*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Bandai Namco Entertainment Asia / Square Enix Asia มา ณ โอกาสนี้ครับ
Dragon Quest Treasures ถือเป็นหนึ่งในเกมภาคสปินออฟของแฟรนไชส์ Dragon Quest ที่มีรูปแบบและแนวทางการเล่นที่แตกต่างจากภาคหลักตามปกติครับ เพราะ Dragon Quest ภาคหลักทุกภาคนั้น จะมีรูปแบบการเล่นเป็น JRPG ตามขนบมาโดยตลอด แต่สำหรับภาค Dragon Quest Treasures นี้จะมีแนวการเล่นเป็นแอ็กชันหลัก ๆ โดยมีองค์ประกอบ RPG เล็กน้อย ส่วนความเห็นของเราต่อเกมนี้เป็นอย่างไร เชิญอ่านได้เลยครับ
เนื้อเรื่อง
สำหรับเรื่องราวในเกมนี้จะบอกเล่าการผจญภัยในวัยเด็กของสองพี่น้องคือเอริก (Erik) และมีอา (Mia) ที่ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่กลับกลุ่มไวกิ้ง และมีความฝันที่อยากออกผจญภัยและค้นพบกับมหาสมบัติของตนเอง โดยที่ทั้งสองตัวละครนี้ก็เป็นตัวละครสำคัญในเกมภาคหลักอันเป็นภาคล่าสุดนั่นคือ Dragon Quest XI: Echoes of an Elusive Age นั่นเองครับ
ในวันหนึ่งที่เอริกและมีอาแอบหลบออกจากห้องนอนของตนเองมาที่ดาดฟ้าเรือ และพูดคุยกันเรื่องการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ที่พวกตนอยากสัมผัส พวกเขาก็ได้พบกับสิ่งมีชีวิตประหลาดสองตัวคือหมูมีปีกพอร์คัส (Porcus) และแมวมีปีก (Purrsula) ที่พาทั้งสองเดินทางไปยังเกาะลอยฟ้าดราโกเนีย (Draconia) ซึ่งถือกำเนิดขึ้นจากซากของมังกรโบราณสองตัว และ ณ จุดนี้เองที่การผจญภัยตามล่าหาสมบัติที่ทั้งสองใฝ่ฝันก็ได้เริ่มต้นขึ้น
หากจะให้พูดถึงเนื้อหาของเกมแล้ว แม้ว่าทั้งเอริกและมีอาจะเป็นตัวละครหลักใน DQXI และภาคนี้บอกเล่าเรื่องราวในวัยเด็กของทั้งสองคนก่อนโชคชะตาจะพาไปพบกับผู้กล้าในเกมภาคหลักก็ตาม แต่ว่าโดยรวมเรื่องราวในเกมจะมีความเป็นเอกเทศของตัวเองครับ คือไม่จำเป็นต้องรู้อะไรเกี่ยวกับ DQXI มาก่อนก็ได้ เพราะตัวละครในเกมนอกเหนือจากเอริกและมีอาแล้วทุกตัวเป็นตัวละครใหม่หมดทั้งชุดเลย ซึ่งองค์ประกอบเนื้อหาหลัก ๆ ของทั้งเกมก็จะเป็นไปในแนวคล้าย ๆ นิทานสำหรับเด็กคือไม่มีอะไรที่หนักหรือหดหู่ชวนช็อกเหมือนในเกมภาคหลักครับ
เกมเพลย์
อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าเกมภาคหลักของแฟรนไชส์ DQ นั้นเป็น JRPG แต่สำหรับ DQ Treasures นี้จะเป็นเกมแอ็กชันครับ เราจะได้ควบคุมตัวละครหลักสองคนคือเอริกหรือไม่ก็มีอา ซึ่งทั้งสองคนจะไม่มีความแตกต่างกันในแง่ของเกมเพลย์ เพราะไม่ว่าคุณจะสลับใครมาเล่น ทั้งไอเท็ม ทั้ง EXP มอนสเตอร์ที่เลือกมาร่วมทางได้ หรือแม้แต่เงินก็จะแชร์กันอยู่ดี โปรเกรสชันของเกมเองก็จะร่วมกันหมด ดังนั้นการเลือกใครมาเล่นจึงเป็นเรื่องของความชอบล้วน ๆ ครับ
