ขอขอบคุณโค้ดเกม (PS5) เพื่อการรีวิว จากบริษัท Ripples Thailand มา ณ โอกาสนี้ครับ
ปีนี้นับเป็นปีที่ดีสำหรับเกมแข่งรถ เพราะทั้งปีมีเรซซิ่งเกมดี ๆ ให้เลือกเล่นมากมาย ทั้งแบบรถยนต์ทางเรียบ, แรลลี่, มอเตอร์ไซค์ทางเรียบ, มอเตอร์ไซค์วิบาก, เกมแข่งรถเหล็กของเล่น ฯลฯ เพียบเลยครับ แล้วก็มาถึงเกมล่าสุดนี้กับ RiMS Racing เกมจำลองนักขี่/นักแต่งรถบิ๊กไบค์ จากค่าย RaceWard Studio ที่จัดจำหน่ายโดย บริษัท NACON ซึ่งเพิ่งวางขายไปเมื่อ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา ทั้งบนพีซีและคอนโซล ซึ่งบทความชิ้นนี้จะมาตีแผ่ตัวเกมให้ได้ทราบกันว่า ตัวเกมมีดีแค่ไหน (และจะดีกว่าเกมรุ่นใหญ่อย่าง โมโตจีพี 21 ได้หรือไม่!)
Game Mode
เริ่มกันด้วยโหมดที่มีให้เล่น โดยโหมดหลักของเกมคือโหมดอาชีพ – career mode ซึ่งในเกมนี้จะแตกต่างจากโมโตจีพี ที่เกมนั้นเน้นการปั้นทีม(และนักแข่ง) เข้าสู่ทัวร์นาเมนต์ระดับโลก แต่สำหรับ RiMS Racing มันคือการ ซื้อรถจยย.ที่คุณชอบมาปรับแต่งโมดิฟายด์ และฝึกฝนเข้าแข่งในรายการต่าง ๆ ของเกม เพื่อสะสมเงินมาพัฒนารถ ตลอดจนซื้อรถคันใหม่ ๆ เพื่อจะชนะได้มากขึ้นต่อไป
จะเห็นได้ว่า การมีรถของตัวเองมันก็เรื่องหนึ่ง แต่การปรับให้รถเลเวลอัปขั้นเทพได้นี่ก็อีกเรื่องหนึ่งเหมือนกัน!”
ส่งผลให้เกมนี้มีเอกลักษณ์สำคัญนั่นคือ ถ้าผู้เล่นมีความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไกในวงการรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหญ่ จะทำให้เล่นได้สนุกมากขึ้น เล่นเป็นว่างั้นเถอะ…แต่ถามว่าถ้าไม่รู้เรื่องเลยจะเล่นได้มั้ย ผมก็ลองทดสอบด้วยการเลือกปรับตามอ็อปชั่นต่าง ๆ ก็พบว่า ตัวเกมมีให้เลือกออโต้ได้หลายจุด สามารถให้เอไอจัดการแล้วข้ามเรื่องการปรับแต่งยุ่งยาก ไปรอแข่งรถอย่างเดียวก็ย่อมได้…ทว่า ความท้าทายของเกมเหมือนจะหายไปครึ่งหนึ่งทันที ซึ่งตรงนี้เป็นหน้าที่ของผู้เล่นเองนะครับ ว่าจะตัดสินใจเลือกเล่นเกมนี้กันอย่างไร
บางคนอาจแย้งว่า เกมแข่งรถส่วนใหญ่มันก็มีการโมฯ รถแบบนี้ทั้งนั้น ซึ่งผมขออธิบายเพิ่มว่า สำหรับในเกมนี้มันละเอียดยิบย่อยมากครับ เริ่มจากชิ้นส่วนทั้งหมดที่ปรับเปลี่ยนได้ในรถ 1 คันคือ 45 ส่วน และอะไหล่ที่หาซื้อมาติดตั้งได้นั้นมีทั้งหมดราว 500 ชิ้นที่มาจากผู้ผลิตชื่อดังในวงการ ดูกันตาลาย แถมค่าพลังที่เพิ่มขึ้น/ลดลง เวลาเปลี่ยนอุปกรณ์ยังมีหลายระดับ ต้องอาศัยความรู้พอสมควรเลยนะครับ ถึงจะประกอบรถได้มีประสิทธิภาพที่สุด
ทั้งนี้ ตัวอย่างอุปกรณ์ที่ถอดเปลี่ยนได้ก็เช่น ยาง, ดิสก์, คาลิปเปอร์, แผ่นรอง, ช่วงล่าง, สปริง, ไส้กรองอากาศ, ท่อไอเสีย, เบรก, คลัตช์, กระบอกสูบ, น้ำมันเบรก, น้ำมันเครื่อง, กล่อง ECU, แฟริ่ง… และอื่น ๆ อีกมากมาย
แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ว่าบางทีปรับแต่งรถไปแล้วเกิดสงสัยว่ามันจะดีจริงมั้ยเวลาเอาไปแข่ง ตัวเกมก็เลยสร้าง โหมดเกมที่เรียกว่า Private Setting ขึ้นมา (ซึ่งผมชอบมาก) มันก็คือการทดสอบการขับขี่บนสนามจริง มีคอกนักบิดให้ มีทีมงานให้ คุณสามารถเปลี่ยนอะไหล่ได้แบบเรียลไทม์ แล้วก็ขี่ลงไปเทสต์ในสนาม จากนั้นก็เข้าพิตปรับนู่นนี่เพื่อความพอใจแล้วก็ลงไปขี่ใหม่ได้ โดยการตรวจสอบสถานะมอเตอร์ไซค์ (MSC – Motorbike Status Check) นี้จะให้การวิเคราะห์สถานะและประสิทธิภาพของรถมอเตอร์ไซค์ตรงตามความชอบของคุณเองได้มากที่สุด ให้ผู้เล่นได้จัดการ และรวมส่วนประกอบที่จำเป็นแต่ละรายการใน driver’s HQ ต่อไป
ท้ายสุดในโหมดอาชีพก็คือ ตลอดการแข่งขันจะถูกแบ่งออกเป็นฤดูกาล โดยแต่ละฤดูกาลประกอบด้วยรายการมากกว่า 70 อีเวนต์ ให้เล่นสะสมเงินและคะแนนกันยาว ๆ
นอกเหนือจากโหมดอาชีพแล้ว คุณสามารถเข้าร่วมการแข่งขันเดี่ยวกับ CPU ได้ในโหมดซิงเกิลเรซ นอกจากนี้ยังมีโหมด Academy ที่คุณสามารถเล่นซ้ำอีเวนต์ที่เคยลงแข่งผ่านมาแล้วได้ ที่เหลือก็เป็นพวกโหมดออนไลน์แข่งกับผู้เล่นคนอื่นครับ
Feature
มาว่ากันต่อด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ ในเกม ซึ่ง RiMS Racing เผยให้เห็นจุดอ่อนแรกสุดของตัวเอง นั่นคือความหลากหลายของรถและสนามแข่ง กล่าวคือ เกมนี้จะมีรถให้เลือกใช้แค่ 8 รุ่น จาก 8 ผู้ผลิตชั้นนำของโลก นั่นคือ
1.Kawasaki Ninja ZX10 RR
2.Aprilia RSV4
3.BMW M1000 RR
4.Ducati Panigale V4R
5.Honda CBR1000 RR
6.MV Agusta F4 RC,
7.Suzuki GSXR-1000
8.Yamaha YZF R1
ส่วนสนามแข่งก็มีทั้งหมด 19 สนามเท่านั้น (มีการปรับช่วงเวลาในการแข่ง ตลอดจนการเปลี่ยนทางวิ่งในสนาม เพื่อเพิ่มความหลากหลาย) โดยมีทั้งสนามแข่งจากที่มีอยู่จริง ไปจนถึงสนามจำลองถนนทางหลวงในประเทศต่าง ๆ
ซึ่งถ้าเทียบกับเกมแข่งรถอื่น ๆ ถือว่าน้อยทั้งรถและสนามแข่งนะครับ ซึ่งจากการที่ผมได้ลองเล่นจนครบแล้วก็พบว่า เกมนี้เขาเน้นหนักที่การจำลองการขับขี่อย่างแท้จริง จึงไม่ค่อยเน้นมาที่ตัวเลือกพวกรถหรือฉากในเกม
Gameplay (…และ AI)
มาถึงระบบเกมการเล่น…ที่ผมขอบอกเลยว่า มีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนในคราวเดียวกัน กล่าวคือ เกมนี้ออกแบบการขับขี่ได้ดีมาก สมจริงอย่างที่สุด แต่มันก็ทำให้ตัวเกมเล่นยาก ยากในที่นี้หมายถึงการขี่ให้ชนะรางวัลนะครับ เพราะมันหมายถึงคุณต้องแทบ…หรือห้ามพลาดเลยถึงจะเอาชนะคู่แข่งได้
ตัวเกมมีให้เลือกวิธีการขับขี่ตั้งแต่สมจริงทุกขั้นตอน ไปจนถึงปรับทุกอย่างให้เป็นออโต้ แล้วเลือกความยาก/ง่ายแบบ Beginner ซึ่งผมเองยอมรับว่าต้องปรับทุกอย่างลงมา “ง่ายสุด” ถึงจะพอเล่นเกมนี้ได้สนุก!
