รีวิว WRC GENERATIONS
*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Ripples Thailand มา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นบน PlayStation 5
หลังเกมภาค WRC10 วางจำหน่ายได้ปีเดียว ซึ่งผลตอบรับถือว่าดีเยี่ยมสำหรับแฟนเกมเรซซิ่งสายแรลลี่ทั่วโลก ทางทีมงาน KT Racing สตูดิโอชาวฝรั่งเศส ก็ไอเดียกระฉูดอีกครั้ง เข็นเกมภาคใหม่เอี่ยมออกมา โดยมาพร้อมชื่อสไตล์ใหม่ว่า WRC Generations ซึ่งถือเป็นการปฏิรูปตัวเกมครั้งใหญ่ โดยเน้นหนักไปที่ระบบออนไลน์มัลติเพลเยอร์ และความเป็นอีสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ให้ผลออกมาเป็นอย่างไร เราไปแจกแจงกันดูทีละประเด็นเลยครับ
GAME MODE
เมื่อเราพูดถึงการปฏิรูปโครงสร้างของเกมเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นแล้ว ตัวแปรสำคัญที่สุดเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้นก็หนีไม่พ้นเรื่องของโหมดเกมครับ เพราะในเมื่อเกมเพลย์ต่าง ๆ ยังคงยืนพื้นฐานมาจาก WRC10 แล้ว จะเหลืออะไรให้ปรับได้อีกนอกจากโหมดเกมกันล่ะ! โดยสิ่งที่มีเพิ่มเข้ามาในภาคนี้ก็ได้แก่ โหมดลีก
โดยโหมดลีก (Leagues Mode) เป็นโหมดการแข่งขันหลักของ WRC Generations พร้อมแบ่งออกเป็นสองประเภทการแข่งคือ ผู้เล่นเดี่ยวและแบบทีม ผู้เล่นสามารถเล่น rank ได้ทั้ง 2 รูปแบบ โดยในโหมดผู้เล่นเดี่ยว การจัดอันดับของผู้เล่นจะถูกกำหนดโดยคะแนนที่ได้รับเป็นรายบุคคล ในขณะที่การเล่นแบบทีม จะเพิ่มคะแนนที่ได้รับจากผู้เล่นแต่ละคนตามตำแหน่งของทีมของพวกเขา
โหมดลีกรองรับการเล่นแบบข้ามแพลตฟอร์ม (ยกเว้น Nintendo Switch) โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้อันดับที่ดีที่สุดในลีกต่างๆ ซึ่งแบ่งเป็น Legend (top league), Champion, Professional, Rookie, Junior และ Beginner แต่ละลีกจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับ จากนั้นแต่ละระดับจะแบ่งออกเป็นกลุ่มผู้เล่นหรือทีม สำหรับการแข่งขันโดยตรง แต่ละกลุ่มสามารถมีผู้เล่นเดี่ยวได้มากถึง 30 คนและ 8 ทีมในโหมดเดียวกัน
เมื่อคุณซื้อเกมมาเล่น ตัวเกมจะแนะนำให้คุณลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมในชุมชนของ WRC ซึ่งจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมการแข่งต่าง ๆ ในซีซันใหม่ของตัวเกม โดยในซีซันจะถูกแบ่งออกเป็นสัปดาห์ รวมถึงช่วงคุณสมบัติ (หนึ่งสัปดาห์) และการแข่งขันสิบสัปดาห์ที่ประกอบด้วยกิจกรรมรายวันและรายสัปดาห์ที่ผู้เล่นสามารถเข้าร่วมเพื่อไต่อันดับในกลุ่มของตน แต่ละสัปดาห์จะจบลงด้วยการเรียงลำดับใหม่ ในระหว่างนั้นผู้เล่นและทีมจะถูกจัดตำแหน่งใหม่ตามผลงาน เมื่อซีซันสิ้นสุดลง ทีมและผู้เล่นชั้นนำ 3 อันดับแรกของโลกจะเข้าสู่หอเกียรติยศของลีก
