ความประทับใจแรกเล่น Elden Ring เบต้า
ขอขอบคุณ BANDAI NAMCO Entertainment Asia ที่ให้โอกาสทีมงาน TGW ได้เข้าร่วมทดสอบเกมในช่วง CNT (Closed Network Test) มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
หมายเหตุก่อนอ่าน:
- เนื่องจาก CNT นี้ตัวเกมบล็อคไม่ให้มีการเซฟภาพและคลิป ดังนั้นภาพประกอบจึงจัดหาให้เราโดย Bandai Namco Entertainment Asia ครับ
สำหรับภาพประกอบทั้งหมดด้านล่างเป็นเวอร์ชัน build ก่อน CNT ดังนั้นอาจมีบางอย่างแตกต่างจากตัวเกมเวอร์ชันที่เปิดให้ทดลองเล่น - สำหรับใครที่อยากอ่านส่วนสรุป สามารถข้ามช่วงบอกเล่าประสบการณ์ แล้วไปอ่านหัวข้อ ความประทับใจ และ ข้อสังเกต ได้เลยครับ
- ในบทความนี้ผมจะไม่ขอลงไปจับในรายละเอียดของกราฟิก เฟรมเรต หรืออะไรก็ตาม เพราะสิ่งเหล่านี้จะได้รับการพัฒนาในเกมฉบับสมบูรณ์อยู่แล้ว
- ตัวละครหลักที่ใช้เล่นคือ Enchanted Knight (ภาษาไทยน่าจะแปลว่า จอมเวทมนตร์ดำ)
“เจ้าผู้มัวหมองเอ๋ย เจ้าเองก็ถวิลหาวงแหวนเอลเดนเหมือนกันสินะ”
ช่วงบอกเล่าประสบการณ์
ผมเริ่มต้นเกมในถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งในตัวเกมเต็มน่าจะเป็นส่วนฝึกสอนการบังคับพื้นฐานทั่วไป ตรงสุดทางคือประตูออกจากถ้ำ เมื่อประตูเปิดออกความโอเพนเวิลด์แทบจะพัดใส่หน้าผมทันที มันคือดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลตรงหน้า ทั้งที่ราบ ป่าเขา ซากปรักหักพัง ถ้ำ แม่น้ำ โตรกผา คุณสามารถสำรวจได้ทั้งหมด สิ่งที่เกมสอนเราในทันทีคือการเก็บวัตถุดิบที่คล้ายผลเบอร์รีตามเส้นทาง ซึ่งน่าจะเอามาผสมทำไอเทมได้แน่นอน เสียดายว่าในฉบับเบต้านี้ ยังไม่มีการให้ลองประดิษฐ์อะไรแบบนั้น
หลังจากผ่านซากปรักหักพังของด่านแรกที่มีบรรดาอัศวินเฝ้าคุ้มกันอยู่ เกิดการต่อสู้ขึ้น และผมก็สังเกตเห็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างแรกเมื่อผมโดนแทงตาย นั่นคือแทนที่เราจะกลับไปยังจุดปลอดภัยที่เรียกว่า พร (Grace) หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ Bonfire ของภาคนี้ เกมจะให้ทางเลือกเราสองแบบก็คือ กลับไปยังจุดเช็คพอยต์ที่เกมบันทึกให้เอง ซึ่งจะอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เราตายเท่าไร หรือจะกลับไปยังพรจุดล่าสุดที่เราไปพักได้เลย
พอพูดถึงพรแล้ว ก็มีพรแห่งหนึ่งที่ทำให้ผมได้รู้จักกับ NPC หญิงคนสำคัญชื่อ เมลินา ซึ่งจะคอยอัปเลเวลให้เราและมอบแหวนภูติอาชาซึ่งจะทำให้เราเรียกม้าขึ้นกลางหว่างขาได้ทันที น่าสังเกตว่า ตัวของเมลินาจะไม่ปรากฏตัวตลอดเวลา เธอจะโผล่มาก็ต่อเมื่อเราเรียกเท่านั้น ไม่รู้ว่าเป็นการป้องกันการฆ่า NPC คนสำคัญหรือไม่