แถมการแข่งแต่ละครั้ง ยังใช้เวลานาน วิ่งหลายรอบสนามกว่าจะจบอีเวนต์…ซึ่งการขี่ให้ไม่พลาดเลยขณะที่ต้องพยายามแซง (หรือรักษาอันดับไม่ให้ถูกแซง) มันดูยากซะเหลือเกิน
เท่านั้นไม่พอครับ โดยถ้าคุณไม่ไปตั้งค่าทุกอย่างให้ออโต้แล้วล่ะก็ ตัวเกมจะบังคับให้คุณทำเองหมดทุกอย่างในเกม อาทิ ขี่ไปหลายรอบน้ำมันหมด ต้องรีบไปเติม หรือยางหมดสภาพก็ต้องเข้าพิต
ทีเด็ดอีกอย่างของเกมก็คือ การกดเปลี่ยนอะไหล่ต่าง ๆ ด้วยตัวเองผ่านระบบ QTE เสียด้วย! เรียกว่าได้ฟีลลิ่งกันแบบสุด ๆ ซึ่งตรงประเด็นนี้ ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นการออกแบบที่ดี เพราะการต้องกดหมุนจอยอนาล็อก (เพื่อหมุนไขควง) หรือการกด QTE เพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ มันดูมากเกินไปในบางที
สุดท้ายกับประเด็นเกมเพลย์ นั่นคือเอไอรถคู่แข่งยังออกแบบมาได้ไม่ดีพอ (ดูภาพประกอบ) บ่อยครั้งที่มีการขับชนกันเองแบบดื้อ ๆ ไม่มีโยกหลบ ดูไม่สมเหตุสมผล แล้วก็ชอบพุ่งชนผู้เล่นด้วย ตรงนี้น่าเสียดาย เพราะตัวเกมอุตส่าห์ออกแบบจำลองการขี่มาได้อย่างดีแล้วแท้ ๆ
Graphic & Sound
RiMS Racing ให้ภาพสวยงามสมจริง สามารถเปลี่ยนมุมมองได้หลายมุมตามความพอใจของคนเล่น แต่ที่บอกว่าสวยนี่ คือสวยเฉพาะส่วนของตัวรถและอะไหล่ต่าง ๆ ขณะที่สภาพแวดล้อมรอบข้างยังไม่ถือว่าสวยจนต้องตะลึง เพราะขาดรายละเอียดในระดับลึกอยู่มาก บางจุดดูหยาบ ๆ ไปซักหน่อย ขณะที่เสียงประกอบทำได้ดีเลยทีเดียว เพราะทำออกมาได้เหมือนของจริง แต่ตัวเกมชอบเปิดเพลงประกอบรบกวนตอนแข่งขันตลอดเวลา ผมพบว่าพอเข้าไปปิดเสียงเพลง ให้เหลือแต่เสียงรถ จะทำให้บรรยากาศในเกมดูสมจริงกว่ามาก
Summary
หลังจากนั่งวิเคราะห์พิจารณาตัวเกมจนจบ ผมพบว่า สุดท้ายสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกสนุกกับเกมนี้มากคือการปรับแต่งรถพอประมาณในระดับที่ความรู้ของผมเองจะไปถึง แล้วเอารถไปขี่เทสต์ในทางวิ่งยาว ๆ บนถนนหลวงอย่างในฉากที่อเมริกา ให้ความรู้สึกสนุกสมจริงและผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ต้องชื่นชมการออกแบบของทีมงาน ที่ทำให้การควบคุมด้วยอนาล็อกสามารถตอบสนองการเคลื่อนที่ของบิ๊กไบค์ได้อย่างงดงาม เป็นความสมจริงในอีกรูปแบบที่แตกต่างจากเกมอย่างโมโตจีพี ถ้าจะให้เปรียบเทียบกับกีฬาประเภทอื่น ยกตัวอย่างถ้าเป็นฟุตบอล มันก็เหมือนกับว่า เกมนี้คือเกมจำลอง “การเตะฟุตบอล” แต่ไม่ใช่เกมจำลอง “ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก” พูดแบบนี้พอเข้าใจมั้ยครับ 555
ถึงแม้จะขาดซึ่งความหลากหลายต่าง ๆ แต่ RiMS Racing ทดแทนด้วยความแข็งแกร่งของเกมเพลย์การขับขี่ ยิ่งถ้าคุณชื่นชอบบิ๊กไบค์อยู่แล้ว เกมนี้จัดไปได้เลยแทบไม่ต้องคิดมากครับ แต่ถ้าคุณเป็นคอเกมแข่งรถแคชชวล อยากเล่นแบบเปลี่ยนบรรยากาศไปเรื่อย ๆ อาจต้องลองพิจารณาหลาย ๆ ตัวเลือกในท้องตลาดดูเสียก่อน