ฟังดูเริ่มมันส์แล้วใช่ไหมครับ แต่เท่านั้นยังไม่พอ โดยในส่วนของกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกมเกมเสนอให้เล่นนั้นยังมี “โจทย์” ที่แตกต่างกันไป เริ่มจากกิจกรรมประจำวันเป็นการแรลลี่ที่เรียบง่ายโดยมีเงื่อนไขเฉพาะ (ความพิเศษ, รถยนต์, และสภาพอากาศ) ต่ออายุทุกวันและเพิ่มในการจัดประเภทกลุ่มเมื่อสิ้นสุดวัน ขณะที่กิจกรรมประจำสัปดาห์จะอยู่ในรูปแบบของศึกแรลลี่เต็มรูปแบบ ผู้เล่นสามารถเลือกรถในหมวดหมู่เฉพาะได้ ทั้งความเสียหาย การซ่อมแซม และการเลือกยางจะได้รับการจัดการที่ศูนย์บริการ คะแนนที่ได้รับจะถูกเพิ่มในการจัดอันดับกลุ่มทุกสัปดาห์
และเมื่อคุณเข้าใจหลักการ พร้อมกับฝึกฝนเตรียมตัวจนพร้อมแล้ว ก็ขอเชิญพบกับการ “เปิดลีก” อย่างเป็นทางการในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2022 ที่คุณสามารถเล่นเก็บแต้มไปพร้อม ๆ กับคนทั้งโลก และด้วยลีกใหม่นี้เอง ทางทีมงาน KT Racing เขาตั้งใจที่จะนำเสนอโหมดการแข่งขันระยะยาว ให้แฟนเกมมีอะไรให้เล่น ให้ท้าทายตนเองอยู่ตลอด ไม่เบื่อเกมเสียก่อนหากเล่นอยู่คนเดียวที่บ้าน ซึ่งผมถือว่านี่แหละคือจุดแข็งที่สุดของเกมภาคนี้ ใครที่อยากเล่นเก็บคะแนนในตารางลีกแบบยาวๆ ทั้งปี ก็กดซื้อเกมได้เลย แทบไม่ต้องไปอ่านหัวข้ออื่น ๆ
GAMEPLAY
ในส่วนของเกมเพลย์ ผมพบว่าตัวเกมมีการปรับปรุงเรื่องระบบการควบคุมรถที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากภาคที่แล้วพอสมควร โดยเฉพาะถนนลาดยางมะตอย ที่รถจะเกาะถนนมากขึ้น มีความหนึบที่สมจริง ขณะที่ตัวรถมีน้ำหนักให้รู้สึกได้ คุณจะไถลออกนอกเส้นทางง่ายขึ้นแน่ ๆ ในทางลูกรัง
อย่างไรก็ตาม ผมพบว่าการบังคับรถด้วยจอยคอนโทรลเลอร์ (ดูอัลเซนส์) ง่ายขึ้นกว่าภาคที่แล้วมากครับ ผมทำเวลาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นับเป็นข่าวดีของคนที่ไม่มีจอยพวงมาลัยแบบมือโปรไว้เล่นเกมที่บ้าน ใครมีจอยปกติก็เล่นเกมนี้ได้ไม่ต้องกลัว
