รีวิว No Man’s Sky Nintendo Switch
ขอขอบคุณโค้ดเกม (Nintendo Switch) เพื่อการรีวิว จากบริษัท Bandai Namco Entertainment Asia มา ณ โอกาสนี้ครับ
หมายเหตุ: ภาพประกอบทั้งหมดนี้มาจากเครื่อง nintendo switch lite
No Man’s Sky เป็นเกมที่มีประวัติยาวนาน แถมน่าสนใจมาก ๆ ถือเป็นหนึ่งในเกมสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์วงการเกมร่วมสมัย โดยเกมที่ชื่อมีความหมายว่า “จักรวาลไร้คนจับจอง” นี้พัฒนาโดยทีมงาน Hello Games วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อสิงหาคมปี 2016 ให้กับระบบ PS4 และ PC จากนั้นจึงทยอยลงให้กับเครื่องเกมอย่าง Xbox One (2018), PlayStation 5/Xbox Series XlS (2020) ก่อนเดินทางมาถึง Nintendo Switch ในปีนี้นี่เอง
ตัวเกมเริ่มต้นจากการรับเละด้านคำวิจารณ์ในแง่ลบในช่วงแรกของการเปิดตัว แต่ชีวิตคนเราก็เหมือนละครครับ โดยละครเรื่องนี้มีทีมงาน Hello Games เป็นตัวเอกนิสัยดี ที่ก้มหน้าก้มตาทำงานหนัก เอาความดีเข้าสู้ โดยพวกเขาอัปเดตปรับปรุงเกมอย่างต่อเนื่อง…และไม่หยุดยั้ง จนสื่อไทยหลายเจ้ามีคำพาดหัวที่ใช้ประจำกับเกม No Man’s Sky นี้เลยว่า “แพตช์จนต้องร้องขอชีวิต” ซึ่งถึงทุกวันนี้ ต้องบอกว่าเกม No Man’s Sky กลายเป็นเกมระดับขึ้นหิ้ง มีตัวเกมที่เล่นสนุกและลงตัวที่สุดเกมหนึ่งของวงการ มันทั้งลุ่มลึก แฝงปรัชญา แต่มีเกมการเล่นสุดผ่อนคลาย หาไม่ง่ายเลยนะครับกับผลงานศิลปะประดับวงการแบบนี้
สำหรับบทความคราวนี้ ผมจะมาถ่ายทอดประสบการณ์การเล่นเกมนี้ด้วยเครื่องสวิตช์ ไลต์ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ทางทีมงานเขาระบุไว้ว่า ต้องการนำการผจญภัยในอวกาศของผู้เล่นให้มาอยู่บนเครื่องเกมมือถือให้ได้
STORY + GAMEPLAY
No Man’s Sky คือเกมแนว action-adventure survival ที่ผู้สร้างเขาระบุไว้ว่า พัฒนาขึ้นบนแนวคิด 5 ประการนั่นคือ สำรวจ, เอาชีวิตรอด, ต่อสู้, ซื้อขายแลกเปลี่ยน และ การสร้างฐาน ผู้เล่นมีอิสระในการเดินทางไปทั่วทั้งจักรวาลโอเพ่นเวิลด์ ที่มีดาวเคราะห์มากกว่า 18 ล้านล้านดวง ผ่านระบบการสร้างสภาพแวดล้อมพื้นฐานผ่านตัวแปรที่ปรับเปลี่ยนได้เองอัตโนมัติ ทำให้แต่ละดาวเคราะห์มีระบบนิเวศของตัวเองด้วยรูปแบบเฉพาะของพืชและสัตว์ และสายพันธุ์ต่างดาวต่าง ๆ
เอเลี่ยนบางกลุ่มสามารถมีส่วนร่วมกับผู้เล่น ทั้งการต่อสู้หรือการค้า ผู้เล่นดำเนินเกมโดยการขุดหาทรัพยากรเพื่อนำมาปรับปรุงอุปกรณ์ การซื้อและขายทรัพยากรโดยใช้เครดิตที่ได้รับจากการบันทึกข้อมูลพืชและสัตว์ จากนั้นก็สร้างฐาน และขยายกองยานอวกาศ หรือภารกิจอื่น ๆ ตามโครงเรื่องของเกม โดยมีปริศนาใหญ่ให้กับผู้เล่นนั่นคือการตามหาสิ่งที่เรียกว่า The Atlas
เวลาเล่น No Man’s Sky ผมรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในนิยายวิทยาศาสตร์และศิลปะในยุค 80 มันดูเหงา ๆ หว่อง ๆ แต่ก็มีเสน่ห์ชวนหลงใหลแปลก ๆ เป็นความรู้สึกแบบเดียวกับตอนที่ได้เล่น Death Stranding แบบนั้นเลยครับ
GRAPHIC [Switch Version]
