู่มา แล้วตอนสู้กันมันก็พูดกันไปด้วย บทสนทนามันก็จะมีความเชือดเฉือนกันอยู่

อีกคนที่ผมชอบคือลุงอีก้อนครับ คนนี้ผมเสียดาย ตอนสู้เบยล์ผมไม่ได้เชิญแกมา เห็นมีคนบอกว่าแกปากแซ่บเอาเรื่อง เดี๋ยวไว้รอบใหม่ผมต้องเชิญมาล่ะ

งานสร้างโลก

ส่วนเรื่องงานสร้างโลก แผนที่ใน DLC นี้ ถ้าดูจากด้านบนเหมือนจะไม่ค่อยกว้าง แต่ความจริงมันจะมีพื้นที่แนวดิ่งให้สำรวจเยอะมาก แล้วก็ใช้มุกเดียวกันกับเกมหลักคือ ถ้าคุณไม่สังเกตว่าจุดนี้ หลืบนี้ มันเลี้ยวได้ มันเข้าไปได้ คุณก็จะพลาดไม่ได้สำรวจโซนใหญ่ ๆ หลายโซนเลยนะครับ แล้วแต่ละโซนก็ออกแบบมาดีด้วย อย่างโซนทุ่งดอกไม้ก่อนที่เราจะไปหานักบุญทรีนา อันนี้ทำสวยเลย ถึงจะรู้ว่ามันก็คือการเอาของเดิมมาจัดเรียงใหม่ มุกที่ใช้ก็เดิม ๆ น่ะครับ มีกำแพงล่องหน มีเหวลึกที่เรากระโดดลงไปได้ มีประตูลับที่เราปลดล็อกได้ด้วยท่าบางท่า แต่มันก็รู้สึกว่าไม่ค่อยจำเจเท่าไร ข้อเสียที่เห็นคือมันจะมีบางพื้นที่ที่มันไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจให้ทำ อย่างในเขตป่าอเวจีอย่างเนี้ย คือเน้นกว้างเอาไว้ก่อน แล้วของดรอปส่วนใหญ่มันก็จะเน้นพวกแร่เอาไว้ตีบวก อันนี้ก็เป็นปัญหาเล็กน้อย

บอสและเพลง

ส่วนเรื่องบอส นอกจากราดาห์น อีกตัวผมเกลียดคือไอ้นายพลไก่อู ผมไม่ชอบท่าบางท่ามัน มันดูเน้นดวงเหมือนกัน แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะผมไม่ได้ไปสู้กับมันแบบจริงจัง เน้นเอาชนะเฉย ๆ เหมือนมันต้องลงม้ามาสู้ ส่วนตัวอื่นผมชอบเกือบหมดเลย

สามอันดับแรกผมให้ไอ้เมสเมอร์ ไอ้สถุลเบย์ล แล้วไอ้มิดรา สู้มันจริง ๆ แล้วที่ต้องกราบงาม ๆ เลยคือ เพลงประกอบครับ เพลงบอส DLC นี้โคตรขี้โกง ตอนเล่น Elden Ring เพลงบออสหลายตัวผมเฉย ๆ แต่พอมา DLC นี้ แค่เจอไอ้บอสสิงห์โตตุ้งแช่ ผมโดนตกเลยครับ แล้วไม่แผ่วเลย เพลงประกอบดีจนไปถึงบอสสุดท้าย ทำเพลงเหมือนกับอยากจะทำซิมโฟนีอีกรอบ (ถ้ากล้าทำ ก็กล้าซื้อบัตรไปดู)

สรุป

ทั้งหมดทั้งมวลผมเลยขอเคาะคะแนนของ Shadow of the Erdtree เอาไว้ที่ 8.5 ครับ คิดดูบ่นไอ้ราดาห์นมาเกินครึ่งยังได้ 8.5 DLC ตัวนี้มันไปตกม้าตายตอนบอสสุดท้ายจริง ๆ ถ้าเขาเอาไคลแมกซ์ไปยัดให้เมสเมอร์ ผมว่าแตะ 9 ได้แบบไม่อายเลย เสียดายจริง ๆ แต่ยังไงผมก็แนะนำว่านี่คือ DLC ที่โคตรทรงคุณค่าในราคาพันต้น ๆ คุณได้คอนเทนต์ขนาดนี้ ใครที่ชอบตัวเกมหลักยังไงก็ควรจะมีติดเครื่องไว้

จุดเด่น

  • โลกโอเพนเวิลด์ที่ออกแบบสวยและมีมิติให้สำรวจเยอะ
  • เพลงประกอบบอสเข้าขั้นเทพ
  • บอสหลักมีเยอะสมราคา
  • เนื้อเรื่องช่วยเปิดมิติของตัวละครสำคัญ

จุดด้อย

  • บอสตัวสุดท้ายมีงานออกแบบแย่ ยากและไม่แฟร์
  • ไอเทมส่วนใหญ่มักเป็นแร่ตีบวก
  • ถึงเนื้อเรื่องจะขยายความเกมหลัก แต่ก็เปิดปมที่คลุมเครืออีกมาก

The Review

85% ถ้าคุณชอบ Elden Ring ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะไม่ซื้อ

85%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์