News Reviews

Assassin’s Creed Shadows – รีวิว [REVIEW]

by Reviewer Ocelot

Assassin’s Creed Shadows – รีวิว [REVIEW]

Assassin’s Creed Shadows – รีวิว [REVIEW]

ภาคที่ยังเชื่อในพลังของสูตรสำเร็จ

*ขอขอบคุณ Ubisoft Singapore สำหรับโค้ดเพื่อการรีวิวครับ

**รีวิวนี้เล่นบน PC โดยสเปคที่ใช้เล่นคือ

  • Processor: Intel(R) Core(TM) i7-10700 CPU @ 2.90GHz 2.90 GHz
  • Ram: 32.0 GB
  • RTX 3070

แต่ก่อนจะไปเข้าเรื่องกัน ผมต้องให้ข้อมูล 3 เรื่องคือ

ข้อแรกผมไม่มีปัญหากับยาสึเกะเลย ผมผ่านวิลเลียม อดัมส์ จากนิโอะมาแล้ว แล้วผมรู้สึกด้วยซ้ำว่าเรามีเกมซามูไรคนญี่ปุ่นเยอะ ได้ลองเล่นเป็นคนดำมั่งก็จะได้อีกรสชาตินึง นี่คือจุดยืนผม

สองคือผมโชว์สเปค PC ที่ใช้เล่นตามด้านบน มันก็ไม่ได้แก่มาก แต่ก็ไม่ได้ Top Tier อะไรขนาดนั้น ไม่เปิดเฟรมเจน เรย์เทรซซิ่งแบบปานกลาง รันแบบ 2K

สามผมเล่นเกมนี้จนจบ เครดิตขึ้นด้วยความยากระดับธรรมดา

เนื้อเรื่อง

มาว่ากันในส่วนเนื้อเรื่องก่อน นี่เป็นการรีวิวแบบไม่สปอยล์ จุดเริ่มต้นของมันก็อย่างที่หลายคนน่าจะรู้กันแล้วคือการที่โอดะ โนบุนากะยกทัพแล้วก็พายาสึเกะไปถล่มหมู่บ้านนินจาอิกะของนาโอเอะ พ่อของนาโอเอจึงขอให้ลูกสาวไปปกป้องกล่องสำคัญกล่องนึง ซึ่งเราไม่รู้ว่ามันมีอะไรอยู่ในนั้น เพราะโดนแย่งไปซะก่อน

แล้วสุดท้ายหมู่บ้านนินจาก็โดนทำลาย เกิดเป็นเรื่องราวของการเดินทางล้างแค้น แล้วก็ทำตามคำมั่นสัญญาว่าจะเอากล่องปริศนานั้นกลับมาให้ได้

เนื้อเรื่องเกมนี้ผมแบ่งใหญ่ ๆ ได้ 2 ช่วง ช่วงแรกก็คือก่อนที่นาโอเอะจะมาเจอกับยาสึเกะ ผมสงสัยมากว่าเกมเขาจะเขียนให้สองคนนี้มาเจอกันแล้วร่วมมือกันได้ยังไง เพราะเปิดเกมมามันชัดเจนเลยครับว่านาโอเอะเกลียดโอดะ โนบุนากะ แล้วก็พวกข้าทาสบริวานอย่างยาสึเกะมาก ๆ

ต้องยอมรับว่าช่วงแรกที่เขาให้เล่นแค่นาโอเอะจังหวะการเล่าของเกมมันช้านะครับ มัน Slow Burn แบบหนังญี่ปุ่นมาก ผมจำได้ว่าผมเล่นไปหลายชั่วโมงแล้วแอบรู้สึกหงุดหงิดว่าเมื่อไรมันจะเจอกันวะ ทรงมันเริ่มจะน่าเบื่อแบบวัลฮัลลา

แต่พอถึงฉากที่สองตัวละครนี้มันได้มาเจอกัน แล้วมันเปิดเผยข้อมูลนึงที่มันหย่อนทิ้งไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง ฉากนั้นมันทำงานกับผมเลยครับ แล้วมันสามารถสร้างความชอบธรรมได้เลยว่า ทำไมสองคนนี้มันถึงมาร่วมมือกันได้ อีกอย่างคือซินีมาติกฉากนั้นการแสดงทุกคน Top Form หมด จากหน้าพลาสติกนิ่งกันเกือบทั้งเกม แต่มีฉากนี้ที่มันส่งอารมณ์ถึงคนเล่น และเป็นสิ่งที่ผมไม่ได้รู้สึกจากเกมซีรีส์นี้มานานแล้ว

จากฉากพบกันครั้งนั้นที่ผมนับเป็นช่วงแรก ผมเลยรู้สึกมีความหวังกับเนื้อเรื่องของภาคนี้มาก ๆ ว่ามันจะเริ่มจากเรื่องที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้แม้จะไม่ใช่แฟน ๆ ที่ติดตามลอร์ของ AC มาก่อน ถ้าคุณเป็นผู้เล่นใหม่คุณสามารถสวมบทนาโอเอะยาสึเกะได้เลย เพราะสองคนนี้มันก็เริ่มต้นจาก 0 มันก็ยังไม่มีไอเดียหรอกว่าอัสแซสซินส์กับเทมพลาร์มันคืออะไร แต่เดี๋ยวมันจะค่อย ๆ ถักทอแล้วทำให้พวกเขารู้ว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ที่มันยิ่งใหญ่กว่าการรวมชาติในญี่ปุ่น

ช่วงที่สองมันก็จะเลือกวิธีเล่าเรื่องแบบมีเส้นเรื่องใหญ่ก็คือการออกล่าพวกแก๊งเบียวใส่หน้ากาก เป็นเส้นเรื่องที่นาโอเอะยาสึเกะต้องไปเคลียร์ร่วมกัน แล้วมันก็จะมีเส้นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน ก็คือการไปสำรวจอดีตหัวนอนปลายเท้าว่ามันมีความลับอะไรซ่อนอยู่ แล้วมันสามารถสืบไปหาเทมพลาร์และอัสแซสซินส์ได้ยังไง

