ย้อนอ่านบทความที่ผ่านมา
- เปิดข้อมูล TACTICS OGRE: REBORN – แนะนำระบบเกมเพลย์เบื้องต้น
- เปิดข้อมูล TACTICS OGRE: REBORN – แนะนำอาชีพต่าง ๆ ในเกมอย่างละเอียด
- เปิดข้อมูล TACTICS OGRE: REBORN – แนะนำตัวละครสำคัญในเกม
Tactics Ogre Reborn ข้อมูลการเล่นเกมและคลาสเพิ่มเติม
สกิล [1]
ในตอนที่เลเวลของยูนิตเพิ่มขึ้น ก็จะมีสกิลอันหลากหลายให้ใช้มากขึ้นสำหรับแต่ละคลาส คุณจะสามารถติดตั้งสกิลได้สูงสุดสี่สกิลต่อหนึ่งยูนิต โดยจะช่วยให้ความสามารถพิเศษโดยขึ้นอยู่กับสกิลที่ติดตั้งไว้
สกิล [2]
สกิลจะแบ่งออกเป็นสี่หมวดหมู่ด้วยกัน: แอ็กชัน, สนับสนุน, อัตโนมัติและพิเศษ
แอ็กชัน (Action)
สกิลเหล่านี้จะสามารถใช้งานได้ทุกเมื่อ คล้ายกับการโจมตีด้วยอาวุธหรือเวทมนตร์ สกิลที่ติดตั้งไว้จะปรากฏให้เห็นเป็นหัวข้อภายใต้เมนู “สกิล” สกิลแอ็กชันจะต้องใช้ MP เพื่อใช้งาน บางสกิลจะให้อัตราโจมตี 100% แก่อาวุธและการันตีว่าจะติดคริติคอลแน่นอน ส่วนสกิลอื่น ๆ ก็จะทำให้คุณชักชวนยูนิตศัตรูมาเข้าร่วมปาร์ตี้ของคุณได้
สนับสนุน (Support)
เพียงแค่ติดตั้งสกิลเหล่านี้ก็จะให้สิทธิประโยชน์แบบแพสซีฟแก่ยูนิตนั้น ๆ แล้ว สกิลสนับสนุนบางอย่างจะช่วยเพิ่มค่า HP หรือ MP สูงสุด ส่วนสกิลอื่น ๆ อาจจะทำให้เกิดการโจมตีสวนโดยอัตโนมัติเมื่อโดนโจมตี
อัตโนมัติ (Auto)
ผลลัพธ์ของสกิลเหล่านี้จะมีโอกาสเกิดผลโดยอัตโนมัติเมื่อยูนิตนั้นขยับได้ ซึ่งเมื่อเกิดผลลัพธ์ของสกิลเหล่านี้ก็จะไม่ทำให้เสีย MP แต่อย่างใด สกิลอัตโนมัติบางชนิดจะช่วยฟื้นฟู MP ส่วนบางชนิดก็จะช่วยเพิ่มระยะให้การโจมตีระยะไกล อัตราการเกิดผลของสกิลอัตโนมัตินี้จะเพิ่มขึ้นได้โดยการรับบัฟที่ช่วยเพิ่มอัตราดังกล่าว หรือโดยการเพิ่มเลเวลของยูนิตให้ถึงจุดที่กำหนด
พิเศษ (Special)
นี่คือสกิลพิเศษที่เฉพาะบางเผ่าพันธุ์ที่จะใช้ได้ สกิลที่ได้รับการติดตั้งจะปรากฏให้เห็นในเมนู “ใช้งาน” สกิลพิเศษเหล่านี้จะต้องใช้ MP จะมีบางสกิลที่เป็นการพ่นลมหายใจอย่างเช่นยูนิตที่เป็นมังกร และการโจมตีสร้างความเสียหายอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดดีบัฟ
สกิล [3]
สกิลที่สามารถใช้ได้จะต่างกันไปตามแต่ละคลาสและเผ่าพันธุ์ของยูนิต สกิลต่อไปนี้คือตัวอย่างที่แต่ละคลาสมี
นักเวท (Wizard)
นักเวทนั้นเชี่ยวชาญด้านเวทโจมตีและเวทดีบัฟ ดังนั้นพวกเขาจะได้เรียนรู้สกิลที่เน้นให้สามารถใช้เวทได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงสกิลที่จะฟื้นฟู MP หรือขยายขอบเขตของเวทตน ช่วยให้ยูนิตสามารถเพิ่มความพิเศษให้กับเวทโจมตีและเวทสนับสนุนได้ดีขึ้น
นักดาบเวท / วัลคิรี (Rune Fencer / Valkyrie)
