รีวิว Assassin’s Creed Shadows: Claws of Awaji
* ขอขอบคุณโค้ด PC เพื่อการรีวิวจาก UBISOFT มา ณ โอกาสนี้ครับ
ก่อนเข้าเรื่อง ใครยังไม่ได้อ่านรีวิวตัวเกมเวอร์ชันหลักจากคุณ Reviewer Ocelot ขอเชิญไปอ่านงานเขียนคุณภาพคับแก้วกันก่อนได้ที่นี่ครับ
Assassin’s Creed Shadows – รีวิว [REVIEW]
ส่วนบทความของเราในคราวนี้ จะเป็นการมาพูดถึง DLC ความยาวราวสิบชั่วโมงที่ผมเพิ่งเล่นจบไปไม่นาน ในชื่อ Claws of Awaji ซึ่งบอกเลยว่า มันส์พ่ะยะค่ะ! ของเขาดีจริง ส่วนจะดียังไง ผมจะมาชำแหละให้อ่านกัน ดังนี้
ว่ากันในส่วนของเนื้อเรื่องก่อน (มีสปอยล์เล็กน้อย) โดย กรงเล็บอะวาจิ จะดำเนินเรื่องราวต่อจากตอนจบของเกมภาคหลักโดยทันที เนื้อหาใน DLC จะเล่นได้ก็ต่อเมื่อคุณเคลียร์เมนเควสต์ทั้งหมดของเกมต้นฉบับจบก่อน ถึงจะมาเริ่มเควสต์เกาะอะวาจิได้นะครับ
ส่วนเรื่องราวแบบคร่าว ๆ ก็คือ นาโอเอะได้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “สึยุ” มารดาที่หายตัวไปนานของตน ว่าอาจจะกำลังลำบากอยู่บนเกาะอะวาจิ นาโอเอะแอนด์เดอะแก๊งจึงมุ่งหน้าไปตามหา ก่อนได้พบกับพวกสาวกเทมพลาร์และกลุ่มนักรบลึกลับอย่าง “Sanzoku Ippa” ที่ปกครองเกาะนี้อยู่อย่างเข้มแข็ง ก่อนที่เรื่องราวต่อจากนี้ก็จะเป็นการต่อสู้กันอย่างดุเดือดในแบบที่ผู้เล่นก็คงจะเดากันได้นะครับ
ทีนี้ ในส่วนของภาพรวมเกี่ยวกับการดำเนินเรื่อง ตัวเกมยังทำได้ดีเหมือนเดิม แต่มีอารมณ์ที่แตกต่างจากเนื้อเรื่องหลักเยอะพอสมควร ถ้าจะให้อธิบายแบบคอหนังคอซีรีส์ ผมขอเปรียบเทียบอย่างนี้ว่า…ถ้าภาคหลักเหมือนซีรีส์ “โชกุน” ภาคเสริมนี้จะเหมือนหนังจำพวก “อาสึมิ”, “ซาโตอิจิ” อะไรเทือกนั้น!
เพราะมันมีความเป็นมังงะ เป็นการ์ตูนนินจาเวอร์ ๆ สูงมากครับ หลายฉากเล่นใหญ่เน้นความเท่ เหนือจริงมากกว่าเดิม โดยเฉพาะการเปิดตัว “บอส” ที่มีทั้งนินจาและซามูไร ที่ทำออกมาในสไตล์การ์ตู๊นการ์ตูนมาก ๆ
ถ้าภาคหลักมีฉากเปิดตัวแก๊งหน้ากากวายร้ายสุดเท่ให้ดูกันแล้ว ใน Claws of Awaji ก็มีไม่แพ้กันครับ
ต่อกันในส่วนของเกมเพลย์ ซึ่งหลายอย่างยังเล่นในโครงสร้างเกมแบบเดิมนั่นแหละ แต่ที่มีเพิ่มเติมอย่างเห็นได้ชัด มี 3 ส่วนด้วยกันก็คือ อันดับแรก อาวุธใหม่ที่รียกว่า Bo เป็นไม้กระบอง ที่ใช้ท่วงท่าเหมือนกังฟูมากกว่าวิชาทวนแบบญี่ปุ่น โดยอาวุธชนิดนี้นำมาซึ่งอรรถรสการเล่นเกมที่แตกต่างไปอีกแบบ
ประเด็นที่สองคือ ผู้เล่นจะรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดของการถูกตามล่า และต้องคอยหลีกเลี่ยงกับดักและการดักซุ่มโจมตีของชิโนบิตัวฉกาจแทบทุกจุดบนเกาะ แถมมีวางเป็นกับดักด้วยนะ อาทิ สมบัติโผล่กลางทาง, คนเดือดร้อนขอความช่วยเหลือริมทาง หากเราเผลอแวะปุ๊บ พวกนินจาที่ดักซุ่มโจมตีอยู่จะโผล่ออกมาเล่นงานทันที
ประเด็นสุดท้าย คือการปะทะบอสในส่วนเสริมนี้จะไม่ใช่แค่การดวลกันเดี่ยว ๆ ในฉากปิดอารีน่าแบบเดิม ๆ แต่จะมีลูกเล่นมากมายคล้าย ๆ กับการสู้บอสในเกมเมทัลเกียร์โซลิด ซึ่งผมเล่ามากไม่ได้ เดี๋ยวจะหมดสนุกกันเสียก่อน เอาเป็นว่า มันถือเป็นความแปลกใหม่ของซีรีส์ที่น่าต่อยอดไปใช้ต่อในเกมภาคใหม่ ๆ ในอนาคต
อย่างไรก็ดี ไอ้การสู้บอสแบบมีเงื่อนไขดังกล่าว อาจเป็นดาบสองคม เพราะมันจะสร้างความหงุดหงิดโคตร ๆ ในช่วงแรกที่ผู้เล่นยังไม่รู้ว่าต้องจับจุดอ่อนมันยังไง อาจต้องยอมตายเป็นเบือเพื่อเรียนรู้กลไกของเกม มันไม่ง่ายแบบสมัยก่อน ๆ แล้วครับที่เน้นการต้อสู้ระยะประชิดกันอย่างเดียว
สรุป
มาถึงการสรุปรวบยอดกันดีกว่า ผมรู้สึกเต็มอิ่มกับ Assassin’s Creed Shadows: Claws of Awaji มาก ๆ มันเป็นบทสรุปที่ลงตัวของเรื่องราวในส่วนของชีวิตนาโอเอะ (ยาสึเกะแทบไม่เด่นเลยในภาคนี้ บอกเลย) และเวลาการเล่นราวสิบชั่วโมงก็ถือว่ากำลังดีเลยครับ เล่นจบก่อนที่จะเริ่มเบื่อพอดี 555
โดยส่วนตัวของผมเอง หลังเล่นเกมชุดนี้จบ ผมชักจะเริ่มอิ่มตัวกับสูตรเกมโอเพ่นเวิลด์ในแฟรนไชส์ Assassin’s Creed ซะแล้วสิ (จะเปลี่ยนภารกิจทีขี่ม้าเป็นกิโล) ต้องจับตาดูการพัฒนาก้าวต่อไปของทางยูบิซอฟต์เขานะครับ ว่าจะพัฒนาพาซีรีส์เกมระดับตำนานเกมนี้ไปสู่ทิศทางใดต่อไป ผมเอาใจช่วยนะ และก็จะรอเล่นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง















