รีวิว NieR:Automata The End of YoRHa Edition [Switch]
ขอขอบคุณโค้ดเกม (Nintendo Switch) เพื่อการรีวิว จากบริษัท Bandai Namco Entertainment Asia มา ณ โอกาสนี้ครับ
หมายเหตุ: ภาพประกอบทั้งหมดนี้มาจากเครื่อง nintendo switch lite
จากที่ผมเช็กข้อมูลล่าสุด เกม NieR:Automata ขายไปได้แล้วทั่วโลกกว่า 6.5 ล้านชุดครับ นับตั้งแต่วันวางจำหน่ายเมื่อปี 2017 ถือเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง แถมได้รับคำชมและรางวัลต่าง ๆ มากมาย…แบบนี้เขาเรียกว่าได้ทั้งเงินได้ทั้งกล่อง
ผมก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไม PlatinumGames Inc กับ SQUARE ENIX ถึงให้แฟนเกมต้องรอกันนานเหลือเกินกว่าจะเข็นเวอร์ชันสำหรับนินเทนโด สวิตช์ออกมาขายได้ แต่ก็นั่นแหละครับ…ในที่สุดตัวเกมก็เปิดวางจำหน่ายเสียทีในชื่อเท่ ๆ ว่า NieR:Automata The End of YoRHa Edition โดยปล่อยขายไปเมื่อ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา
ผมขออธิบายรายละเอียดของตัวเกมเวอร์ชันล่าสุดนี้ให้ทราบกันเสียก่อนว่า มันคือตัวเกมหลัก และ DLC 3C3C1D119440927, ซึ่งประกอบไปด้วยโคลอสเซียมสุดท้าทายสามแห่ง และยังมีชุดสวมใส่แบบพิเศษ จากนั้น ผู้เล่นสามารถดาวน์โหลด DLC ฟรีได้อีกตัว นั่นคือ 6C2P4A118680823 ซึ่ง DLC เอ็กซ์คลูซีฟสำหรับเครื่องสวิตช์นี้จะประกอบไปด้วย 6 ชุดแต่งกายและ 4 เครื่องประดับใหม่ ที่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวละครที่คุณเล่น และยังมาพร้อมกับ 2 สกินสำหรับ pods ซึ่งออกแบบโดยอ้างอิงจากตัวละครของเกมฉบับมือถือ NieR Re[in]carnation นั่นเอง
STORY
“NieR:Automata คือเกมที่ผสมผสานระหว่างแอ็คชันและอาร์พีจี ผ่านเนื้อหาอันชวนติดตามและชวนคิด ผู้เล่นจะต้องเข้าต่อสู้ในฐานะแอนดรอยด์ 2B, 9S และ A2 เพื่อช่วงชิงโลกกลับมาจากพวกเครื่องจักรและเผยความจริงเกี่ยวกับมนุษยชาติที่ถูกลืมเลือนไปนานแสนนาน”
ข้อความข้างบนนั่นคือพล็อตเริ่มเรื่องครับ โดยเมื่อเข้าสู่เกม คุณจะได้เจอกับเรื่องราวแยกย่อยเล็ก ๆ น้อย ๆ มากมายจากบรรดาภารกิจรองทั้งหลาย โดยในส่วนของแกนเรื่องหลักนั้นแบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ ๆ ที่ผมจะไม่เล่าอะไรไปมากกว่านี้แล้วล่ะ ประเด็นนี้ทุกคนไปเล่นกันเองได้ แต่ที่สามารถสรุปให้ทราบได้แน่ ๆ ก็คือ เมื่อเล่นเกมแบบจบสมบูรณ์แล้วคุณจะพบว่าการแต่งเติมเนื้อเรื่องของทีมงานนั้นรังสรรค์ออกมาได้ดีมาก ทั้งช็อกทั้งประทับใจ ไม่มีคำว่าเสียเวลาเล่นอย่างแน่นอน
GAMEPLAY
ถึงแม้โครงสร้างแกนกลางของ NieR:Automata จะเป็น RPG แต่ตัวเกมมันเป็นแอ็กชันเกม และนี่คือเกมที่มีสไตล์คลาสสิกของแพลตินั่มเกมสตูดิโอโดยแท้ กล่าวคือ มันจะมีปุ่มโจมตีเบา, โจมตีหนัก ซึ่งเอามาผสมผสานเป็นคอมโบหลาย ๆ แบบได้ นอกจากนี้คือมีระบบพุ่งหลบ/ฉากหลบ (dodge) ที่เอามาใช้สลับกับคอมโบของผู้เล่น เกิดเป็นจังหวะจะโคนในการต่อสู้สุดมัน แถมด้วยหุ่นช่วยยิง ที่คุณจะเลือกเล็งเอง หรือเปิดเป็นออโต้ก็ได้ตามใจ