ที่ผมชื่นชอบอีกอย่างก็คือ การออกแบบสนามแข่งของเกมนี้เขาวางกับดักผู้เล่นไว้แสบทรวงดีจริง ๆ กล่าวคือ ทุกสนามจะต้องมี “จุดที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ” ทุกสนามครับ อาทิ ประตูเหล็กแคบ ๆ, แนวคนดูริมสนามที่บีบจนเหลือเลนวิ่งนิดเดียว, โค้งหักศอกรูปตัว Z ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย, ทางตรงยาวก่อนเจอเนินลูกระนาดซ้อนกันสองลูก ฯลฯ เหล่านี้แหละครับ ผมขอแนะนำให้ฟังเสียงเนวิเกเตอร์อย่างตั้งใจ หรือดูสัญลักษณ์บนจอให้ดี ก่อนเตรียมชะลอความเร็วเพื่อเจอจุดวัดดวงเหล่านี้
ART & CREATIVITY
กราฟิกสวยขึ้น สีสดใสมากกว่าเดิม (ภาค 10 สีจะหม่น ๆ ทึม ๆ โดนเฉพาะฉากป่าไม้) แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่อง Screen tearing เหมือนเดิม ส่วนฉากกลางคืน ได้รับการปรับแก้ให้สว่างมากขึ้น มองเห็นสภาพแวดล้อมง่ายขึ้น ไม่เหมือนคราวก่อนที่มืดตื๋อจนคนเล่นมองทางแทบไม่เห็น
แต่ที่แย่ลงแน่ ๆ คือเสียงในเกมครับ โดยเฉพาะเสียงเครื่องยนต์ที่ขาดความสมจริงแบบสุด ๆ จนฟังแล้วยังรำคาญ ส่วนเสียงล้อครูดถนนก็เสียงแหลมแปลก ๆ ผมเชื่อเหลือเกินว่าเดี๋ยวต้องมีออกแพตช์แก้ไขเรื่องเสียงเหล่านี้ตามออกมาแน่นอน…คอยดูได้เลยครับ
CONCLUSION
มาถึงบทสรุป ผมขออธิบายเป็นความรู้สึกมากกว่าพวกข้อมูลเชิงเทคนิคนะครับ โดยผมรู้สึกแบ่งรับแบ่งสู้ ระหว่าง WRC10 กับ WRC Generations โดยผมยังคงชื่นชอบโหมดย้อนอดีตอย่าง 50th Anniversary ที่มันมอบความหมายบางอย่างต่อการเล่นได้ดี เล่นแล้วประทับใจ (แถมยากด้วยนะโหมดนี้) ขณะเดียวกัน ผมกลับชอบการขับในภาพรวมของ WRC Generations มากกว่า เพราะมันใช้จอยง่ายขึ้น…นั่นหมายความว่า ผมขับได้เร็วขึ้นมาก สะใจมากกว่าเดิม กล้าเสี่ยงเข้าโค้งด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม เบรกช้าลงและเร่งตอนออกโค้งได้หนักมือมากขึ้น มันเล่นแล้วสนุกกว่าภาค 10 นะเอาจริงๆ
และอีกประเด็นก็คือ ตัวลีกที่กำลังจะเปิดให้เข้าร่วมช่วงปลายเดือนพ.ย.น่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้ “เล่นแล้วไม่เหงา” ได้ดีที่สุด มีอีเวนต์ให้ทำทุกวัน จุดนี้น่าจะสร้างความแตกต่างจากภาคที่แล้วได้แน่ ๆ ถือว่าน่าสนใจมากครับ
Pros
- ระบบเกมในส่วนของการขับ/การควบคุมรถ, บรรยากาศระหว่างอยู่ในสนาม, ตลอดจนภาพรีเพลย์หลังแข่ง ยังคงเป็นจุดเด่นหลัก และยังคงทำได้ดีเหมือนเดิม
- กราฟิกภาพมีการยกระดับขึ้นนิดหน่อย (จากภาค WRC10)
- ระบบลีกน่าสนใจ น่ารอประเดิมสนามไปพร้อมกับผู้เล่นทั่วโลกในวันที่ 28 พ.ย.นี้
Cons
- เสียงประกอบในเกมขาดความสมจริงอย่างมาก
- ถ้าคนที่ไม่ชอบพวกอีเวนต์ออนไลน์, การแข่งลีกเพื่อจัดอันดับ ฯลฯ จะพบว่า WRC Generations แทบไม่มีอะไรใหม่ ดูไม่แตกต่างจากภาคที่แล้วขึ้นมาทันที