มาทรงเดิมอีกแล้วครับ ช่วงที่สองก็ช้า ๆ เนิบ ๆ เวลาไปทำเมนเควสต์ที่ไหนมันก็จะเหมือนเราไปแก้ปัญหาให้ในเขตนั้นเป็นเนื้อเรื่องเล็ก ๆ แยกไป ผมก็คิดว่าถ้าตอนจบสุดท้ายจริง ๆ มันทำได้กระแทกใจแบบช่วงแรกมันก็ไม่น่ามีปัญหา

แต่ผมต้องบอกว่าเกมมันทำไม่ได้แบบช่วงแรกครับ มันทำให้ผมเชื่อไม่ได้ว่า 2 ตัวละครนี้ มันรู้แล้วว่าทั้งหมดมันคือการต่อสู้ทางอุดมการณ์อัสแซสซินส์กับเทมพลาร์ ตัวยาสึเกะอาจจะพอรู้ แต่เนื้อเรื่องฝั่งนาโอเอะนี่แบบผมว่าเขียนบทมาไม่ค่อยคม

แล้วตัวละครในประวัติศาสตร์บางตัวที่ควรจะมีบท ก็ไม่ได้มีบทเยอะอย่างที่คิด มันทิ้งความรู้สึกประมาณว่า แค่นี้เหรอวะ ในหลาย ๆ มิติ รวมถึงรู้สึกว่าเขาแอบเก็บบางอย่างเพื่อจะได้ไปเล่าต่อในวาระอื่น

แล้วผมคิดว่าส่วนหนึ่งก็คือการแสดงและการพากย์ นอกจากฉากที่เป็นซินีมาติก ความแข็งของสีหน้าในหลาย ๆ วาระ มันทำให้ตัวละครดูไม่น่าจดจำเท่าคาสซานดรา กลายเป็นว่าคนน่าจะจำยาสึเกะมากกว่า โดยเฉพาะเนื้อเรื่องย้อนอดีตช่วงแรก ๆ บทมันดูสนุกกว่านาโอเอะจริง ๆ นะครับ แต่ก็นั่นแหละช่วงท้ายมันอ่อมทั้งคู่

อีกสิ่งที่ต้องบอกให้เตรียมตัวกันก่อนก็คือ มันไม่ใช่ว่าคุณจะเลือกเล่นได้แต่นาโอเอะจนจบเกม เมนเควสต์หลายเควสต์ยังไงคุณก็ต้องเล่นยาสึเกะ แค่เปิดเกมมาก็ต้องเล่นแล้ว เพราะตามเนื้อเรื่องมันเป็นภาคบังคับ แต่ส่วนใหญ่เขาก็จะให้เราเลือกว่าจะใช้คนไหนทำภารกิจ ผมบอกได้แค่ว่าถ้าคุณอยากจะเล่นเกมจนจบมันเลี่ยงการเล่นยาสึเกะไม่ได้ครับ ถ้าไม่งั้นก็ต้องรอม็อดเอา

เกมเพลย์

ภาคนี้ Ubisoft เขาโฆษณาเอาไว้ว่า 2 ตัวละครจะมีแนวทางการเล่นที่ให้ฟีลต่างกัน งั้นมาดูว่าเขาทำได้จริงมั้ย?

เอาเรื่องของการลอบเร้นก่อน ผมคิดว่านาโอเอะเป็นตัวละครที่สามารถเติมเต็มแฟนตาซีของความเป็นมือสังหารได้แบบสมศักดิ์ศรี มันจะมีอะไรเข้ากันได้ดีมากกว่าความเป็นชิโนบิแล้วก็อัสแซสซินส์อีก? ลูกเล่นที่เขาเพิ่มเข้ามาคือการที่เราสามารถหมอบบราบไปกับพื้น ใช้ตะขอเกี่ยวขึ้นที่สูง หลบบนเพดาน มันคือสิ่งที่เกมนี้หลายภาคควรจะมีนานแล้ว แต่ใส่ในภาคนี้ก็โอเคเข้าตีมมากกว่า

ส่วนจุดขายอีกอย่างก็คือการที่คุณถืออาวุธต่างกัน มันส่งผลกับการลอบสังหารด้วย ถ้าใช้คาตานะมันจะมีสกิลที่เราแทงมันผ่านประตูได้ ถ้าใช้มีดสั้นเล็กแบบตันโตะมันก็มีท่าลอบสังหารศัตรู 2 ตัวในคราวเดียว

แต่ทั้งหมดมันเด่นขึ้นมาเพราะการออกแบบศัตรูด้วย พอศัตรูภาคนี้มันถูกออกแบบมาให้หลากหลายขึ้น มันก็จะมีวิธีการโต้กลับเราหลายแบบ อย่างการปาระเบิดควันที่ภาคก่อน ๆ ปาเสร็จก็เดินจิ้ม เดินจิ้ม ภาคนี้ไม่ใช่ ถ้าเป็นศัตรูที่มันคลาสสูงหน่อย อย่างพวกซามูไรพวกมันจะรู้งาน มันจะวิ่งออกจากกระยะของควันเลย แล้วเราก็จิ้มได้แต่พวกที่มันเป็นลูกกระจ๊อกจริง ๆ

หรืออย่างพวกข้ารับใช้ ถ้าเราไม่เชือดมันทิ้ง มันวิ่งหนีแล้วมีการไปฟ้องทหารด้วย เพราะฉะนั้นเชือดได้ก็เชือด แต่ถ้ามันจนตรอกจริง ๆ การออกแบบปฏิสัมพันธ์ของทั้งการลอบเร้น อาวุธ ศัตรู ผมว่ามันค่อนข้างให้อิสระในการวางแผนแล้วก็ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับไอ้สถานการณ์ที่มันเจอในตอนนั้น