นักดาบเวทและวัลคิรีจะมีอาวุธและเวทมนตร์ให้ใช้งานอย่างหลากหลาย และสามารถเรียนรู้สกิลเพื่อสนับสนุนตนเองในการต่อสู้ได้ คลาสนี้จะมีความสมดุลด้านสกิลโจมตีและป้องกัน ตั้งแต่สกิลที่สนับสนุนการใช้เวท ไปจนถึงสกิลที่เพิ่มความทนทานต่อการถูกดีบัฟ
อัศวิน (Knight)
อัศวินจะเปรียบเสมือนโล่ที่สามารถตั้งรับการโจมตีของศัตรูได้ พวกเขาโดดเด่นในด้านการป้องกันและสามารถเรียนรู้สกิลที่จะลดความเสียหายซึ่งเกิดขึ้นต่อยูนิตเพื่อนได้ อัศวินจะได้เรียนรู้สกิลที่สามารถพึ่งพาได้ในการเปิดทางและเข้าประชิดศัตรู อย่างเช่นสกิลที่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรูภายในระยะที่กำหนด หรือลดความเสียหายให้แก่มิตรสหายจนกว่าจะถึงเทิร์นถัดไป
นินจา / คุโนอิจิ (Ninja / Kunoichi)
นินจาและคุโนอิจิปราดเปรียวเป็นอย่างมาก ด้วยความสามารถที่เคลื่อนไหวได้ไกลและยังไปมาบนทางต่างระดับได้โดยไม่มีปัญหา พวกเขาจะได้สกิลที่ช่วยลดความแข็งแกร่งของศัตรูด้วยการเคลื่อนไหวอันคล่องแคล่ว อย่างเช่น “การโจมตีสองเท่า” ที่จะใช้ได้เมื่อติดตั้งอาวุธที่ต้องถือสองมือ และยังมีสกิลที่เพิ่มอัตราการโจมตีโดนของวิชานินจาที่จะใช้ในครั้งต่อไปให้กลายเป็น 100%
สนามรบ [1]
สนามรบจะเต็มไปด้วยองค์ประกอบที่จะส่งผลกระทบต่อการต่อสู้ อย่างเช่นสภาพอากาศและภูมิประเทศ หากคุณสามารถใช้ประโยชน์จากองค์ประกอบเหล่านี้ได้ ก็จะช่วยให้ชิงความได้เปรียบในการต่อสู้ได้
ภูมิประเทศ
นอกเหนือไปจากด้านในและด้านนอกของอาคาร อย่างเช่นป้อมปราการ, ปราสาทและทางระบายน้ำแล้ว ยังมีสภาพภูมิประเทศพิเศษอย่างเช่นที่ราบ, ทุ่งหิมะและภูเขาไฟด้วย ในสนามรบเดียวกันสามารถมีสภาพภูมิประเทศต่างกันได้ซึ่งจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ต่างกันไปกับแต่ละยูนิต ผลลัพธ์บางอย่างจะส่งผลต่ออัตราการโจมตีโดน ส่วนภูมิประเทศของจุดที่ยูนิตนั้น ๆ ยืนอยู่จะส่งผลต่ออัตราการโจมตีโดนของการโจมตีประชิดและการโจมตีระยะไกล
สภาพอากาศ
การต่อสู้ในสนามรบนอกอาคารนั้นอาจมีฝนตกหรือหิมะตก สภาพอากาศจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาในระหว่างต่อสู้ บางครั้งอาจมีฝนกระหน่ำหรือหิมะอาจหยุดตก ยิ่งสภาพอากาศแย่เท่าไรก็ยิ่งทำให้ทัศนวิสัยแย่ลง และทำให้ความแม่นยำของการโจมตีของคุณลดลง สภาพอากาศจะส่งผลต่ออัตราการเคลื่อนไหวบนภูมิประเทศบางประการด้วย ซึ่งจะกระทบต่อการเคลื่อนไหวและกลยุทธ์ของคุณและศัตรู
สมบัติที่ฝังอยู่
เมื่อยูนิตจบเทิร์นของตนเองบนจุดบางจุด พวกเขาก็อาจพบไอเท็มได้ ไอเท็มจะถูกฝังอยู่ในหลายสถานที่ด้วยกัน บางชิ้นอาจเจอได้จากการทำลายสิ่งกีดขวางหรือจากการเผาหญ้าหรือเผาหิมะเพื่อเปิดให้เห็นพื้นดิน