ภูติอาชาทำให้ผมท่องไปในโลกของเอลเดนได้ไกลเท่าที่จะไกลได้ แค่ในตัวเบต้านี้ก็มีสถานที่ให้สำรวจแทบไม่หมด ตั้งแต่โตรกผา บึงใหญ่ ซากที่ถูกมังกรทำลาย ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีศัตรูเฉพาะสถานที่นั้น ๆ และสิ่งที่ผมต้องบอกไว้เลยก็คือเกมมีระบบเวลาด้วย สิ่งนี้จะส่งผลต่อการเล่นของเราอย่างมาก เพราะศัตรูที่โผล่มาตอนกลางวันและกลางคืนก็จะต่างกัน เช่น ผมสามารถฆ่าอัศวินขี่ม้าในช่วงเช้าตรงสะพานได้อย่างง่ายดาย แต่พอตกค่ำ อัศวินม้าสีดำจะปรากฏตัวและร้ายกาจกว่าตัวกลางวันหลายเท่า ความมืดยังน่าจะส่งผลต่อการลอบเร้น และการเดินทางของตัวละครอื่น ๆ ในเกมด้วย ทำให้ระบบนี้จะเป็นอีกก้าวสำคัญให้ผู้เล่นต้องเรียนรู้กัน ผมเดาว่าเกมต้องมีเควส หรือ ปริศนาที่เล่นกับช่วงเวลาของวันด้วยแน่นอน
นอกจากจะพาเราท่องเที่ยวไปได้อย่างรวดเร็วแล้ว ภูติอาชายังสามารถพาเราฝ่าเส้นทางที่เกมเอาทัพศัตรูมาขวางเราได้ ซึ่งถ้าเราเลือกวิ่งแบบปกติโอกาสรอดไปถึงอีกฝั่งคงแทบเป็นศูนย์ มันเป็นเส้นทางที่เกมจงใจให้เราเลือกใช้ม้าชัดเจน กระทั่งผมไปถึงถนนทางเข้าสู่ปราสาทสตอร์มวีล ซึ่งผมได้ปะทะบอสหลักตัวแรกในเกม มาร์กิต อสุราต้องสาป ผมไม่แน่ใจว่าผมใช้เวลานานเท่าไร แต่กว่าจะปราบมันได้ผมมั่นใจว่าไม่น้อยกว่า 20 รอบ
ในส่วนของปราสาทสตอร์มวีลที่เหมือนจะเป็นด่านแรก สิ่งที่ผมสังเกตเห็นคือแม้รูปลักษณ์ปราสาทจะดูต่างออกไป แต่งานออกแบบฉากภายในจะคล้ายกับปราสาทโบเลทาเรียของ Demon’s Souls ชนิดที่เห็นได้ด้วยตาไม่ต้องเอาปากกามาวง ทั้งการวางตำแหน่งศัตรู ท่าโจมตี มุกประเภทเอาถังน้ำมันมาขวางเพื่อล่อผู้เล่นหน้าใหม่ไปโดนระเบิดไฟ เหล่านี้ล้วนเป็นชะตากรรมที่สาย Souls เคยประสบมาแล้ว และตัวเบต้าของเกมก็จบลงเมื่อเราปราบมินิบอสอีกตัวในปราสาทจนได้กุญแจมาเปิดประตูสู่ห้องบันได
ความประทับใจ
- นี่คือเกม Souls ที่ก้าวเท้าสู่ความเป็นโอเพนเวิลด์อย่างแท้จริง คุณจะสัมผัสสิ่งนี้ได้ทันทีที่ออกจากถ้ำตอนแรก มีสภาพแวดล้อมและศัตรูหลากหลายไปตามภูมิประเทศ หากคุณเป็นสายชอบหลงทางไปทำอย่างอื่น โลกมัชฌิมาตอบโจทย์คุณแน่นอน
- ระบบกลางวันกลางคืนส่งผลต่อศัตรู และเชื่อว่าทีมงานน่าจะเอาไปใช้ผสมผสานปริศนาในเกมได้อีกมากมาย
- บอสตัวหลักยังคงความโหดร้ายเหมือนเดิม และมีท่าการโจมตีเยอะ ชนิดที่ครอบคลุมทั้งระยะใกล้ ไกล ด้านหน้า ด้านหลัง แถมผมยังรู้สึกว่าบอสเข้าสู่เฟสสองเร็วมาก แค่เลือดใกล้ถึงครึ่งหลอดก็งัดไม้ตายใหม่ออกมาแล้ว ในเกมตัวเต็มคงต้องมีเฟสสามเฟสสี่
- ระบบต่อสู้ยังคงความเป็น Souls อย่างเหนียวแน่น แต่เพิ่มเติมส่วนของการลอบเร้นซึ่งดูจะมีบทบาทมากกว่าเกมภาคอื่น ๆ
- ภูติอาชาหรือสัตว์พาหนะนับว่าใช้งานง่าย ไม่ต้องเป่าเรียกให้ม้าวิ่งมาจากนอกจอ แต่เสกขึ้นกลางหว่างขาได้เลย เป็นพาหนะสำคัญในการท่องโลก รวมถึงการฝ่าฉากบางฉาก และอาจรวมถึงการสู้กับบอสด้วย ซึ่งม้าของเราสามารถถูกโจมตีจนตายได้ แต่ก็สามารถนำกลับมาได้อีกเช่นกัน