Eagle Vision หรือระบบตาทิพย์ถูกเอากลับมาอีกครั้งในภาคนี้ครับ ทดแทนส่วนที่เราจะไม่มีนกคอยช่วยเราส่องแล้ว สิ่งที่ผมชอบทั้งที่มันเป็นเรื่องเล็กน้อยนะก็คือเสียงนาโอเอะเวลาเราใช้ Eagle Vision มันก็จะมีความก้องสะท้อน เหมือนเราได้ยินเสียงจากซิกส์เซนส์ หรือเวลาเราเข้าไปในปราสาทมันก็จะมีพื้นส่วนที่มันจะดังเอี๊ยดอ๊าดเวลาเราย่องแบบทำมาดักเราโดยเฉพาะ

หรือการที่เวลาเราเข้าไปในระยะที่จะลอบสังหารได้แล้วนาโอเอะจะขึ้นฮิดเดนเบลดเสียงดังชิ้งเป็นการเตรียมตัว ตอนใช้อาวุธปาให้ไหมันระเบิดภาคนี้ก็สัมผัสได้เลยว่าแรงจริง เชื่อเลยว่าไม่น่ารอด อะไรพวกนี้มันเป็นเรื่องของรายละเอียด แต่พอมันรวมเข้าด้วยกันมันเลยทำให้การลอบเร้นในภาคนี้มันดูอินขึ้นกว่าเดิม

ผมเล่นระดับความยากปานกลาง ลอบเร้นก็ไม่ยากไม่ง่ายกำลังพอดี สำหรับคนที่เป็นสายฮาร์ดคอร์จริง ๆ ไม่ต้องห่วง เพราะเกมเขามีระดับ Expert ให้ คราวนี้ถึงจะย่องบนหลังคาก็ Stealth แตกได้อยู่ดี

ผมติดอยู่อย่างนึงหลัก ๆ เลยก็คือเวลาเราลอบเร้นหรือสู้ในอาคารทำไมเขาต้องทำให้มันมืดขนาดนั้น เกมมันมืดสมชื่อชาโดวส์จริง ๆ ครับ เวลาลอบเร้นผมเลยไม่ค่อยใช้วิธีการดับไฟ เพราะหลายครั้งมันไม่ใช่แค่หาศัตรูไม่เจอ แต่หนักกว่าคือหาตัวเราเองไม่เจอ

แล้วอีกอย่างคือแอนิเมชันเผด็จศึก ความจริงส่วนใหญ่ทำออกมาดีนะ มันจะมีแค่บางท่าที่ผมรู้สึกว่ามันเสียเวลาไปหน่อยอย่างท่าที่นาโอเอะต้องกระโดดไปด้านหลังแล้วปาดคอศัตรู ตอนแรกที่อาวุธยังไม่เยอะมันจะให้ความรู้สึกว่า ไม่ต้องหมุนตัวทุกครั้งก็ได้มั้งลูก

ส่วนยาสึเกะ ผมพยายามแล้วนะ แต่มันฝืนธรรมชาติไม่ได้ ก่อนหน้านี้มันก็มีดราม่านิดหน่อยใช่มั้ยที่มีคลิปยาสึเกะอยู่บนกำแพงหรือหลังคาแล้วศัตรูมันมองไม่เห็นได้ยังไง ผมไม่รู้นะว่าคลิปนั้นมันเป็นความยากระดับไหน ผมเล่นความยากปานกลางผมโดนจับได้ทุกรอบ แม้แต่การนอนราบหลายครั้งก็ไม่รอด

แล้วยาสึเกะไม่ใช่แค่ปีนพวกกำแพงสูง ๆ ไม่ได้ เวลามันเดินทรงตัวมันก็เดินย่องแบบนาโอเอะไม่ได้ เวลาหลบมุมแล้วอยากจะใช้อาวุธอย่างธนูก็ต้องโผล่มาทั้งตัวเลย แต่ผมเชื่อมันมีคนจะดันทุรังเล่นลอบเร้นจนได้นั่นล่ะ

ยาสึเกะก็อย่างที่รู้ครับ คือจะเด่นเรื่องการสู้แบบตรง ๆ ว่ากันในส่วนระบบต่อสู้ อันนี้ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ว่าสิ่งที่ผมไม่คิดว่าเกมจะทำได้ดีก็คือการออกแบบศัตรู ดูเผิน ๆ ตอนแรก มันเหมือนจะเป็นเกมภาคเก่า ๆ ที่แพรี่ได้ทีนึงศัตรูเหมือนหมดทางสู้ไปเลย แต่ศัตรูในภาคนี้ท่าโจมตีมันจะมี 3 แบบ ใหญ่ ๆ ถ้าประกายสีขาวอันนี้แพรี่ธรรมดาได้ สีแดงก็ชัดเจนว่าเป็นท่าโจมตีหนักต้องหลบอย่างเดียว

แต่สีฟ้าจะต้องเป็นการแพรี่ต่อเนื่อง ศัตรูจะเสียหลักถ้าเราปัดป้องได้ในครั้งสุดท้าย แล้วจังหวะมันต้องเป๊ะระดับนึง ถ้ากดป้องกันรัว ๆ เราก็กันได้นั่นแหละ แต่ศัตรูมันจะไม่เสียหลัก การเสียหลักจะทำให้เราตีใส่มันแรงขึ้น ที่สำคัญคือลดค่าเกราะมัน เพราะศัตรูในภาคนี้ถ้าเป็นพวกทหารคลาสดีหน่อยมันจะมีค่าเกราะทุกตัว ต้องทุบให้แตกก่อน

ความท้าทายคือคุณจะไปเจอศัตรูแบบไหน ถ้าเป็นพวกกุ๊ยทั่วไปมันก็จะมีท่าแบบเตะเราแล้วกระโดดปาของใส่ ถ้าเป็นพวกทหารหรือซามูไรอันนี้ต้องดูอาวุธที่มันถือ เพราะถ้าถือดาบมันก็จะมีคอมโบแบบนึง ถือหอกมีท่าชุดอีกแบบนึง มีถือนากินาตะอารมแบบง้าวญี่ปุ่น ก็จะมีคอมโบอีกแบบนึง

