*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก THQ Nordic มา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นบน Nintendo Switch
Endling: Extinction is Forever นี่ถือเป็นเกมอินดี้ที่ค่อนข้างไม่เหมือนใครครับ ยอมรับว่าในทีแรกที่ผมได้เห็นตัวอย่างผมก็คิดว่าเกมนี้น่าจะมาสไตล์เกมแอ็คชันแพลตฟอร์มแบบที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่พอได้สัมผัสแล้วก็พบว่ามันมีปัจจัยที่ทำให้เกมนี้แตกต่างจากเกมอื่นได้ไม่เบาเหมือนกัน ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นผมจะมาเล่าให้ฟังกันในรีวิวนี้ครับ
เนื้อเรื่อง
ในเกมนี้คุณจะรับบทเป็นแม่จิ้งจอกที่พยายามเอาตัวรอดจากสภาพแวดล้อมที่เสื่อมถอยลงไปทุกวันด้วยฝีมือของมนุษย์ ป่าไม้ที่เคยอุดมสมบูรณ์ต่างมอดไหม้ ทั้งผืนดินและผืนน้ำเต็มไปด้วยขยะลอยไปทั่วจนบรรดาสัตว์น้อยใหญ่แทบจะใช้อยู่อาศัยไม่ได้ ทว่าในตอนที่เราสามารถเอาตัวรอดมาได้นั้นก็ได้พบว่าในครรภ์มีชีวิตน้อย ๆ รอการกำเนิดออกมาอีกสี่ชีวิตด้วยกัน นับแต่นั้นมาชีวิตและเป้าหมายของแม่จิ้งจอกก็ไม่ใช่เพียงการที่ตนเองจะต้องรอดชีวิตเท่านั้น หากแต่จะต้องคอยคุ้มครองรักษาเลือดเนื้อของตนให้อยู่รอดต่อไปในสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายด้วย
สิ่งที่ผมคิดว่าเกมนี้ทำได้ดีในแง่ของเนื้อเรื่องก็คือการเล่าแบบไม่ต้องเล่าครับ ตลอดทั้งเกมนี้จะไม่มีบทพูดเลย แม้แต่บรรดาตัวละครที่เป็นมนุษย์ก็จะไม่มีบทสนทนาให้ผู้เล่นได้ยิน เต็มที่ก็จะเป็นเสียงแสดงอารมณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น คุณจะพบรับรู้ได้คร่าว ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นรอบ ๆ ตัว หรือพอจะคาดเดาได้จากการกระทำแวดล้อมของมนุษย์ว่าขณะนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่จะไม่มีการบอกชัด ๆ ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากอะไรหรือเพราะอะไร ซึ่งผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมถ้ามองในแง่ที่ว่าคุณคือแม่จิ้งจอกที่คงไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่ามนุษย์ทำอะไรกันอยู่ เพราะแค่เอาตัวรอดให้ได้ในแต่ละวันก็หนักหนาพออยู่แล้ว
ถึงอย่างนั้น แม้ว่าทั้งเกมจะไม่มีบทพูดหรือบทสนทนาเลยแต่ตัวละครบางตัว (รวมถึงสัตว์บางตัว) ที่เราพบเจอก็จะมีซับพล็อตหรือเนื้อหารองที่ให้เราได้รับรู้ความเป็นไปของแต่ละคน/ตัวเหมือนกันครับ บางตัวละครที่เราได้พบเจอก็อาจทำให้เรารู้สึกเกลียดชังได้ไม่เบาจากการกระทำ แต่ทว่าเมื่อมองลึกลงไปถึงที่สุดแล้วมันก็คือการที่สิ่งมีชีวิตแต่ละชีวิตพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันหดหู่สิ้นหวังด้วยกันทั้งนั้น ทุกสิ่งที่ทำไปก็เพื่อให้อยู่ต่อไปได้ในวันพรุ่งนี้กันทั้งหมด และเพราะแบบนี้นี่แหละครับมันจึงทำให้การได้รับรู้ชีวิตของแต่ละตัวละครนั้นเป็นสิ่งที่สะเทือนอารมณ์เมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายเกม
