Games Reviews

Bloody Bunny: The Game – รีวิว [REVIEW]

โดย G-jang

Bloody Bunny: The Game – รีวิว [REVIEW]

*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Quantum Peaks Studio มา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้มีแก้ไขเพิ่มเติมในวันที่ 14 มีนาคม 2564 เวลา 11:55 น.

เกม Bloody Bunny เป็นเกมจาก Quantum Peaks Studio ซึ่งเป็นสตูดิโอพัฒนาเกมสายเลือดไทย และได้รับความร่วมมือจาก Digital Innovative Design and Technology Center Co., Ltd. (ศูนย์นวัตกรรมการออกแบบดิจิทัลและเทคโนโลยี) รวมถึง DigiPen Game Studios จึงทำให้เกมนี้วางจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟบน Nintendo Switch ครับ


เนื้อเรื่อง

Bloody Bunny: The Game นี้ดัดแปลงมาจากซีรีส์อนิเมชันบนเว็บของ 2Spot Studio ในชื่อว่า Bloody Bunny: The First Blood นั่นเอง โดยที่เนื้อหาบอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาวคนหนึ่งที่โดนองค์กรร้ายไม่ปรากฏชื่อจับตัวไปแล้วเปลี่ยนให้กลายเป็นตุ๊กตา ทว่าแทนที่เด็กสาวคนนี้จะลืมเลือนความจำในสมัยเป็นมนุษย์ เธอกลับจำได้ทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้วิญญาณของเธอในร่างตุ๊กตากระต่ายจึงมุ่งมั่นจะล้างแค้นองค์กรและช่วยน้องสาวที่โดนเปลี่ยนเป็นตุ๊กตาเช่นกันออกมาให้ได้

สำหรับตัวเกมนี้บอกเล่าเรื่องราวผ่านคัตซีนอนิเมชัน ซึ่งก็คือการหยิบยกเอาตัวอนิเมชันดั้งเดิมจาก Bloody Bunny: The First Blood มาใส่นั่นแหละครับ ด้วยเหตุนี้เองเรื่องราวจึงถูกบอกเล่าผ่านภาพล้วน ๆ ไม่มีตัวอักษร ไม่มีบทพูดอะไรทั้งสิ้น คนเล่นทำความเข้าใจจากสิ่งที่เคลื่อนไหวบนจอเพียว ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเนื้อหาก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนและเล่าอย่างตรงไปตรงมา นั่นคือหลบหนี เจอพวกตัวบอสขององค์กร ไล่สู้ไล่เชือดทีละคน จนถล่มองค์กรได้สำเร็จเป็นอันจบ เรียกได้ว่าก็ดูเอาเพลิน ๆ


เกมเพลย์

มาว่ากันถึงในส่วนของเกมเพลย์กันบ้าง เกมนี้ระบุประเภทได้ง่าย ๆ ว่าเป็นแอ็กชัน hack and slash เดินหน้าฟันไม่เลี้ยง แต่ถ้าผมจะพิมพ์แค่นี้ก็ออกจะมักง่ายไปหน่อย เอาเป็นว่าลักษณะของเกมนั้นใกล้เคียงกับเกมอย่าง Shinobi สมัย PS2 ที่พัฒนาโดย Sega น่ะครับ เพราะตัวเอกของเราจะไม่ได้มีคอมโบอะไรให้ต่อมากมาย ไม่ต้องกดรัวหรือกดหน่วงจังหวะเพื่อออกท่าใหม่ หรือไม่ต้องกดโจมตีร่วมกับปุ่มทิศทางอะไรแบบนั้น

ปุ่มโจมตีหลักจะมีชุดการโจมตีแบบเดียว ในขณะที่ปุ่มโจมตีรองก็จะมีท่าโจมตีต่างไปตามอาวุธสำรองที่เราเลือกไว้ในขณะนั้น หากต้องการใช้ท่าพิเศษก็เพียงแค่กดปุ่ม R ค้างไว้แล้วกดปุ่มโจมตีหลักหรือโจมตีรองก็เป็นอันเรียบร้อย แต่จากที่เล่นมาตั้งแต่ต้นจนจบก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ส่วนในแง่ของการป้องกันตัวนั้น หากกดปุ่ม A ก็จะเป็นการแดชหลบที่หากแดชถูกจังหวะก็จะเป็นอมตะชั่วครู่จนสามารถโจมตีสวนกลับได้ และเมื่อนวดศัตรูถึงระดับนึงเราก็จะสามารถกด ZR เพื่อใช้ท่าสังหารได้ที่จะเพิ่มพลังชีวิตให้เราได้เล็กน้อย นอกจากนี้เกมยังมีการเก็บเกจ Rampage ไว้ใช้ได้ ซึ่งก็จะทำให้เราความสามารถสูงขึ้นชั่วครู่เหมือนเกมแอ็กชันอื่น ๆ ตามสมัยนิยม ซึ่งระบบทั้งหมดทั้งมวลที่ว่านี้ ตัวเกมเปิดให้ใช้หมดตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นเกม ดังนั้นแม้จะเล่นไปอีกไกลแค่ไหน ก็จะไม่มีการปลดระบบอะไรใหม่ ๆ ออกมาเพิ่มเติมครับ นอกเสียจากว่าคุณจะนำพอยต์ที่ได้ในการเล่นไปอัปเกรดตัวละครหรือซื้อสกิลรวมถึงอัปเกรดอาวุธที่มี