ยังไม่นับพวกที่คอยซุ่มยิงเราจากระยะไกล พวกนี้เวลาเข้าใกล้มันก็จะใช้วิธีถีบเราออกมา เปิดช่องให้มันโจมตี ผมรู้สึกว่าภาคนี้น่าจะเป็นภาคที่ศัตรูมีความหลากหลายและรู้งานมากที่สุดภาคหนึ่ง ผมชอบเวลามันตีกันเอง มันก็ตีกันเจ็บ ไม่ใช่แบบตีเบา ๆ รอให้เราเข้าไปเก็บงาน

เพราะฉะนั้น ถ้านาโอเอะตอบสนองแฟนตาซีของชิโนบิมือสังหาร ยาสึเกะก็ตอบสนองคำว่า One Man Army มันไม่ได้ตอบสนองความเป็นซามูไร ถึงจะเป็นซามูไรมันก็เป็นซามูไรลูกครึ่ง จะออกไปทางเป็นยักษ์ที่รับมือกับคนได้ทั้งกองทัพมากกว่า แอนิเมชันตวัดดาบ เสียงเสียบท้อง แรงกระแทกตอนเอาตะบองยักษ์หวด มันส่งผ่านอารมณ์แบบนั้นมาถึงผู้เล่นได้ทั้งหมด

ส่วนตัวผมรู้สึกว่าเกมเพลย์ของยาสึเกะไม่ได้แย่  อาวุธที่ให้มันก็จะมีความเฉพาะตัว ถ้าอยากไปสายตีเร็ว คล่อง ๆ ก็ต้องดาบซามูไร อยากได้อะไรหนัก ๆ เน้นหวดทีหัวหลุดก็ต้องคานาโบะ ถ้าใช้นากินาตะก็จะได้เปรียบในแง่ของระยะแล้วก็การต่อสู้ตอนโดนรุม

แล้วจะมีดีเทลบางอย่างที่ทำให้การบุกต่อสู้อินมากขึ้น เช่น เวลาเราเลือกใช้อาวุธชิ้นไหน ถ้ามันทำจากวัสดุต่างกันเสียงตอนอาวุธมันปะทะกันก็เปลี่ยนตามด้วย อาวุธที่เป็นเหล็กกับเป็นไม้จะให้เสียงไม่เหมือนกัน แล้วเวลาเราไปยืนอยู่หน้าปราสาทหรือเขตที่หวงห้ามมันจะมีทหารมาเตือนเราก่อน ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะทำตามหรือช่างหัวมัน ก็จะเป็นการเปิดฉากต่อสู้ทันที

พวกท่าไม้ตายจากสกิลกดใช้ก็ไม่ได้มีเยอะแบบโอดิสซีหรือวัลฮัลลา เขาเน้นเฉพาะที่มันดูใช้งานแล้วมีประโยชน์จริงแล้วก็เน้นเบียวเป็นหลัก เวลาใช้มันก็เหมือนเดิมครับคือต้องมีค่าอะดรีนาลีน

ข้อเสียคือมันก็จะมีสกิลบางอย่างที่มันดูหลุดตีมไป เช่น สกิลท่าพุ่งแดชแล้วไปอยู่หลังศัตรู มันทำได้ยังไง เดินบนหลังคาให้คล่อง ๆ ยังไม่ได้เลย หรือบางท่าที่มันใช้แล้วรำคาญอย่างท่าที่ทำให้แพรี่อัตโนมัติ ภาพหน้าจอมันก็จะเป็นโทนขาวดำมืดไปอีก

จากที่ให้ดูเหมือนจะง่าย แต่เล่นยาสึเกะตายเป็นน้ำมาก็เยอะ โดยเฉพาะช่วงแรกที่ยังไม่ชินกับการปัดป้องกระบวนท่า เพราะศัตรูบางตัวมันตีแรงจริง ๆ 2-3 ทีหมดหลอดแล้ว

ถ้ามันจะมีบาปหนัก ๆ อะไรสักอย่างของยาสึเกะก็คือเกมเพลย์มันไม่ได้สร้างแนวทางการเล่นเกมแบบใหม่ ๆ แค่นั้นเลยสำหรับผม

ทีนี้หลายคนอาจจะมีคำถามว่าแล้วนาโอเอะถ้าจะเล่นสายสู้ สู้ได้มั้ย ถ้าเอาความยากระดับปานกลาง เล่นพลิ้วพอ แล้วเลเวลไม่ต่างกันมากก็ต้องบอกว่าได้ครับ เพราะนาโอเอะก็มีสกิลต่อสู้ของตัวเอง นาโอเอะจะเสียเปรียบแค่ตัวบางมาก ของฟื้นพลังมีไม่เท่ายาสึเกะ อาวุธแบบต่อสู้ก็จะน้อยกว่า

แต่ขอกระซิบบอกนิดนึงว่า เคียวโซ่เนี่ยโคตรจะ OP เลยครับ เพราะท่าตีหนักของมันคือการหมุนแล้วเหวี่ยงทำความเสียหายรอบตัว ตอนดูเกมเพลย์แรก ๆ ผมนึกว่ามันจะเบา ๆ แต่ของจริงแม่งแรงมาก แรงแบบที่ว่าหมุนดี ๆ แค่สองทีศัตรูเกราะพังได้ ถ้าโดนรุมแนะนำเคียวโซ่ แล้วยิ่งช่วงหลังยิ่งสบายเพราะของเราก็จะเยอะขึ้น