เกมเพลย์
วิธีการเล่นของ Endling: Extinction is Forever นี้ เป็นเกมผจญภัยสไตล์ 2.5D ที่เน้นการสำรวจฉากเป็นหลัก ไม่มีระบบต่อสู้ที่โฉบเฉี่ยวหวือหวา ไม่มีการต่อคอมโบ ไม่มีอัปเกรดอะไรใด ๆ เป้าหมายของคุณคือการออกสำรวจไปในพื้นที่เพื่อหาเสบียง หาอาหารเท่าที่จะหาได้ด้วยหวังว่าลูกน้อยของคุณจะอยู่รอดต่อไปได้อีกวันหนึ่งเท่านั้น รูปแบบการเดินสำรวจในเกมนี้จะบังคับว่าเราเดินได้แค่ไปซ้ายหรือขวา และพอเวลาจะเปลี่ยนเส้นทางก็จะมีจุดที่เรากดปุ่มแอ็คชันได้ แล้วตัวเราก็จะกระโดดขึ้นหรือกระโดดลงในจุดนั้นจะไม่มีการเดินไปมาอย่างอิสระในแบบ 3D
การหาอาหารในเกมนี้ค่อนข้างเรียบง่ายครับ นั่นคือเราต้องกด L เพื่อดมกลิ่นว่ามีอาหารหรือมีเหยื่อใกล้เคียงรึเปล่า จากนั้นก็เดินตามกลิ่นไปเรื่อย ๆ จนพบ ซึ่งอาหารในเกมนี้บ้างก็เป็นพวกผลไม้ บ้างก็จะเป็นบรรดาสัตว์เล็กที่เราจะต้องกด R เพื่อทำการย่องเข้าไปใกล้ไม่ให้รู้ตัวจากนั้นก็จึงกระโจนเข้าไปกัด ไม่เช่นนั้นเหยื่อก็จะหลบหนีไป ซึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงก็คือในบางจุดเราอาจจะหาอาหารได้จากการคุ้ยกองขยะเหมือนกันแต่มันก็มาพร้อมความเสี่ยงที่จะโดนถุงพลาสติกครอบหัวจนต้องดิ้นให้หลุดซึ่งก็จะส่งผลให้หิวเพิ่มขึ้นเหมือนกันครับ
ผมคิดว่าการที่เกมนำเสนอโดยให้เราเล่นเป็นสุนัขจิ้งจอกนี่มันก็สื่อถึงการเป็นตัวละครที่ไร้พลัง ไร้อำนาจต่อกรได้ค่อนข้างดีอยู่ ตลอดทั้งเกมนี้ผู้เล่นจะได้เจออุปสรรคมากมายในระหว่างการออกหาอาหาร บ้างก็เป็นกับดักที่มีมนุษย์วางเอาไว้ บ้างก็เป็นนกฮูกที่คอยจ้องจะล่าลูกจิ้งจอกไปกิน แต่ที่อันตรายที่สุดในเกมก็ไม่พ้นมนุษย์ที่จะได้พบเจอทั้งเกมนี่ล่ะครับ อย่างที่ผมบอกไปว่าพอเราเป็นแค่จิ้งจอกพันธุ์เล็กนี่ สิ่งที่เราพอจะทำได้ก็มีแค่พยายามหลบหลีกสายตาหนีการตามล่าให้ได้ เมื่อใดที่เผชิญหน้ากับมนุษย์เราก็ทำได้แค่การกัดให้ชะงักเพื่อเปิดโอกาสหนีต่อ ซึ่งก็แลกมากับอาการบาดเจ็บของเราที่จะทำให้วิ่งไม่ได้ไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง พูดง่าย ๆ ก็คือวิธีสู้กลับแทบไม่มีเลยก็ว่าได้ ซึ่งในจุดนี้ก็เป็นอะไรที่แอบชวนหงุดหงิดได้บ้างเหมือนกันในตอนช่วงท้าย ๆ เกม
อย่างไรก็ตาม การที่เราต้องออกเดินทางเพื่อหากินพร้อมกระเตงบรรดาลูกน้อยไปด้วยนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นภาระไปเสียทั้งหมด เพราะในบางจุดที่คุณไปก็อาจมีเหตุการณ์พิเศษเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะทำให้ลูกน้อยของคุณได้เรียนรู้ความสามารถใหม่ ๆ ในการเอาตัวรอด ซึ่งก็จะช่วยให้คุณหาอาหารได้สะดวกยิ่งขึ้นเช่นกันครับ
วิธีการเล่นของเกมนี้จะแบ่งแต่ละช่วงเป็นหนึ่งคืน พูดง่าย ๆ คือตัวเราในฐานะจิ้งจอกจะออกหากินช่วงกลางคืนที่จะพบเจอภัยจากมนุษย์ค่อนข้างน้อย และเมื่อคุณยิ่งใช้เวลาตระเวนเดินทางมากเท่าไรเวลาก็จะยิ่งใกล้เช้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งยิ่งใกล้ตอนเช้าก็จะยิ่งมีอุปสรรคมากขึ้น (มนุษย์เริ่มตื่นนั่นแหละ) ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่คุณหาอาหารกินได้จนอิ่มท้อง (หรืออาจไม่อิ่มก็สุดแท้แต่) คุณก็จะต้องวิ่งกลับไปที่รังเพื่อพักผ่อนแล้วค่อยสู้ต่อไปในอีกคืนข้างหน้า และแน่นอนว่าการกลับที่รังก็คือการเซฟโดยอัตโนมัตินี่ล่ะครับ