หัวข้อนี้คือหัวใจหลักในการรีวิวครั้งนี้ ซึ่งก็คือประสิทธิภาพการแสดงผลบนเครื่องนินเทนโดสวิตช์นั่นเอง โดยผมบอกสั้น ๆ ให้ก่อนเลยว่า ตัวเกมพอร์ตมาได้อย่างมหัศจรรย์ มีข้อเสียใหญ่สุดแค่เรื่อง “โหลดนาน” ในครั้งแรกตอนเปิดเข้าเกมครับ
สรุปสั้น ๆ ไปแล้ว ทีนี้ขออธิบายแบบยาว ๆ บ้าง โดย No Man’s Sky ให้ภาพที่ดูดีในแบบ “ตามสภาพ” ของเครื่องสวิตช์ ความคมชัดนั้นสู้เครื่องใหญ่อย่าง Xbox Series X หรือ PS5 ไม่ได้แน่นอนครับ ประเด็นนี้ผมยืนยันเลย แต่ตัวเกมมีข้อได้เปรียบอยู่อย่างก็คือ มันเป็นเกมที่เน้นสำรวจ เน้นเดินทาง ไม่ได้เน้นต่อสู้หรือมีแอ็กชันแบบฉับไวอะไรมากนัก ส่งผลให้ภาพหน้าจอปกติจะค่อนข้างนิ่ง ระบบเกมรันในระดับ 30 FPS แบบเนียน ๆ ยิ่งถ้าเล่นด้วยจอเล็กอย่างสวิตช์ไลต์ เกมจะดูสวยคมขึ้นได้อีก เพราะสเกลทุกอย่างมันเล็กลง
อีกเรื่องคือ ตัวเกมใช้วิธีสร้างวัตถุต่าง ๆ ในเกมขึ้นมาผ่านตัวโปรแกรมที่ต้องใช้ประสิทธิภาพของเครื่องเกมแบบเน้น ๆ ทุกอย่างในจอถูกสร้างขึ้นมาเป็นวัตถุให้คุณมีปฏิสัมพันธ์ได้ ดังนั้น แบตฯ จะหมดเร็วมากครับสำหรับสวิตช์ไลต์
ประเด็นสุดท้ายคือตัวเกมที่วางขายในครั้งนี้ มาในเวอร์ชัน 4.0 ทำให้เวอร์ชันนินเทนโดสวิตช์ กลายเป็นเวอร์ชันเปิดตัวที่สมบูรณ์ที่สุดจนถึงปัจจุบัน โดยมีชื่อทางการของตัวล่าสุดนี้ว่า Waypoint หรือ จุดอ้างอิง แถมมาพร้อมภารกิจที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ของสะสมใหม่ การเข้าถึงผู้เล่นและหน้าจอใช้งานที่ดีขึ้น (ที่เด็ดสุดคือ คุณขยายขนาดฟอนต์ให้ใหญ่สะใจได้ด้วยนะบนสวิตช์ไลต์)
CONCLUSION
นี่คือตัวอย่างของการพอร์ตเกมใหญ่มาลงเครื่องสวิตช์ที่ทำได้มาตรฐานสูงมาก น่าปรบมือให้ครับ ผมยกให้อยู่ในระดับเดียวกับ NieR:Automata The End of YoRHa Edition [Switch] ที่ทำได้ดีไม่แพ้กัน โดย No Man’s Sky เป็นเกมที่ถ้าคุณสนใจในแนวบุกเบิกอวกาศ แล้วอยากลงทุนเสาะหามาเล่นแล้วล่ะก็ ไม่มีคำว่าเสียดายเงินอย่างแน่นอน แถมเป็นเกมที่สามารถซื้อราคาเต็มได้เลย ไม่ต้องรอลดราคาหรอกสำหรับเกมแบบนี้ เขาทำมาให้สุดยอดแล้ว
แต่! ถ้าคุณอยากเล่นแบบลงลึก อยากนั่งเล่นด้วยจอมอนิเตอร์หรือจอทีวีขนาดใหญ่ ขอแนะนำให้เลือกเวอร์ชัน PC PS5 หรือ Xbox จะดีกว่าครับผม
Pros
- ถือเป็นผลงานการพอร์ตเกมที่ทำได้ดี ตัวเกมเล่นได้อย่างไหลลื่น ให้ภาพที่สวยงาม แทบไม่พบปัญหาใด ๆ แม้เล่นไปหลายชั่วโมงต่อเนื่องไม่หยุด
- เล่นบนเครื่องเกมมือถืออย่างสวิตช์ไลต์ได้ดีมาก ปรับขนาดตัวหนังสือให้ใหญ่ขึ้นได้ด้วย อ่านง่าย
- ด้านตัวเกมเองนั้น เล่นสนุกอยู่แล้ว เป็นเกมคุณภาพระดับต้น ๆ ของวงการ
Cons
- ไม่มีระบบมัลติเพลเยอร์, โหลดนานมาก (ครั้งแรกในตอนเข้าเกม)
- มันพอร์ตมาลงเครื่องสวิตช์ได้เจ๋งก็จริง แต่ถ้าเอาไปเปรียบเทียบกับ PC หรือ PS5 นี่ก็ยังแพ้กระจาย
No Man’s Sky สำหรับ Nintendo Switch™ พร้อมให้เล่นแล้วทั่วโลก
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ No Man’s Sky โปรดไปที่ https://www.nomanssky.com/, และติดตาม https://twitter.com/NoMansSky