ภาพรวมของระบบลอบเร้นต่อสู้ เขาก็ทำได้จริง ๆ ในแง่ที่ทำให้ตัวละคร 2 ตัวนี้มันให้ฟีลลิ่งการเล่นที่ต่างกัน มันอาจจะไม่ได้พลิกโฉมเป็นนวัตกรรมเกมเพลย์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันก็คือการเอาสิ่งที่มีอยู่ทั้งในซีรีส์ตัวเองแล้วก็เกมในท้องตลาดมาขัด ๆ ประกอบกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องไม่ดี ผมเชื่อว่าหลายคนจะสนุกกับเกมเพลย์ของภาคนี้

แผลที่ใหญ่จริง ๆ คือ NPC ตะกี้เพิ่งชมไปคือพวกศัตรูส่วนใหญ่ดี แต่พวก NPC ทั่วไปมันยังมีความก่งก๊งซึ่งเป็นปัญหาที่หนึ่งมาจากทางเทคนิค เช่น เดินติดบันได เดินติดนู่นติดนี่ แล้วที่เจอตั้งแต่แรก ๆ เลยคือฝนตกฉ่ำก็ออกมายืนตากฝนกัน หรือช่วยตัวประกันเสร็จวิ่งออกไปยืนขาถ่างเรียงหน้ากระดาน มันทำให้เกมดูแย่ แต่เรื่องเทคนิคมันก็ยังพอทำใจมองข้ามได้

แต่ว่ามันจะมีปัญหาที่มาจากการเขาคิดไม่รอบคอบอย่างมีฉากนึงเราต้องเล่นยาสึเกะแล้วต้องไปดวลกับซามูไรคนนึง ประกาศเลยนะว่านี่เป็นการดวลตัวต่อตัวแบบซามูไรจนตายกันไปข้าง สิ่งที่เกิดขึ้นคือพอผมสู้ไปสักพัก ผมลองเอาปืนขึ้นมายิงมัน ยิงเสร็จกระทืบซ้ำ แล้วเรียกคนมาสู้ให้แทนจนมันแพ้

ความพีคคือคนที่ติดตามเรามาด้วยบอกว่า โอ้โห นี่คือการสู้เยี่ยงซามูไรอย่างยุติธรรม  พูดตรง ๆ เลยครับว่า ไม่ผ่าน ฉากเนี้ยไม่ได้เลย อันนี้คือความไม่รอบคอบ เพราะถ้าจะให้มันดวลกันจริง ๆ ก็ปิดให้เราใช้แค่ดาบแล้วจำกัดวงต่อสู้ ตรงนี้มันเลยดูแบบสุกเอาเผากินน่ะ ดีที่ว่ามันเจอหนัก ๆ จุดเดียว

คราวนี้ มาว่ากันในส่วนของสวมใส่ ใครเล่นภาค RPG แบบเดิม ๆ มาเข้าใจง่ายมากครับ มันก็จะแบ่งเป็นขั้น สีม่วง Epic สีทอง Legendary มาพร้อมความสามารถพิเศษ ความแตกต่างก็คือมันโดนรีดไขมันทำให้เข้าใจง่ายขึ้น อย่างการตัดของสวมใส่จนเหลือแค่อาวุธ 3 อย่าง เสื้อผ้าสามส่วนคือส่วนที่เป็นเครื่องหัว ส่วนของชุด แล้วก็เครื่องประดับจบ ซึ่งมันควรจะเป็นอย่างนั้นเพราะเรามีตัวเอก 2 คน

คุณสมบัติที่มันติดมากับไอเท็มเลเจนดารีภาคนี้มันก็จะมีเอกลักษณ์ระดับนึง มันจะไม่ใช่แค่เพิ่มค่าสเตตัสหรือเปลี่ยนแค่ตัวเลข หลายชิ้นมันมาพร้อมฟังก์ชันใหม่เลย อย่างมีชิ้นนึงที่ทำให้ยาสึเกะสามารถแพรี่ท่าโจมตีหนักของศัตรูได้ หรือนาโอเอะก็จะมีของที่ทำให้เวลาศัตรูมาสำรวจศพที่เราฆ่าแล้วจะโดนหมอกพิษ แถมมีสล็อตให้ใส่ซึ่งคุณก็สามารถเอาไปให้ช่างตีเหล็กใส่คุณสมบัติเพิ่มได้หนึ่งอย่าง จะเอาตีแรงขึ้น จะเจาะเกราะหรืออะไรก็แล้วแต่

แล้วที่ผมคิดว่าดีอีกอย่างก็คือ หลายครั้งเราชอบความสามารถของอาวุธบางชิ้นมาก แต่เราได้มันมาตั้งแต่ช่วงต้นเกม พอเลเวลสูงขึ้นมันก็แอบบังคับให้เราเปลี่ยน แต่ใน Shadows คุณสามารถอัปเกรดเลเวลอาวุธได้เรื่อย ๆ เพดานมันจะอยู่ที่เลเวลของเราในตอนนั้น ถ้ารักอาวุธหรือของชิ้นไหนคุณเอาไปอัปเกรดให้มันทันกับเลเวลของเราได้เลย ใช้ได้ยันจบ

พอพูดในแง่ความสวย ผมมองว่าชุดเขาก็ออกแบบมาดีนะ โดยเฉพาะของนาโอเอะคือได้ทั้งเท่ทั้งสวย แต่ถ้าคุณไม่ชอบ เกมเขามาพร้อมกับระบบ Transmog ก็คือคุณอยากได้ค่าพลังไอเท็มหรืออาวุธชิ้นนี้ แต่คุณไม่ชอบหน้าตามันคุณก็ใส่แล้วก็ไปเลือกเปลี่ยนหน้าตามันทีหลัง หรือจะซ่อนไปเลยก็ได้ เขาให้อิสระเรื่องการปรับแต่งดีอยู่