ถ้าจะให้พูดถึงความรู้สึกว่าระหว่างการเล่น Endling: Extinction is Forever นี้แล้วมันรู้สึกคล้ายตอนกำลังเล่นอะไรอยู่ ผมคิดว่ามันคล้ายกับตอนที่ผมได้เล่นเกมอย่าง Ico, Shadow of the Colossus หรือไม่ก็ The Last Guardian นั่นล่ะครับ คือดีไซน์ของเกมนี่ตั้งใจออกแบบมาให้เรียบง่าย นำเสนออะไรบนหน้าจอน้อย ๆ แต่ในความน้อยที่ว่ามันก็มีอะไรมากมายให้ได้สัมผัสและรับรู้เยอะพอสมควรเหมือนกัน
กราฟิกและการแสดงผล
กราฟิกของเกมนี้ทำออกมาในรูปแบบของเซลเฉดที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดี นั่นคือคุณภาพโมเดลจะคล้ายเวลาตอนที่เราดูการ์ตูนอนิเมชัน ซึ่งสไตล์กราฟิกแบบนี้ผมคิดว่ามันค่อนข้างเหมาะกับสไตล์นำเสนอของเกมด้วยเหมือนกันที่ไม่จำเป็นต้องนำเสนอในแบบงานภาพสมจริงชนิดเห็นเส้นขนทีละเส้นอะไรแบบนั้น เพราะด้วยรูปแบบอาร์ตสไตล์ของเกมมันก็โดดเด่นเตะตาในตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งงานภาพสไตล์การ์ตูนนี่ก็ให้ความรู้สึกตัดกับมู้ดแอนด์โทนโดยรวมของเกมที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน วิ่งไปที่ใดก็รู้สึกได้ถึงแต่ความหดหู่หม่นหมองและสิ้นหวัง เพราะทุกอย่างมีแต่ความปรักหักพังและเสื่อมสลายครับ
ถ้าจะมีจุดหนึ่งที่ต้องพูดถึงก็คือ ตลอดระหว่างการเล่นของผมนี่มีหลายจุดที่เฟรมตกแบบชัดเจน บางทีไม่มีเหตุการณ์อะไรพิเศษหรือไม่โดนมนุษย์ไล่ล่าก็เฟรมตกครับ ถึงแม้ว่าเกมนี้จะไม่ต้องการความไหลลื่นขนาดนั้นเพราะไม่ใช่เกมแอ็คชันความเร็วสูง แต่มันก็แอบทำเสียจังหวะไปได้บ้างเหมือนกัน
เพลงประกอบ
เพลงประกอบเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ดีของเกมนี้ครับ บางธีมในตอนสำรวจฉากจะให้บรรยากาศที่อ้างว้างเปลี่ยวเหงา เมื่อกลับมาพักผ่อนที่รังก็ฟังแล้วคล้าย ๆ กำลังฟังเพลงกล่อมเด็ก แต่พอจังหวะที่ต้องเผชิญกับภัยร้ายเพลงก็จะเปลี่ยนไปให้บรรยากาศที่ตื่นตัวเหมือนกำลังเผชิญกับสิ่งที่เกินกว่าเราจะรับมือได้ และในช่วงที่เจอกับเหตุการณ์เกินคาดเพลงก็หดหู่เศร้าหมองมาเสริมบรรยากาศได้ดี ผมค่อนข้างมั่นใจเลยว่าถ้าใครเป็นเกมเมอร์ที่อ่อนไหวง่าย ๆ จะต้องมีน้ำตาแตกในหลายจุดของเกมแน่นอน
สรุป
Endling: Extinction is Forever เป็นเกมอินดี้น้ำดีที่นำเสนอด้วยงานภาพอันโดดเด่น รูปแบบการเล่าเนื้อหาที่ไม่ธรรมดา รวมถึงสารในการนำเสนอที่ชวนให้ขบคิดอะไรได้หลาย ๆ อย่าง ถ้าจะมีจุดที่น่าเสียดายก็คือด้วยรูปแบบของเกมนี่จะมี replay value ค่อนข้างต่ำครับ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม หากคุณชื่นชอบเกมที่จะมีเนื้อหาซึ่งติดอยู่ในใจคุณไปอีกนานล่ะก็ เกมนี้จะเป็นตัวเลือกที่ดีแน่นอน