- สิ่งที่ผมประทับใจเป็นการส่วนตัวในฐานะนักเวทก็คือ คลาสอย่าง Enchanted Knight สามารถร่ายศรเวทมนตร์แบบสะบัดไม้กายสิทธิ์ได้อย่างต่อเนื่องเป็นจังหวะแล้ว รวมถึงพลังสร้างดาบเวทมนตร์ยักษ์ มีความเป็น Battle Mage อย่างที่ผมอยากได้มานาน
- การแปลไทยให้ความรู้สึกลิเกและมันควรจะเป็นแบบนั้น ค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเป็นทีมแปลเดียวกับ Demon’s Souls Remake ซึ่งการันตีคุณภาพของงานได้
ข้อสังเกต
- ธีมของเกมจะเกี่ยวข้องกับอวัยวะ โดยเฉพาะนิ้วมือ เพราะแค่ในการเล่นรอบทดสอบก็มีไอเทมนิ้วมือหลายชิ้น ตั้งแต่นิ้วมือโลหิต นิ้วมือที่ช่วยให้เราบุกโลกอื่น กระทั่งลิ้นที่ส่งคำเชิญเย้ยหยันให้ผู้เล่นคนอื่นคันมือคันเท้าได้
- ในระหว่างเล่น NPC ที่คอยช่วยเราอัปเลเวลจะเอ่ยถึง “ร่างทรงองคุลี” (ในเกมใช้คำนี้จริง ๆ ) ซึ่งยิ่งไปย้ำความสำคัญของนิ้วมือยิ่งขึ้น ผมขอเดาว่าหากเราปราบบอสตัวสำคัญ ๆ ในเรื่อง สิ่งที่ได้น่าจะเป็น นิ้วมือ? หรืออาจเป็นอวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เพราะในตัวอย่างเกมเพลย์ 15 นาที ก็แสดงให้เห็นว่ามีผู้เล่นที่ใช้แขนหัวมังกรของบอสมาเป็นอาวุธได้เหมือนกัน
- พร (Grace) จะทำหน้าที่เป็นทั้ง Bonfire ในเกม รวมถึงสามารถนำทางเราด้วยแสงได้
- หลังเล่นจนจบยังไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกใบนี้ ไม่ต้องพูดถึงการเชื่อมโยงไปยังภาคอื่น ๆ
- การกระโดดที่เพิ่มเข้ามายังไม่เห็นแง่มุมในการใช้ตอนสู้เท่าไรในช่วงเบต้า ตอนเจอบอสผมยังต้องอาศัยการป้องกัน หรือ กลิ้งเป็นลูกขนุนเหมือนเดิม แต่คิดว่าน่าจะมีบทบาทสำคัญในตัวเกมเต็ม
- ความยากของเกมในส่วนของเส้นทางที่ต้องผจญภัยยังไม่สามารถตัดสินได้ว่าง่ายหรือยากกว่าเกมก่อน ๆ จริงอยู่ว่าเกมจะมีระบบเลือกจุดเกิดระหว่างใกล้สถานที่ตายกับพรที่ใช้พักล่าสุด รวมถึงยังมีแสงนำทาง มองเผิน ๆ เหมือนเกมจะง่ายขึ้น แต่พอคิดดูดี ๆ สิ่งเหล่านี้มันมาช่วยสร้างสมดุลเมื่อเกมเป็นโอเพนเวิลด์ เพราะถ้าไม่มีระบบนำทางเลยแล้วคุณไม่ใช่สายชอบหลงทาง คุณจะหัวเสียง่าย ๆ แน่นอน ผมเลยยังไม่ขอฟันธงเรื่องความยากง่ายจนกว่าจะได้สัมผัสเกมฉบับสมบูรณ์
- เกมยังมีระบบเก็บเศษแผนที่ ซึ่งน่าจะต้องรวบรวมจนถึงระดับหนึ่งถึงสามารถดูแผนที่ของเขตต่าง ๆ แบบเต็ม ๆ ได้
- โครงสร้างแผนที่ในปราสาทค่อนข้างคล้ายปราสาทใน Demon’s Souls มาก คุณจะเจอกับมุกเอาถังน้ำมันมาขวางให้ศัตรูปาระเบิดเพลิงใส่ การวางตำแหน่งของศัตรู ไปจนถึงท่าโจมตี ซึ่งคนที่ผ่านเกม Souls มาจะรับมือได้สบายอยู่แล้ว ส่วนนี้ไม่ขอตัดสินว่าดีหรือไม่ดีครับ เพราะการคงของเดิมไว้เสียงตอบรับก็จะมีทั้งดอกไม้และก้อนอิฐอยู่แล้ว
Elden Ring จะวางจำหน่ายวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2022 บน Xbox Series X and Series S, เพลย์สเตชัน 4, เพลย์สเตชัน 5, เอกซ์บอกซ์วัน, ไมโครซอฟท์ วินโดวส์