การสำรวจและโลก

ใครที่เคยบ่นว่า Valhalla แผนที่ดูโล่ง ๆ มีแต่ทุ่งนาป่าเขา Shadows นี่คนละเรื่องเลยครับ เหมือนประชดน่ะ ใส่ต้นไม้ดอกไม้ลำธารน้ำตกก้อนหินลงไปแบบตูม ๆ แล้วมันเยอะชนิดที่ว่ามันแทบจะบังคับไม่ให้คุณใช้ทางลัดได้เลย เพราะถ้าภาคก่อน ๆ คุณอาจจะเดินลัดเขาหรืออะไรพวกนี้ได้

แต่ถ้าคุณมาทำในภาค Shadows คุณเสี่ยงจะเจอภาวะการจมป่าหาตัวเองไม่เจอ ตอนแรกผมนึกว่าเป็นเพราะฤดูใบไม้ผลิรึเปล่าเลยต้นไม้เยอะ ปรากฏว่าไม่ใช่ครับ เหมือนเขาตั้งใจให้เป็นแบบนั้นจริง ๆ มันเลยเป็นจุดนึงที่ผมไม่ค่อยชอบบ สุดท้ายต้องยอมแพ้ก็ไปใช้ม้าวิ่งไปตามเส้นทางหลัก ซึ่งภาคก่อน ๆ ผมไม่เคยเจอภาวะอะไรแบบนี้

เพราะฉะนั้น ภาคนี้ระบบที่คุณจะต้องใช้แทบจะตลอดเวลาคือการโฟกัสครับ มันเป็นการสังเกตแล้วก็แท็กเป้าหมายทั้งศัตรู สมบัติ เควสต์ เพื่อไม่ให้เราหลงทาง แล้วก็อาจจะต้องใช้ระบบนำทางด้วยตอนขี่ม้าด้วย พอพูดถึงการขี่ม้า ภาคนี้ต้องบอกตรง ๆ ว่าทำได้ไม่ค่อยดี คือผมก็ไม่ได้แคร์เรื่องว่ามันต้องสมจริงเหมือน Red Dead 2 อะไรขนาดนั้นหรอก แต่การบังคับม้าในภาคนี้มันเลี้ยวผิดนิดนึง ชนอะไรนิดหน่อยม้าก็มันพยศแล้วครับ ไม่ได้ขออะไรยิ่งใหญ่เลยนะ ขอแค่ให้มันเหมือนภาคก่อน ๆ ก็พอ

แล้วมันจะมีอีกหลายระบบที่ผมรู้สึกว่าใส่มาทำไม หนึ่งในนั้นก็คือเวลาเรารับเควสต์มา มันจะไม่ขึ้นบนแผนที่ให้ตรง ๆ มันจะบอกใบ้ ๆ ประมาณว่าเป้าหมายอยู่ในเขตนี้ อยู่ทางตะวันตกของวัดนี้ ให้เราไปเดินหาเอาเอง สิ่งที่จะมาช่วยลดภาระตรงนี้ได้ก็คือระบบส่งคนไปสอดแนม ผมก็นึกไปซะไกลเลยว่ามันคงจะมีคัตซีนส่งคนออกไป แล้วพอเรากลับฐานเราก็จะได้ข้อมูลเชิงลึกของพื้นที่ที่เราส่งไป

แต่ของจริงก็คือกดเลือกสอดแนม เลือกพื้นที่ ถ้าเลือกถูกมันก็จะขึ้นตำแหน่งเควสต์มาให้ โธ่เอ๊ย ถ้าทำแค่นี้จะโม้ทำไมให้มันเป็นเรื่องเป็นราว มันเหมือนกับว่าการที่เขาไม่บอกตำแหน่งเควสต์เราตรง ๆ ตั้งแต่แรกก็เพื่อจะดันให้เรารู้สึกว่าระบบสอดแนมมันมีประโยชน์ มันเหมือนไม่ได้ทำมาสนองผู้เล่น ทำมาสนองระบบอีกระบบนึงมากกว่า

ยังดีที่ไอ้พวกหน่วยสอดแนมพวกนี้มันยังมีอีกหน้าที่นึงก็คือถ้าเราเจอสมบัติเราทำสัญลักษณ์แล้วให้พวกมันตามมาขนกลับไปที่ฐาน แน่นอนครับเราไม่เห็นคัตซีนเราไม่เห็นอะไรทั้งนั้น พอจบฤดูกาลเราก็จะได้สมบัติที่สั่งให้ไปขโมยมา

ส่วนพวกกิจกรรม อันนี้เยอะจริง แต่พูดก็พูดเถอะ มันก็เป็นมินิเกมเน้นปริมาณน่ะ ออกตัวก่อนว่ามันไม่ได้แย่ บางอันดูดีด้วยซ้ำอย่างมินิเกมประสานอิน มันมาด้วยคอนเสปง่าย ๆ กดปุ่มให้ตามจังหวะ แต่พอกดไปสักพักปุ่มบนหน้าจอมันจะหายไป ทีนี้มันก็ต้องอาศัยทำนองอย่างเดียวละในการกดให้ถูก

แล้วก็พวกเส้นทางทดสอบความสามารถปากัวร์ของนาโอเอะ อันนี้ก็ดี แต่หลายอันมันก็เน้นทำซ้ำไปมาครับ อย่างไปเก็บคัมภีร์ที่วัด สวดมนต์ให้ครบทุกศาลเจ้า แล้วก็ไปปราบแก๊งองค์กรลับต่าง ๆ ซึ่งมีเยอะมาก ๆ จากหน้ากระดาษเป้าหมายที่ตอนแรกโล่ง ๆ เล่นไปมา โอ้โห มีตัวละคร มีองค์กรยั้วเยี้ยเลยครับ มีซามูไรเก่ง ๆ ให้ไปดวล ถ้าคุณชอบงานขายปริมาณแบบภาค RPG ที่ผ่าน ๆ มา ภาคเนี้ยมีให้ทำเยอะไม่แพ้กัน