สนามรบ [2]
ในสนามรบจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
อาจมีอีเวนต์หลายอย่างเกิดขึ้นในการต่อสู้ โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ อย่างเช่นการปรากฏตัวของยูนิตที่โดนไล่ล่าและปิดล้อมโดยศัตรู หรือมีบทสนทนาพิเศษระหว่างตัวละครบางตัว เรื่องราวจะเปลี่ยนไปอย่างมากโดยขึ้นอยู่กับการกระทำและตัวเลือกของคุณในสถานการณ์ดังกล่าว
การปรากฏตัวของยูนิตที่ต้องการความช่วยเหลือ
ในบางโอกาสจะมียูนิตที่โดนศัตรูโจมตีปรากฏตัวขึ้นมาในสนามรบ หากคุณสามารถช่วยเหลือยูนิตเหล่านี้และจบการต่อสู้โดยที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ได้ คุณอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเรื่องราวที่ตามมา
บทสนทนาพิเศษ
ในระหว่างการต่อสู้ อาจมีอีเวนต์บทสนทนาพิเศษเมื่อมีตัวละครบางตัวอยู่ในฉาก ยกตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังเตรียมตัวสู้กับบางตัวละครที่เคยมีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่นในปาร์ตี้ของคุณ คุณอาจจะอยากเลือกตัวละครเหล่านั้นมาลงฉากสู้ในหน้าจอ Battle Party
สนามรบ [3]
การชักชวนยูนิตมาเป็นพวก
วิธีหนึ่งในการได้ยูนิตมาเพิ่มก็คือการว่าจ้างพวกเขาจากร้านค้า แต่คุณยังสามารถชักชวนยูนิตศัตรูมากมายที่ได้พบในการต่อสู้ให้มาร่วมเป็นพวกได้ แล้วนำเอายูนิตเหล่านี้รวมถึงสกิลอันทรงพลังและท่าพิเศษของพวกเขามาใช้งานเองได้
หากต้องการจะชักชวนยูนิตศัตรูได้สำเร็จ คุณจะต้องใช้สกิลชักชวน (สกิลแอ็กชัน) ที่สอดคล้องกับยูนิตที่คุณต้องการชักชวน ซึ่งจำเป็นต้องใช้สกิลชักชวนสำหรับคลาสที่ต่างกันโดยขึ้นอยู่กับเผ่าพันธุ์ที่คุณอยากชักชวนด้วยเช่นกัน
ไม่เพียงแค่มนุษย์เท่านั้นที่มาร่วมปาร์ตี้ได้ มอนสเตอร์ที่คุณเผชิญในการต่อสู้ก็สามารถชักชวนและฝึกฝนได้เช่นกัน คุณสามารถเปลี่ยนชื่อยูนิตได้เมื่อคุณจ้างพวกเขาในร้านค้าหรือไม่ก็ชักชวนให้มาร่วมเป็นพวกในการต่อสู้
สนามรบ [4]
ไอเท็มที่พบได้ในการต่อสู้
แบทเทิลการ์ดหรือถุงสมบัติจะปรากฏขึ้นในฉากสู้ คุณสามารถเก็บแบทเทิลการ์ดและถุงสมบัติดังกล่าวได้ โดยการเคลื่อนที่ไปยังจุดที่ปรากฏแล้วเลือก “จบเทิร์น”
แบทเทิลการ์ด: การ์ดเหล่านี้มีพลังอันลึกลับ เมื่อได้มาผลลัพธ์ของการ์ดก็จะปรากฏให้กับยูนิตดังกล่าว ซึ่งจะมีผลลัพธ์ของการ์ดทั้งหมดสามแบบด้วยกัน
บัฟการ์ด