สไตล์การเล่นของเกมนี้ ค่อนข้างเห็นได้ชัดว่าทีมงานต้องการให้ออกมาเป็นเกมแอ็กชัน stylish เหมือนอย่างซีรีส์ Devil May Cry หรือ Metal Gear Rising: Revengeance แต่ด้วยเหตุที่ระบบคอมโบเกมนี้ไม่ได้ลึกหรือซับซ้อนอะไร ตลอดเกมวิธีการเล่นจึงไม่ค่อยต่างจากเดิมนอกจากการรัวปุ่มโจมตีและแดชหลบเป็นครั้งคราว และพอศัตรูน่วมได้ที่ก็กด ZR เพื่อสังหาร หากจะมีช่วงที่ต้องอาศัยจังหวะและกลยุทธ์ในการเล่นหน่อยก็จะเป็นพวกบรรดาบอสทั้งหลายนี่แหละครับ (บอสใหญ่ของเกมอย่าง Dark Rabbit นี่ใครเคยเล่น DMC3 หรือ DMC5 จะคุ้นท่าโจมตีแน่ ๆ) แต่ก็อีกนั่นล่ะ ด้วยความที่เกมนี้จะมีไอเทมเป็นบะหมี่ถ้วยให้เก็บ ซึ่งจะฟื้นฟูพลังชีวิตให้เต็มทันทีหากพลังหมด ถ้าคุณตุนเอาไว้พอควรการสู้บอสก็ไม่ใช่สิ่งยากเย็นอะไรเลย โดยรวมแล้วเกมถูกจัดอยู่ในประเภทที่ค่อนข้างง่ายเลยก็ว่าได้

เล่นต้นเกมจนจบเกม ก็ไม่เคยเห็นแรงค์ที่ต่ำกว่า S นะ

ทีนี้ มาว่ากันถึงปัญหาทางเทคนิคที่ผมพบเจอในเกมบ้าง สิ่งหนึ่งที่ผมพบเจอบ่อยมากตลอดทั้งเกมคืออาการที่จอยคอนจู่ ๆ ก็กดไม่ได้ขึ้นมาครับ ช่วงแรกมักจะเป็นตอนจังหวะที่นัว ๆ สู้กับศัตรูหลายตัวอยู่ อาการก็มีหลากหลายทั้งกดอนาล็อกแล้วเดินไม่ไป หรือบางทีก็กดโจมตีไม่ได้และแก้ไขไม่ได้นอกจากต้องปล่อยให้ศัตรูตีจนตาย แต่พอไปหลัง ๆ บางทีก็จะเจออาการที่ตัวละครเดินช้ากว่าที่เรากด ความรู้สึกเหมือนเวลาเราเล่นเกมออนไลน์ที่ ping สูง ๆ แล้วเรากดอะไรก็ไม่ออก แต่แล้วจู่ ๆ ตัวละครก็จะเคลื่อนไหวไปมาตามที่เรากดทีหลังนั่นล่ะครับ แต่เผอิญว่าเกมนี้เป็นเกมออฟไลน์ แล้วยิ่งพอเจออะไรแบบนี้ในฉากที่บังคับให้เราหลบหนีการตามล่ามันก็ทำให้หงุดหงิดเอาเรื่องเหมือนกัน

**แก้ไขเพิ่มเติม หลังจากได้ลองสอบถามไปยังทีมพัฒนาและผู้เล่นอื่น ๆ เกี่ยวกับปัญหาจอยคอนกดไม่ได้นี้ คาดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากจอยคอนของผมเอง ที่เวลาเกมมีระบบสั่นขึ้นมาแล้วทำให้จอยมีปัญหาครับ ล่าสุดได้ลองปิดระบบสั่นไปก็พบว่าสามารถเล่นได้โดยไม่มีปัญหาดังกล่าวแล้ว ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้