มาว่ากันในส่วนที่ผมมคิดว่าต้องชมกันบ้าง ก็คือภาคนี้เวลาคุณไปถึงจุดซิงโครไนซ์ด้านบนสุดของอาคารเกมมันตัดเข้าฉากสำรวจพื้นที่รอบ ๆ ให้เลยไม่ต้องกดแล้ว

จุดที่ผมว่าใส่มาแล้วทำให้เล่นเกมสะดวกขึ้นเยอะก็คือ ภาคนี้นอกจากเราจะ Fast Travel ไปจุดซิงโครไนซ์ต่าง ๆ เรายังสามารถ Fast Travel ไปจุดที่เรียกว่าคาคุเรกะพูดภาษาบ้าน ๆ ก็คือเป็นรังของเราสามารถใช้เงินซื้อได้ คือเปิดแผนที่มาแล้วกดใช้เงินซื้อแล้ว Fast Travel ไปได้เลย มันจะดีตรงที่เวลาคุณวิ่งผ่านเขตที่มันอยู่ไกล ๆ แต่ก็ขี้เกียจจะไปปีนหาจุดซิงโครไซน์ ก็ใช้เงินแก้ปัญหา แล้วในห้องนี้มันก็จะมีของให้ครบเติมเสบียงได้ เลือกผู้ช่วยได้ เข้าคลังเก็บของได้ เหมาะกับคนที่อยากจะเล่นยาสึเกะแล้วบุกปราสาทแบบตรง ๆ ก็มาเริ่มต้นที่พื้นสะดวกกว่า

แต่ของที่คนเล็งกันเยอะก็คือการสร้างฐาน อันเนี้ยดูดเวลาได้เยอะอยู่ มันมีความลึกกว่าการสร้างฐานแบบ Valhalla เพราะเขาจะตีเป็นตารางกริดมาให้ คุณก็สามารถเลือกจะวางโรงตีเหล็ก รังสปาย รวมถึงการตกแต่งอย่างเอาสระน้ำ เอาต้นไม้มาวาง ไปเจอลูกจิ้งจอกก็เอามาใส่ในฐานได้

ส่วนการออกแบบภายในมันก็จะมีผนังกำแพง มีชุดถ้วยชา ฯลฯ ของพวกนี้มันมาจากไหน? มันก็มาจากการที่เราออกไปบุกปราสาท ไปทำมินิเกมวาดรูปอะไรพวกนั่นแหละครับ แล้วมันทำให้การออกไปท่องโลกในเกมมันมีความหมายขึ้นมานิดนึง

แล้วก็จะมีเรื่องของโรงฝึกโดโจสำหรับพันธมิตรของเรา พอพูดถึงเรื่องพันธมิตรหรือคนที่เราจะเลือกไปช่วยเราในการต่อสู้ อันนี้ดีกว่า Valhalla เยอะครับ แต่ละคนจะมีคาแรกเตอร์ชัดเจน มีทั้งนักสู้ โจร นักแม่นปืน แล้วก็ยังมีที่ผมยังตามหาไม่เจออีก

แต่ละคนก็จะมีสกิลของตัวเองที่สามารถอัปเกรดได้ถ้าเราอัปเกรดโรงฝึก แล้วมันมีประโยชน์แบบจับต้องได้จริง ๆ อย่างผมชอบใช้คัตสึฮิเมะที่เป็นนักแม่นปืน ความสามารถสุดท้ายก็เอาเรื่องอยู่ ยิงกระสุนชิ่งได้

ผู้ช่วยของเราก็จะมีเควสต์ของตัวเองเหมือนนกัน สำหรับแมคเคนยู ผมว่าบทไม่ดีไม่แย่ ไม่ถึงขั้นเสียของเพราะว่าเขาพากย์ดีด้วย อีกอย่างก็คือพวกเพื่อนในฐานของเรามันจะมีปฏิสัมพันธ์กันเอง อย่างมาช่วยกันตำโมจิ หรือบางทีมันก็จะมีการไปจับกลุ่มเมาท์มอยกับช่างตีเหล็ก ผมติดแค่โรงฝึกพวกนี้มันควรจะมี NPC เดินไปมามากกว่านี้หน่อย เอามายืนโง่ ๆ แบบ Valhalla ก็ได้ มันจะได้ไม่ดูเป็นบ้านร้าง

งานภาพ

ด้วยความที่ Shadows มันเป็นเกมที่พัฒนาบนเอ็นจินที่ชื่อ Anvil ของ Ubisoft แต่เป็นเวอร์ชันที่อัปเกรดแล้ว มันก็ถือเป็นเกมเจนนี้เต็มตัว เพราะฉะนั้นภาพมันจะสวยขึ้นอยู่แล้ว มันไม่ได้ก้าวกระโดดจาก Valhalla มาก แต่ก็แตกต่างในระดับที่สังเกตได้

สิ่งที่โชว์ประสิทธิภาพเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือระบบ 4 ฤดูกาล ที่เขาชอบโฆษณาน่ะ คือส่วนใหญ่เวลา Ubisoft เขาโปรโมทระบบอะไรก็ตามที่มันดูจะเป็นของใหม่ ให้หาร 10 อย่างระบบ Factions ใน SWO ที่พอออกมาจริงมันก็เป็นแค่กิมมิกอย่างนึงที่ไม่ได้ส่งผลให้หน้าเกมมันเปลี่ยนแปลงจากสูตรสำเร็จอะไรขนาดนั้น แต่ระบบ 4 ฤดูกาลคือของจริง มันก็ยังหารอยู่ดีในแง่เกมเพลย์  แต่ถ้าพูดถึงในแง่ของความสวย ภาพ ซื้อเลย

4 ฤดูเราจะเห็นความแตกต่างชัด ถ้าใบไม้ผลิมันก็จะมีความเขียว มีต้นซากุระ แต่ความโหดจริง ๆ คือตอนฝนตกหนัก มันมาหมดจริง ๆ ครับ ทั้งเสียงฝนตกกระทบพื้น ตกใส่ใบไม้ใบหญ้า ต้นไม้กิ่งไม้โยกตามแรงลม ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า แล้วมีเสียงน้ำไหล เสียงพายุ