การ์ดเหล่านี้จะช่วยเสริมพลังให้กับยูนิตที่เก็บมาได้ชั่วครู่ โดยจะปรากฏขึ้นมาแบบสุ่มหลังจากที่ผ่านช่วงเวลาไประยะหนึ่ง, มีการทำลายสิ่งกีดขวาง, หรือมีการเคลียร์หญ้าหรือหิมะด้วยเวทไฟหรือด้วยวิธีอื่น ๆ ซึ่งบัฟการ์ดที่เก็บมาจะเสริมผลลัพธ์กันขึ้นไปเรื่อย ๆ และหนึ่งยูนิตจะสามารถรับผลลัพธ์ได้สูงสุดถึง 4 การ์ดด้วยกัน ยูนิตหนึ่งจะสามารถเก็บการ์ดที่ให้ผลลัพธ์เดียวกันได้หลายใบ ในกรณีนี้ผลลัพธ์ก็จะเพิ่มพูนขึ้นในแต่ละครั้ง หากคุณเก็บบัฟการ์ดใบใหม่โดยที่มีการเก็บ 4 ใบเอาไว้แล้ว การ์ดใบเก่าก็จะถูกทิ้งไปและผลลัพธ์ของใบที่ถูกทิ้งก็จะเสียไป
รีเซ็ตการ์ด
การ์ดเหล่านี้จะรีเซ็ตผลลัพธ์ของบัฟการ์ดรายใดก็ได้ที่ยูนิตเคยเก็บไว้มาก่อน โดยจะปรากฏขึ้นมาแบบสุ่มหลังจากที่ผ่านช่วงเวลาไประยะหนึ่ง, มีการทำลายสิ่งกีดขวาง, หรือมีการเคลียร์หญ้าหรือหิมะด้วยเวทไฟหรือด้วยวิธีอื่น ๆ การรีเซ็ตจะส่งผลทันทีที่เก็บการ์ดและจะไม่มีการเสริมผลลัพธ์ คุณจะสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้โดยการกระแทกยูนิตศัตรูให้กระเด็นไปเก็บรีเซ็ตการ์ดเพื่อทำการลบบัฟการ์ดของพวกมันได้
สแตตการ์ด
เมื่อคุณกำจัดยูนิตศัตรูได้ ก็อาจจะมีสแตตการ์ดหรือถุงสมบัติปรากฏขึ้น หากสแตตการ์ดดรอปออกมาก็จะเป็นการเพิ่มค่าสถานะของยูนิตที่เก็บมาได้ในจำนวนเล็กน้อย ผลลัพธ์นี้จะเกิดขึ้นในทันทีที่เก็บมาได้และจะไม่นับรวมกับบัฟการ์ดจำนวน 4 ใบที่ยูนิตจะเก็บได้
ถุงสมบัติ: ถุงสมบัติจะประกอบไปด้วยของสวมใส่และไอเท็มใช้แล้วหมดไปที่ใช้โดยยูนิตศัตรูที่โดนกำจัด เมื่อคุณเก็บมาได้แล้วก็จะไปอยู่ในหัวข้อไอเท็มของปาร์ตี้
กงล้อแห่งโชคชะตา (Wheel of Fortune)
ใน Ogre Battle: March of the Black Queen, ซึ่งเป็นเกมแรกใน Ogre Battle Saga, ได้มีการใช้ไพ่ทาโรต์ 22 ใบของสำรับใหญ่เป็นเหมือนแกนกลางของเกม ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์, งานภาพและลอร์ของเกม ไพ่ทาโรต์เหล่านี้คือสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจของระบบ “กงล้อแห่งโชคชะตา” ที่ได้รับการเพิ่มเติมเข้ามาใน Tactics Ogre: Let Us Cling Together, ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่พบได้ในภาคล่าสุดนี้
โดยการใช้กงล้อแห่งโชคชะตา คุณจะสามารถช่วยเหลือตัวละครที่คุณไม่สามารถช่วยเหลือได้ก่อนหน้านี้ หรือไม่ก็ชักชวนตัวละครที่ไม่ได้เข้าร่วมปาร์ตี้ของคุณก่อนหน้านี้เพราะผลจากการตัดสินใจของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณได้สัมผัสกับเรื่องราวที่คุณอาจไม่ได้เห็นมาก่อน
ไพ่ทาโรต์แชริออต (The Chariot Tarot)
ในเกม RPG กลยุทธ์ จะมีสถานการณ์มากมายที่จำเป็นต้องใช้ความตั้งใจและความอดทนในระดับสูง เพราะการตัดสินใจของคุณอาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่แก้ไขไม่ได้ในการเคลื่อนไหวหลังจากนั้นของคุณ หากคุณทำความผิดพลาดไป คุณก็อาจจะต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ต้น
