รีวิว Sonic x Shadow Generations
*ขอขอบคุณ SEGA Corporation สำหรับโค้ดรีวิวมา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นบน PlayStation 5 ในโหมดเน้นเฟรมเรต
อย่างที่หลายคนน่าจะรู้กันดีอยู่แล้วว่า Sonic x Shadow Generations เป็นการทำแพ็คเกจที่มัดรวมเอา Sonic Generations ฉบับรีมาสเตอร์ เข้ากับเครื่องเคียงคือเกมใหม่ที่โฟกัสตัวละคร Shadow โดยเฉพาะ ซึ่งก็มีความสมเหตุสมผลอยู่ในตัว เพราะเรื่องราวของ Shadow ที่เราจะได้เห็นในภาคนี้เกิดขึ้นคู่ขนานไปกับเหตุการณ์ของ Sonic Generations นั่นเอง
ผมจะขอพูดถึงในส่วนของ Sonic Generations ก่อน นี่เป็นผลงานรีมาสเตอร์ของเกม Sonic ภาคที่มีคนจดจำไม่น้อย คุณภาพกราฟิกและเกมเพลย์ดีขึ้น มันยังคงเป็นเรื่องราวการต่อสู้ของ Sonic ปะทะ Time Eater ที่เข้มข้น เกมเพลย์และงานออกแบบฉากยังเป็นสิ่งที่ทีมงานให้ความสำคัญเสมอ ถึงเราจะเห็นร่องรอยความเก่าของมันบ้าง เพราะเกมนี้ก็มีอายุ 13 ปี แล้ว ถ้านับตั้งแต่ตอนวางจำหน่ายครั้งแรก
แต่เอาจริง ๆ ส่วนตัวในฐานะที่ผมเป็นผู้เล่นที่ไม่ได้ตามซีรีส์ Sonic ผมก็รู้สึกว่าหลังยุค 3 มิติ มันหารูปแบบเกมเพลย์อื่นมาแทนรูปแบบของ Generations (และภาคอื่นในแนวเดียวกัน) ได้ยาก งานออกแบบฉากที่ให้ผู้เล่นรู้สึกว่าตัวเองได้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าตลอดเวลา การล็อกมุมกล้องเพื่อนำเสนอความเป็นแอ็กชัน เป็นส่วนผสมที่ดูเข้ารูปเข้ารอยที่สุดแล้ว
เพราะฉะนั้นงานในส่วนของ Sonic Generations ผมไม่รู้ว่าจะคอมเมนต์ส่วนไหน เพราะถึงมันจะมีอายุกว่าทศวรรษ แต่รูปแบบเกมเพลย์ของมันก็ยังเป็นส่วนที่ดีที่สุด
สานต่อปมของ Shadow
แน่นอนว่าถึงจะมาแบบคู่ แต่เรารู้กันดีครับว่าเกมฝั่งของ Shadow นี่แหละคือพระเอกของงานนี้ นี่คือส่วนที่คนคิดว่าต้องแซ่บที่สุด ซึ่งผมก็จะบอกแบบนั้น…ในทีแรก
ต้องเริ่มอย่างนี้ก่อนว่าเนื้อเรื่องในส่วนของ Shadow นอกจากจะคู่ขนานไปกับภาค Sonic Generations นอกจาก Shadow ต้องมาทำการคลายปมกับตัวละครที่สำคัญถึงขนาดเป็นครอบครัวของเขาคือเจอรัลด์และมาเรีย และการต่อสู้แบบตัดสินกับ Black Doom แล้ว เกมยังแนะนำให้เราได้รู้จักกับโลก White Space ในรูปแบบ 3 มิติ ที่มีส่วนต่าง ๆ เชื่อมต่อกัน ซึ่งมันดูเข้าท่ามาก ฉากที่ให้เราเล่นช่วงต้นเกมของ Shadow ก็ดูมีศักยภาพสุด ๆ ทั้งในแง่ของงานออกแบบ การนำเสนอ รวมถึงคัตซีนแอ็กชันที่เข้าขั้นดีเยี่ยม
งานเซอร์วิสแฟนก็ไม่ขาดตกบกพร่อง ฉากที่ Shadow ต้องไปเจอกับ Sonic และออกแนวดวลกันก็มีให้เห็น แต่จะเป็นการเล่าผ่านสายตาของ Shadow แทน ซึ่งก็ทำให้เรารู้ว่าทำไมผลการต่อสู้มันถึงออกมาแบบนั้น
แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไปเรื่อย ๆ เกมก็เริ่มเปิดแผลให้เห็น และลากยาวไปจนถึงช่วงจบเกม ซึ่งผมมี 2 ประเด็นก็คือ
ประเด็นแรก พลังพิเศษของ Shadow มีทั้งส่วนที่รักและชอบไม่ลง ในแง่ความสวย ความเท่ ผมไม่ติดเลย มันทำให้ Shadow คล้ายกับ Venom ดี แต่ในส่วนของฟังก์ชัน ผมคิดว่าพลังสามอย่างแรกคือ ท่าปล่อยหนามแหลม ท่าต่อยรัวเป็นชุด (Doom Blast) และการเรียกกระเบนดำมาขี่บนน้ำ คิดว่าทำได้ดีสุดแล้ว โดยเฉพาะ Doom Blast ที่เป็นการเสยศัตรูให้ลอยกลางอากาศ แล้วให้เราเลือกจุดที่เราจะต่อยซ้ำให้มันกระเด็นไปได้ แล้วเราวาร์ปไปปิดงานอีกที ท่านี้ดีทั้งในแง่ความอาร์ต และช่วยเปิดมิติใหม่ ๆ ของเกมเพลย์ที่มันเป็นเอกลักษณ์ของ Shadow
แต่พลังที่ได้หลังจากนั้น คือท่าแปลงเป็นเมือกเหลว กลายเป็นพลังที่ทำให้เซนส์ของความเร็วต่อเนื่องของ Shadow มันสะดุด มันเป็นพลังที่เราจะต้องหาจุดที่เป็นลูกบอลใช้แปลงร่าง เพื่อทำให้เราเคลื่อนตัวไปบนพื้นที่ที่เป็นเมือกสีม่วง ถ้าแปลงร่างแล้วเราจะเคลื่อนไหวในพื้นที่แบบนี้ได้อย่างอิสระ จะแนวตั้งแนวนอนก็ไม่ใช่ปัญหา ฟังดูแล้วเจ๋งในทางทฤษฎี แต่พอได้ลองใช้จริง ๆ มันเป็นท่าที่ใช้ค่อนข้างยาก ไม่คล่องตัว โดยเฉพาะส่วนที่ต้องอาศัยการห้อยโหน และเอาเข้าจริงมันไม่ได้เพิ่มคุณค่าในแง่เกมเพลย์ขนาดนั้น มันแค่ทำให้เราเคลื่อนไหวในพื้นที่บางส่วนแบบไม่ติดขัด แค่นั้นเอง
ถ้าจะมีอะไรที่น่าผิดหวังที่สุด ก็คงเป็นพลังปีก Doom Wing ในตอนท้าย เป็นพลังที่ดูแล้วเท่ที่สุดและดูจะมีประโยชน์มากที่สุด แต่พอต้องใช้จริงแล้ว Doom Wing มันต้องใช้วงแหวนเป็นพลังงาน แต่ปัญหาที่แท้จริงของมันคือระหว่างบินมันไม่ได้อิสระอย่างที่คิด เราจะบินเปลี่ยนทิศทางซ้ายขวาได้เท่านั้น (ยกเว้นฉากสู้บอสตอนสุดท้าย) เป็นสิ่งที่น่าอึดอัดมาก โดยเฉพาะด่านหลัง ๆ ฉากจะมีความยาวมาก มีหลายส่วนที่ผมเห็นว่าเขาออกแบบมาให้ใช้ปีกผ่านสวย ๆ แต่ในเมื่อการบังคับมันไม่เอื้อ หลายครั้งผมก็เลือกทางวิ่งธรรมดาผ่านไปดีกว่า ซึ่งนี่เป็นปัญหาที่ต้องพูดรวมไปกับประเด็นที่สองคือโครงสร้างของ Act ในเกม ที่สั้นและไม่ได้สัดส่วน
อย่างที่บอกไปครับว่าตั้งแต่ช่วงแรกถึงกลางเกมเป็นช่วงที่ผมค่อนข้างโอเคกับมัน แต่เข้าช่วงครึ่งท้ายหรือพอได้พลังสุดท้ายคือ Doom Wing มา เกมก็ทำท่าว่าใกล้จะจบเต็มที แล้วพอเล่นอีก 3 Act เกมมันก็จบจริง ๆ ครับ… มันขัดกับสิ่งที่ผมคาดหวังไว้ตอนแรก ถ้ามองตามสูตรสำเร็จของเกมแอ็กชัน ตัวละครได้พลังสุดท้ายมามันจะต้องมีเวลาให้เราได้ใช้พลังนานพอสมควร แล้วก็อาจจะปิดจบด้วยด่านอีกสักสองสามด่าน เพื่อทดสอบให้เราใช้พลังที่ได้มาทั้งหมดในการผ่านเกม