ฤดูร้อนผมงงสุดว่าเขาจะทำให้มันแตกต่างยังไง แต่เขาทำได้ ถ้าเข้าหน้าร้อนความจ้าของแสงแดด ที่ที่แดดส่องถึงมันก็จะมากกว่า  ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็สวย แบบมีลมพัดใบไม้ลอยไปลอยมา

ส่วนที่ว่ามันส่งผลกระทบกับเกมเพลย์ขนาดไหน ผมไม่ได้เห็นความแตกต่างชัดขนาดนั้น ยกเว้นฤดูหนาว ถ้าเราเดินย่ำไปบนหิมะถ้าหิมะหนาเราก็จะกดวิ่งไม่ได้ ถ้าตรงไหนเป็นสระน้ำที่มันโดนแช่ มันก็จะเป็นแอนิเมชันที่เราลื่น วิ่งไม่ได้เหมือนกัน แต่หลัก ๆ เลยคือมันขายบรรยากาศ แล้วมันสวยจริง

อีกเรื่องคือการทำลายวัตถุ อันนี้ก็ดี เวลาเราฟันประตู เราฟันต้นไผ่ แนวการฟันมันก็จะไปในทิศทางที่เราฟัน เพราะฉะนั้นเรื่องงานภาพสภาพแวดล้อม อันนี้ไม่ค่อยจกตา ของเขาทำถึง

Performance

อันนี้ก็ต้องหมายเหตุก่อนนะครับว่ารีวิวนี้มันมาก่อนที่จะมีแพทช์เดย์วัน เพราะฉะนั้นเรื่องประสิทธิภาพอะไรต่าง ๆ ตอนของจริงออกมันอาจจะแตกต่างไป แล้วก็อย่างที่บอกไปตอนต้น ผลจากการไม่เปิดเฟรมเจน เฟรมปกกติมันวิ่งอยู่แถว ๆ 50 ไม่เกิน 60 ตอนร่วงเยอะ ๆ คือช่วงที่มันบวกกัน หรือตอนเปิดแผนที่ขึ้นมา อาจจะลงไปแตะ 20 แต่ต้องบอกว่าผมก็เลือกกราฟิกแบบไม่เจียมตัวนะ เอารายละเอียดตัวละครสูงสุด พื้นผิววัตถุสูงสุด

สิ่งที่ผมเจอก็คือในหลายฉาก โดยเฉพาะในอาคารเกมมันโหลดพื้นผิววัตถุไม่ทันครับ ที่เห็นชัดเลยก็คือพวกกล่องสมบัติ เหมือนหลุดออกมาจากมายคราฟต์เลยต้องรอมันประมวลแปปนึงถึงจะออกมาสวย อันนี้ไม่น่าใช่ปัญหาจาก PC ผมละ เพราะลองปรับระดับลงมาก็ยังเป็นอยู่

แล้วที่เจออีกอย่าง คือผมเล่นแบบเลือกให้ตัวละครซ่อนเครื่องหัวเพราะผมจะได้ดูสีหน้าตัวละคร แล้วคัตซีนหลายฉากอยู่ดี ๆ หมวกมันโผล่มา แล้วผมเจอฉากนึงท้ายเกมเป็นฉากสู้กับบอส บอสโดนเราตบหมวกเกราะหลุด โดนถีบออกไปสู้ข้างนอก สู้ชนะตัดเข้าคัตซีนหมวกอยู่คาหัวหน้าตาเฉยเลย อะไรประมาณนั้น

หลัก ๆ ก็ประมาณนี้ล่ะครับ เฟรมรร่วง มันจะกินเยอะตอนเปิดแผนที่ ช่วง Fast Travel เคยหนักสุดก็คือเข้าเกมมาจะเปิดแผนที่แล้วเกมมันค้างไปเลย แต่พวกบั๊กที่ทำให้เควสต์มันตัน เควสต์ไปต่อไม่ได้ ไม่เจอเลย เล่นได้จบแบบไม่ติดขัดอะไร น่าพอใจอยู่

สรุป

Assassin’s Creed Shadows เป็นเกมที่ถ้าเทียบกับภาคก่อน ๆ มันคือการเดินหน้า 2 ถอยหลัง 1 ในหลาย ๆ มิติ ผมแฮปปี้กับศัตรูในภาคนี้มาก แต่ความเด๋อของ NPC ทั่วไปก็ยังพอมีให้เห็น แล้วเกมก็มืดจริง ๆ ผมรัก 4 ฤดูกาล และสภาพแวดล้อมในเกม แต่การใส่ป่ามาแบบทึบ ๆ จนเราวิ่งทางลัดแทบไม่ได้เลยผมก็ค่อยพอใจ ด้านเนื้อเรื่องที่ช่วงแรกตอนเจอกันทรงพลังมาก มีความหวังมาก ปลายทางกลับไม่สามารถขยี้อารมณ์ได้อีก

ถึงแบบนั้นในภาพรวม ผมยังให้ Shadows สนุกกว่า Valhalla และถ้าไม่นับเนื้อเรื่อง เกมเพลย์มันพอสู้ Odyssey ได้ มันเป็น AC ยุค RPG ที่ยังเชื่อในสูตรสำเร็จของตัวเอง แต่พยายามรีดไขมันเอาส่วนไม่จำเป็นออก แล้วก็เติมส่วนที่ดีเข้าไป เพิ่มจุดอำนวยความสะดวกมากขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าคุณชอบ Odyssey แล้วพอถูไถกับ Valhalla ก็ไม่มีเหตุผลที่คุณจะเล่นภาคนี้ไม่ได้

7.5 สำหรับ Asassin’s Creed Shadows ครับ

The Review

75% เหล้าที่เกือบใหม่ ในขวดเก่า

75%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์