ใน Tactics Ogre: Reborn, ไพ่ทาโรต์แชริออตจะช่วยให้คุณย้อนกลับไปยังการกระทำก่อนหน้าของคุณ แล้วเลือกเล่นใหม่จากเทิร์นใดที่คุณเลือกก็ได้ จำนวนเทิร์นที่คุณสามารถย้อนกลับไปได้ภายในการต่อสู้จากการใช้ไพ่แชริออตจะจำกัดอยู่ที่ 10 เทิร์นในตอนเริ่มต้นเกม แต่จำนวนจะเพิ่มเติมขึ้นเมื่อเกมดำเนินไปเรื่อย ๆ หากคุณต้องการเปลี่ยนผลลัพธ์ล่ะก็ ลองมาย้อนกลับแล้วทดลองการกระทำหลาย ๆ อย่าง
ไพ่ทาโรต์เดอะเวิลด์ (The World Tarot)
เกมนี้จะมีเนื้อเรื่องที่แตกแขนง ที่บ่อยครั้งคุณจะต้องทำการตัดสินใจครั้งสำคัญซึ่งจะส่งผลกระทบครั้งใหญ่หลวงว่าเกมจะดำเนินเรื่องไปอย่างไร แต่ถึงกระนั้น ด้วยธรรมชาติของเกมแนว RPG กลยุทธ์นี้เอง เวลาในการเล่นทั้งหมดของคุณอาจจะบานปลายได้หากคุณต้องการสัมผัสเรื่องราวทั้งหมด ไพ่ทาโรต์เดอะเวิลด์ ซึ่งสามารถใช้ได้หลังจากทำตามเงื่อนไขบางประการ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณย้อนเวลากลับไปในช่วงใดช่วงหนึ่งของเนื้อเรื่องแล้วเลือกเส้นเรื่องอื่นที่ต่างไปจากสิ่งที่คุณเลือกมาก่อนหน้านี้
แนะนำคลาสเพิ่มเติม
ผู้ควบคุมสัตว์ (Beast Tamer)
ผู้ควบคุมสัตว์จะสามารถฝึกฝนสัตว์ป่าและมังกรได้เพื่อปลดปล่อยความสามารถที่แท้จริงของพวกมัน
นักรบมังกร (Dragoon)
นักรบผู้มีความสามารถพิเศษในการสังหารสัตว์ป่าและมังกร
ปรมาจารย์ดาบ (Swordmaster)
มือโจมตีระยะประชิดและปรมาจารย์ผู้ใช้ดาบคาตานะที่ต้องถือสองมือ สามารถใช้ท่าระบำดาบสงครามได้
พ่อมด / แม่มด (Warlock / Witch)
ทั้งเป็นนักเวทและเป็นนักปราชญ์ พ่อมดหรือแม่มดจะได้เรียนรู้ความสามารถต่าง ๆ จากคัมภีร์โบราณ พวกเขาสามารถควบคุมโกเลมและปลดปล่อยความสามารถที่แท้จริงออกมาได้
พลปืน (Fusilier)
พลปืนจะสามารถใช้อาวุธระยะไกลอันทรงพลังได้ทุกแบบสมชื่อคลาส
เลโอนาร์ เรซี ไรมอน (Leonar Reci Rimon)
“หากบุรุษใดต้องการอำนาจไว้ในมือก็ต้องไขว่คว้ามาด้วยตัวเอง ไม่มีชนชั้นสูงที่ไหนจะมายื่นอำนาจให้หรอกนะ”
ชาววาลิสเตอร์ (Walister) ที่เป็นกัปตันของกองอัศวินแห่งอัลมอริกา (Knights of Almorica) อายุ 27 ปี เขาทำงานเป็นมือขวาของดุ๊กรอนเวย์ (Duke Ronwey) และยังเป็นสมาชิกคนสำคัญของกองกำลังต่อต้าน หากมองในทีแรกเขาดูไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าทหารผู้เคร่งครัด และเป็นคนหัวแข็งดื้อรั้นในแนวทางของตนเอง แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาซึ่งดุ๊กไว้ใจมากที่สุดและยังเป็นนักกลยุทธ์ด้วย มารดาของเขาโดนสังหารโดยชาวกัลกัสตานี (Galgastani) ในความวุ่นวายก่อนหน้านี้
ราฟเนส ล็อกเซเรียน (Ravness Loxaerion)