นอกจากนี้ ตัวเกมยังมีเทคนิคในการเปลี่ยนมุมมอง/มุมกล้อง เพื่อให้เกิดการเล่นแบบแพลตฟอร์ม หรือแม้แต่เกมยานยิงแบบ Shoot ’em up ก็มีให้เล่นกันในหลาย ๆ ฉาก และที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้ก็คือฉากปะทะบอสแต่ละตัว ถือเป็นไฮไลต์สำคัญของ NieR:Automata เอาง่าย ๆ ในหัวข้อนี้ ผมไม่อาจหาญตัดคะแนนในจุดใดได้เลย เกมเขาเยี่ยมจริง ๆ
GRAPHIC [Switch Version]
มาถึงหัวข้อสำคัญ โดยตัวเกมดั้งเดิมผมมองว่าเขามีสไตล์การออกแบบงานภาพแบบมินิมอลอยู่แล้ว เน้นพื้นที่โล่ง ๆ อย่างทะเลทราย หรือซากหมู่ตึก ฯลฯ เหล่านี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เมื่อต้องพอร์ตมาลงเครื่องอย่างสวิตช์ จึงทำให้ผลงานที่ได้ไม่แตกต่างจากของเดิมมากนัก แถมบางจุดยังมีพัฒนารายละเอียดเพิ่มมากขึ้นไปอีก เลยทำให้ NieR:Automata The End of YoRHa Edition กลายเป็นเวอร์ชันที่สมบูรณ์ที่สุดไปโดยปริยาย
เมื่อลองเล่นบนสวิตช์ไลต์ ภาพที่ได้ออกมาดูดีมากครับ คือต้องจ้องดูใกล้ ๆ ถึงจะเห็นว่ามันเบลอ ๆ แต่เวลาเราเล่นด้วยระยะสายตาปกติ ภาพโอเคมาก ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ถือว่าผลงานเพอร์เฟ็กต์
CONCLUSION
มาถึงบทสรุปที่ผมต้องออกตัวก่อนว่า นี่คือการรีวิวประสิทธิภาพของตัวเกมในเวอร์ชันสำหรับนินเทนโดสวิตช์เป็นหลัก ไม่ใช่การรีวิวแบบตีแผ่ทั้งเกมนะครับ เพราะเราเคยจัดทำกันไปแล้วตั้งแต่สมัยเกมออก (น่าเสียดายที่หน้าเว็บรีวิวชิ้นนั้น สูญหายไปพร้อมกับตัวเว็บไซต์รุ่นเก่าของเรา) โดยหลังทดสอบเกมจนหนำใจแล้วผมกล้าฟันธงเลยว่า การพอร์ตเกมครั้งนี้ ควรกลายเป็นบรรทัดฐานที่เกมอื่น ๆ สมควรเอาเยี่ยงอย่าง เพราะคุณภาพเกมออกมาดีมาก โดยเฉพาะกับเครื่องสวิตช์ไลท์ ที่ให้ภาพสวยงามแม้เป็นเครื่องเกมแบบ handheld ก็ตาม
อย่างไรก็ดี ถ้าไปดูกันที่ตัวคอนเทนต์อย่างเดียว ใครที่เคยเล่นภาคต้นฉบับจนทะลุปรุโปร่งแล้ว อาจไม่จำเป็นต้องจัดหาภาคนี้มาเล่นก็ได้ครับ เพราะเอาเข้าจริงมันมีเพิ่มแค่ชุดแต่งตัวสวย ๆ งาม ๆ เท่านั้นเอง อย่างอื่นเหมือนเดิม แต่! ถ้าใครไม่เคยเล่นมาก่อนเลย แล้วเล่นเกมจากเครื่องนินเทนโดเป็นหลักแล้วล่ะก็ จัดได้เลยครับ ไม่มีคำว่าผิดหวัง
Pros
- พอร์ตเกมมาลงสวิตช์ได้อย่างยอดเยี่ยม เล่นได้ไหลลื่น งานภาพกราฟิกก็ตามเนื้อผ้าของเครื่องสวิตช์
- คอนเทนต์เกมดั้งเดิม คือเกมระดับตำนาน นี่คือเกมที่คว้ารางวัล Excellence Awards จากเวที Japan Game Awards มาแล้วนะครับ
Cons
- ใครที่เคยเล่นต้นฉบับมาแล้ว อาจพบว่าเวอร์ชันนี้ไม่มีอะไรใหม่ ๆ มอบให้เท่าที่ควร