อีกสิ่งหนึ่งที่พบเจอตลอดทั้งเกมเช่นกันก็คือปัญหาเรื่องมุมกล้องที่หลายครั้งเวลาใช้ท่าสังหารแล้วตัวละครจมไปกับวัตถุบ้าง หรือมุมกล้องเหวี่ยงไปจนมองอะไรไม่เห็นบ้าง แถมสปีดมุมกล้องและสปีดการเคลื่อนไหวตัวละครก็ยังไม่ค่อยพอดีเท่าไหร่ เวลาต้องผ่านพวกฉากที่ต้องเน้นหลบกับดักเลยมักเป็นปัญหาบ่อยครั้ง และในหลายครั้งที่เฟรมเรตของเกมตกจนทำให้เล่นแล้วเสียจังหวะเช่นกัน โดยเฉพาะตอนสุดท้ายที่สู้กับบอสใหญ่อย่าง Dark Rabbit ที่ผมเข้าใจว่าทีมงานต้องการฉากหลังที่อลังการ แต่ผลที่ได้คือเฟรมมันร่วงเป็นพัก ๆ จนเล่นแล้วแอบรำคาญเหมือนกันครับ (แถมตอนที่ผมเล่นคัตซีนหลังชนะบอสใหญ่ดันค้างอีกจนต้องกดสคิปเอา)

ดันมาค้างเอาคัตซีนตอนจบซะด้วย…


กราฟิก

คุณภาพกราฟิกของเกมก็อยู่ในขั้นธรรมดาแต่ไม่ได้น่าเกลียด ด้วยความที่นำเสนอภาพในสไตล์การ์ตูนจึงไม่ได้มีการเน้นรายละเอียดของพวกเท็กซ์เจอร์พื้นผิวต่าง ๆ มากนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงเห็นพวกรอยหยัก jaggies ชัดอยู่เหมือนกัน และด้วยโทนของเรื่องที่ทุกอย่างดีไซน์ออกมาในแบบน่ารัก ๆ ทั้งหมดแต่เวลาสู้กันแล้วเลือดกระฉูด คอหลุดหรือตัวผ่าครึ่งมั่ง มันก็เลยเป็นอะไรที่แปลกดี ดู contrast จนมีเอกลักษณ์ในระดับหนึ่ง (ให้อารมณ์คล้ายเวลาดู Happy Tree Friends อะไรประมาณนั้น)

เด็กมนุษย์ที่โดนจับมาโดนกินจนเลือดสาด


เพลงประกอบ

ในแง่เพลงประกอบก็ถือว่าทำออกมาในระดับโอเคครับ ถึงแม้ว่าโดยส่วนตัวผมจะติดหูกับเพลงหน้าจอไตเติลที่สุดก็เถอะ เพลงอื่น ๆ ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะเพียงแค่มันไม่ติดหู แต่สำหรับพวกเสียงเอฟเฟคต์ต่าง ๆ ของเกมผมรู้สึกว่ามันเบาและไม่ค่อยให้ความรู้สึกหนักแน่นเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นพวกเสียงมีดเสียบ หรือเสียงทุบอะไรต่าง ๆ ก็ตาม มันรู้สึกเบา ๆ ไม่ค่อยมีน้ำหนัก (หรือเพราะตัวละครเป็นตุ๊กตากันหมดก็ไม่แน่ใจ)


สรุป

Bloody Bunny: The Game ถือเป็นความพยายามในการสร้างเกมแนว hack and slash โดยคนไทย แต่ก็ยังมีอะไรที่ยังต้องปรับแก้อีกขนานใหญ่พอสมควรถ้าจะให้ได้คุณภาพที่ทัดเทียมกับเกมจากสตูดิโอดัง ๆ ทั้งหลาย ซึ่งผมก็หวังว่าเกมภาคหน้าเราจะได้เห็นการยกเครื่องระบบเกมให้โฉบเฉี่ยวขึ้น ดุดันขึ้น และคล่องตัวกว่าภาคนี้ครับ

The Review

65% มีความตั้งใจดี แต่ยังต้องขัดเกลา

ตัวเกมยังขาดความลึกซึ้งในแง่ของเกมเพลย์หากเทียบกับแนว hack and slash อื่น ๆ แต่เชื่อว่าหากมีภาคหน้า ทีมงานจะขัดเกลาออกมาได้ดีขึ้น

65%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์