“จงอย่าเข้าใจผิดนะ ข้าตั้งความคาดหวังกับเจ้าไว้สูงทีเดียว”
ชาววาลิสเตอร์ผู้เป็นหนึ่งในกองอัศวินแห่งอัลมอริกา อายุ 23 ปี เธอคือรองผู้บัญชาการถัดจากเซอร์เลโอนาร์ เธอเป็นผู้ให้การสนับสนุนใกล้ชิดของดุ๊กรอนเวย์ และเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาซึ่งเขาเชื่อใจที่สุด แม้ว่าจะเป็นที่รับรู้กันว่าเธอเป็นคนที่สุขุมเยือกเย็น แต่เธอก็มักจะคัดค้านกลยุทธ์ประเภทเล่ห์เหลี่ยมเพทุบายหัวชนฝา
อาริเซลล์ ดาเนีย (Arycelle Dania)
“อ้อ ข้าต้องการหัวเจ้าแน่ แต่ข้าไม่ใช่นักล่าค่าหัวหรอก เจ้าต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป ณ บัลบามูซาด้วยชีวิต!”
ชาววาลิสเตอร์ผู้มาจากคริซาโร (Krysaro) ซึ่งอยู่ในกองกำลังต่อต้านวาลิสเตอร์ อายุ 19 ปี เธอและพี่ชายลุกขึ้นมาจับอาวุธแล้วร่วมกองกำลังต่อต้านหลังจากที่พ่อแม่ของพวกเขาตายไปในการปะทะครั้งแรกระหว่างกองกำลังกัลกัสตานีและวาลิสเตอร์ ทั้งคู่เป็นนักธนูฝีมือดี เรียกได้ว่าอยู่ในกลุ่มยอดฝีมือของกองกำลังต่อต้านเลยก็ว่าได้ และพวกเขาไม่เคยอยู่ห่างจากแนวหน้าเลย
โฮบิริม แวนดัม (Hobyrim Vandam)
“ตาข้าอาจจะมองไม่เห็น แต่ดาบข้านั้นจริงแท้ยิ่งกว่าสิ่งใด”
นักดาบตาบอดจากต่างแดน อายุ 31 ปี ดูเหมือนว่าเขาจะมีความเกี่ยวข้องกับกองอัศวินมืด (Dark Knights) บางอย่าง แต่เขาจะไม่ยอมเล่าสาเหตุเลยแม้แต่น้อย
บุตรีทั้งสี่ ของ เมเรียวา โฟเรนา
เซเรีย โฟเรนา (Cerya Phoraena) *คนแรกซ้ายสุด
“หากขาหยั่งไม่ติดพื้น เจ้าก็จะล่องลอยเรื่อยไป”
ชาวบาครัม (Bakram) ผู้นำกองกำลังปลดแอก (Liberation Front) อายุ 26 ปี ครั้งหนึ่งเธอเคยเผยแพร่คำสอนของภาคีแห่งฟิลาฮา (Order of Philaha) และยังเป็นผู้เคารพบูชาพระบิดาผู้ยิ่งใหญ่ (Great Father) แต่ว่าเธอก็จากมาหลังจากเสื่อมศรัทธาในศาสนา จากนั้นเธอก็ได้ก่อตั้งกองกำลังปลดแอกโดยมีเป้าหมายที่จะยุติสงครามด้วยการปฏิวัติ
ซิสทินา โฟเรนา (CistinaPhoraena) *คนสองจากซ้าย
“ถ้าเช่นนั้นเราก็มีเป้าหมายเดียวกัน มาร่วมกันสู้เถอะ”
ชาวบาครัมอายุ 20 ปี เธอเป็นบุตรีคนที่สามจากบุตรีทั้งสี่คนของ เมเรียวา โฟเรนา (Mreuva Phoraena) ผู้เป็นอดีตอาร์เชเรียส (Archiereus สถานะเทียบเท่า High Priest หรือก็คือมหาปุโรหิต) ประจำภาคีแห่งฟิลาฮา หลังจากอาบูนา แบรนทิน (Abuna Brantyn) ขับบิดาของเธอออกจากตำแหน่งและมารดาของเธอสิ้นใจไป เธอก็ตัดสินใจออกจากภาคีและมาร่วมกับพี่สาวเซเรียเพื่อก่อตั้งกองกำลังปลดแอก
โอลิเวีย โฟเรนา (Olivya Phoraena) *คนสามจากซ้าย
“การที่เจ้าเป็นอะไรและเป็นใคร ล้วนไม่ได้เกี่ยวข้องเลยว่าภายหน้าเจ้าจะกลายเป็นอย่างไร!”