มันเหมือนกับว่าแผนงานที่ทีมพัฒนาทำมาดี ๆ ในตอนแรกมันมาเจออุบัติเหตุหรืออาจเป็นความตั้งใจอะไรบางอย่างตอนกลางเกม ทำให้งานในช่วงปลายมันดูเป็นงานรีบ ทั้งที่ด่านมันยาวมาก แต่ผมรู้สึกว่าด่านช่วงต้นถึงกลางเกม มันผ่านกระบวนการคิดมาดีกว่า และพอเกมมันรีบจะวิ่งไปหาบทสรุปเร็ว พลังท้าย ๆ ที่เราได้มามันก็ไม่ได้เฉิดฉายเท่าที่ควรจะเป็น
สำหรับใครที่คิดว่าจะมีพลังอะไรใหม่นอกเหนือจากนี้มั้ย ต้องตอบว่าที่คุณเห็นในตัวอย่างเนื้อเรื่อง นั่นคือพลังทั้งหมดแล้วครับ
ผมเข้าใจว่าเกมในฝั่ง Shadow ยังไงก็ไม่ใช่เกมเต็ม เป็นเหมือนคนละครึ่งที่เอามาประกบกับ Sonic Generations รีมาสเตอร์เฉย ๆ ถึงจะเตรียมใจมาแบบนั้นผมก็ยังรู้สึกว่า เอ๊ มันต้องสั้นขนาดนี้เลยเหรอ ผมเป็นคนที่เล่นเกม Sonic แบบงู ๆ ปลา ๆ แต่ก็จบได้ภายในสามชั่วโมงครึ่ง แล้วบทสรุปของ Shadow กับมาเรียก็เป็นอะไรที่ถึงคุณจะไม่ใช่แฟน Sonic ก็น่าจะคาดเดากันถูก ถ้าให้เปรียบเทียบอารมณ์ มันคล้ายกับคุณเลิกกับแฟนเก่าไปนานมาก ๆ จนวันหนึ่งคุณก็มารู้เหตุผลของการเลิกนั้น และเป็นอะไรที่คุณคาดเดาได้ตั้งนานแล้ว ถึงจะเดาไม่ได้ แต่มันก็ไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว
อีกหนึ่งจุดที่ผมรู้สึกว่ายังทำได้ไม่คงเส้นคงวาก็คือประสิทธิภาพ ผมเล่นเกมนี้ (ความจริงต้องบอกทั้งสองเกม) ด้วยโหมดเน้นเฟรมเรต ซึ่งช่วงที่เราบังคับตัวละครก็ให้ผลที่น่าพอใจ แต่เมื่อไหร่ที่เกมมีการตัดเข้าฉากคัตซีน อาการดรอปของเฟรมค่อนข้างเห็นได้ชัด และมันไม่ควรเกิดขึ้นโดยเฉพาะกับเกมที่ไม่ได้รีดพลังกราฟิกอะไรขนาดนั้น
ส่วนงานแปลซับไตเติลไทย คุณภาพดีมากครับ
ผมขอสรุปว่า ถ้าเอาเรื่องของราคามาคิดประกบด้วย Sonic x Shadow Generations ได้คุณภาพของเกมออกประมาณนี้ก็พอถูไถครับ มันไม่ดีเลิศแต่ก็ไม่แย่แน่นอน โดยเฉพาะสำหรับแฟน Sonic ที่นอกจากจะได้หวนกลับไปนึกถึงช่วงเวลาเก่า ๆ ที่ขัดเกลาออกมาใหม่ใน Sonic Generations แล้ว การสานต่อเรื่องราวของ Shadow ที่ค้างมายาวนานจนถึงบทสรุปก็เป็นอะไรที่พลาดไม่ได้
ถึงท้ายที่สุดเกมยังคงมีปัญหาเรื่องความไม่สม่ำเสมอของคุณภาพงานถ้าเทียบระหว่างครึ่งแรกกับครึ่งหลัง และปัญหาทางเทคนิคอีกประปราย จนแอบสงสัยไม่ได้ว่าถ้าทีม Sonic เลือกจะทำเรื่องราวที่เจาะเฉพาะ Shadow ไปเลย มันจะออกมารูปแบบไหน
จุดเด่น
- งานออกแบบฉากและแอ็กชันช่วงแรกของ Shadow ทำได้ดีมาก
- การแปลภาษาไทยไม่มีจุดให้ติ
- แฟนเซอร์วิซดี เหมาะกับคนที่อยากเห็นบทสรุปของปม Shadow ที่เปิดไว้เมื่อนานมาแล้ว
จุดด้อย
- เนื้อเรื่องส่วนของ Shadow ค่อนข้างสั้น
- การแบ่ง Act ของเกม Shadow ไม่ได้สัดส่วน
- พลังบางอย่างของ Shadow ดูดีในแง่งานอาร์ต แต่ไม่ได้เพิ่มคุณค่าในแง่เกมเพลย์เท่าไร
- ประสิทธิภาพของเฟรมเรตในช่วงคัตซีนมีดรอปเห็นได้ชัด