ชาวบาครัมผู้ซึ่งเคยเป็นหญิงพยากรณ์ประจำภาคีแห่งฟิลาฮา อายุ 18 ปี เธอเป็นบุตรีคนสุดท้องจากบรรดาบุตรีทั้งสี่ของเมเรียวา โฟเรนา ผู้เป็นอดีตอาร์เชเรียสประจำภาคีแห่งฟิลาฮา ภายหลังจากหลบหนีความวุ่นวายทางการเมืองในเฮม (Heim) มา เธอก็ยังคงเผยแพร่คำสอนของภาคีร่วมกับบิดา เธอได้เข้าร่วมลำดับชั้นสูงของภาคีหลังจากที่บิดาหายตัวไป
เชอร์รี โฟเรนา (Sherri Phoraena) *คนสี่จากซ้าย
“มือของพ่อน่ะเปื้อนเลือดของแม่อยู่ไงล่ะ!”
ชาวบาครัมผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ศรัทธาในภาคีแห่งฟิลาฮา อายุ 24 ปี เธอเป็นบุตรีคนรองจากบรรดาบุตรีทั้งสี่ของเมเรียวา โฟเรนา ผู้เป็นอดีตอาร์เชเรียสประจำภาคีแห่งฟิลาฮา ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นมิชชันนารีผู้เผยแพร่คำสอน แต่ภายหลังจากมารดาสิ้นชีพไปเธอก็ตัดสินใจเลือกเดินทางอื่น และทำให้เธอไม่แยแสกับศรัทธาที่เคยมีอีกต่อไป
ดิเอโก้ กาเล็ต อาเซลสตัน (Diego Galet Azelstan)
“ดิเอโก้อาจเป็นบุรุษแห่งท้องทะเล แต่ถึงแม้จะเป็นบนพื้นดินหรือดาดฟ้าเรือที่โอนเอียงก็ยังเอาตัวรอดได้อยู่ล่ะน่า”
โจรสลัดในตำนานชาวกัลกัสตานี ในวัยหนุ่มเขาเป็นที่เลื่องลือไปทั่วว่าได้ล่องเรือไปจนทุกซอกมุมของหมู่เกาะวาเลเรียน (Valerian Isles) เขาเป็นที่หวาดกลัวว่าทั้งช่วงชิงสินค้าและช่วงชิงชีวิตด้วย แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็กลับเข้าฝั่งแล้วหายตัวไป
เซบอส รอนเซ็นบาค (Xaebos Ronsenbach)
“เพื่อการนั้น เราก็เพียงแค่ต้องชนะให้ได้ เพราะผู้ชนะคือผู้ขีดเขียนประวัติศาสตร์!”
ชาวกัลกัสตานีที่ครั้งหนึ่งเป็นผู้นำกองอัศวินแห่งกัลกัสตัน (Knights of Galgastan) อายุ 30 ปี เขาทำงานใต้การบังคับบัญชาโดยตรงของบัลบาทอส (Balbatos) และคอยไล่ล่าศัตรูของไฮเอโรแฟนต์ (Hierophant) รวมถึงคอยกดขี่วาลิสเตอร์ แม้จะเป็นคนที่หยิ่งยโส แต่ความกล้าหาญในสนามรบนั้นไม่มีผู้ใดกังขา บุคลิกท่าทางของเขานั้นหยาบกร้าน คำพูดคำจาก็ตรงไปตรงมา แต่ทว่าความเอาใจใส่ที่มีให้ลูกน้องและเพื่อนร่วมชาตินั้นไม่เป็นสองรองใคร เขาคือผู้บัญชาการที่น่าหวั่นเกรง จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาได้รับการชื่นชมว่าเป็นมิตรสหายที่เข้มแข็งและแน่วแน่
เฮกเตอร์ ดิดาร์โร (Hektor Didarro)
“พวกเราไม่ขายเพื่อน แม้ว่าจะเสนอราคาสูงลิบเพียงใดก็ตาม หากเป็นเจ้าจะทำต่างไปจากนี้รึไง?”
ชาวกัลกัสตานีที่คอยสู้รบให้แก่ตระกูล เขาเป็นอัศวินแห่งบ้านตระกูลดิดาร์โร ซึ่งมีชื่อเสียงในคอริตาเน (Coritanae) พวกเขารับใช้ลอร์ดแห่งคอริตาเนมาหลายชั่วอายุคน และยังมีความภักดีเป็นอย่างมากต่ออาณาจักรแห่งกัลกัสตัน (Kingdom of Galgastan) เฮกเตอร์นั้นประจำตำแหน่งอยู่ที่ปราสาทบริกันทิส ((Brigantys Castle) ภายใต้ผู้บัญชาการเซบอส
ดูคัส วินเดลแบนด์ กาติอาโล (Dukas Windelband Gatialo)
“พวกเราแข็งแกร่ง! พวกเราจะมือเปื้อนเลือดเพื่อชัยชนะ! จงอย่าได้อับอายในชัยชนะ!”
ชาวกัลกัสตานีที่คอยสู้รบให้แก่ตระกูล เขาเป็นคนใกล้ชิดของไฮเอโรแฟนท์ บัลบาทอส และเป็นหนึ่งในผู้บังคับบัญชาที่เขาเชื่อใจที่สุด เขายังมีบทบาทสำคัญในการก่อสงครามนองเลือด และมักจะแสดงความเห็นว่าชาวกัลกัสตานีนั้นเหนือกว่าชนอื่น ๆ เสมอ และมักจะโหดเหี้ยมอำมหิตเป็นพิเศษต่อผู้ที่ไม่ใช่ชาวกัลกัสตานีในสนามรบ
ไนเบธ ออบดิลอร์ด (Nybeth Obdilord)
“ข้าชิงชังความไร้ประสิทธิภาพนัก”
ชาวกัลกัสตานีที่รับใช้อาณาจักรแห่งกัลกัสตัน อายุ 50 ปี เขาเป็นทูตประจำอัลมอริกาในขณะที่อยู่ภายใต้อำนาจปกครองของกัลกัสตัน อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะมอบหมายหน้าที่ให้ผู้อื่นดูแลแทนและแทบไม่ค่อยปรากฏตัวต่อสาธารณะเท่าไรแล้ว
เครสซิดา เลายา เซอร์บารัน (Cressida Lauya Zurbaran)
“เจ้าต้องการจะบอกว่าข้าเหยียดหยามร่างกายและวิญญาณของผู้วายชนม์สินะ”
ชาวกัลกัสตานีที่เคยสู้รบให้แก่ตระกูล อายุ 27 ปี เธอและมารดานั่นคือคัสซานดรา (Cassandra) และน้องสาวมอลโดวา (Moldova) ต่างก็ฝึกฝนเวทควบคุมศพภายใต้เนโครแมนเซอร์อย่างไนเบธ โดยเชื่อว่าการปลุกชีพเนื้อหนังของผู้ตายกลับขึ้นมาด้วยวิธีการเรียกวิญญาณให้กลับมาสู่โลกนี้อีกครั้ง จะช่วยขจัดความรู้สึกเศร้าเสียใจได้