ระบบเกมเพลย์หลัก ๆ จะค่อนข้างเรียบง่ายเข้าใจง่าย คือตัวเราจะมีท่าโจมตีปกติชุดเดียว ไม่มีการต่อคอมโบอะไรหวือหวาซับซ้อน เวลาโดนโจมตีก็ต้องกลิ้งหลบ หรือไม่ก็วิ่งให้พ้นรัศมีโจมตี ซึ่งหลัก ๆ แล้วผู้ที่ทำหน้าที่ในการเข้าไปฟัดกับศัตรูนี่จะเป็นมอนสเตอร์เพื่อนพ้องของเราอีกสามตัวมากกว่า (ซึ่งทุกตัวบังคับด้วย AI ล้วน ๆ) ที่จะมาพร้อมกับความสามารถต่างกัน เวทต่างกัน ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นเวทและสกิลที่คุ้นเคยกันจาก DQ ส่วนเราก็อาจเข้าไปโจมตีเป็นครั้งคราว หรือคอยสนับสนุนห่าง ๆ ด้วยหนังสติ๊กที่สลับกระสุนเป็นเอฟเฟกต์ต่าง ๆ กันไปได้
แต่ว่าสิ่งสำคัญในการเลือกมอนสเตอร์มาใช้งานก็เป็นระบบที่เรียกว่า Forte นี่ล่ะครับ ซึ่ง Forte ที่ว่าคือความสามารถของมอนสเตอร์ที่จะช่วยเราในฉากสำรวจ บ้างก็จะเป็นการช่วยให้กระโดดได้สูงขึ้น บ้างก็จะช่วยให้ร่อนบนฟ้าได้เพื่อลงพื้นโดยปลอดภัย (เพราะเกมนี้มี fall damage) ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ หลัก ๆ เลยก็คือเพื่อให้เราค้นหาสมบัติต่าง ๆ ในจุดที่เข้าถึงยากได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมนั่นล่ะครับ
เป้าหมายหลักของเราในเกมนี้ก็คือการตามล่าหาสมบัติที่ซุกซ่อนอยู่ทั่วไปในดราโกเนียแห่งนี้ ซึ่งเพื่อนพ้องมอนสเตอร์ของคุณนั้น นอกจากมี Forte ที่ช่วยในการเดินทางแล้ว เมื่อคุณเข้าใกล้สมบัติเท่าไรก็จะมีการแจ้งเตือน จนเมื่ออยู่ในระยะใกล้มากแล้วคุณจะได้ใช้ความสามารถระบุตำแหน่งสมบัติซึ่งเกมก็จะให้คุณได้เห็นมุมมองที่แตกต่างกันสามมุม เพื่อระบุตำแหน่งที่ตั้งของสมบัตินั้นนั่นเอง
ลูปเกมเพลย์หลัก ๆ ของคุณในเกมนี้จึงมีว่าเดินทางออกจากฮับกลางของคุณไปยังเกาะต่าง ๆ เพื่อตามหาสมบัติมาเข้าคลัง และเมื่อมูลค่าสมบัติในคลังของคุณเริ่มเพิ่มพูนขึ้นถึงจุดที่กำหนดนั้น เส้นทางลับภายในเกาะก็จะเริ่มเปิดขึ้นให้คุณได้สำรวจลึกลงไปเรื่อย ๆ และชุดสมบัติล้ำค่าที่จะเพิ่มมูลค่าได้มหาศาลก็คือบรรดา Dragon Stone ทั้งเจ็ดชิ้นที่กระจัดกระจายไปทั่วพื้นที่ในเกมนี่ล่ะครับ ส่วนระหว่างทางคุณจะแวะทำไซด์เควสต์หรือออกไปสำรวจอะไรอื่น ๆ นอกเส้นทางก่อนก็สุดแท้แต่คุณ (เพียงแค่ว่าบางจุดอาจจะยังไปไม่ได้เพราะความต่างของเลเวล)
หากจะมีสิ่งที่ผมชอบในส่วนของเกมเพลย์ก็คือเกมค่อนข้างให้อิสระกับผู้เล่นพอควรเลยว่าอยากจะไปที่เกาะไหนก่อน เพราะเกมไม่ได้บังคับว่าพื้นที่ไหนเป็นพื้นที่สำหรับช่วงต้นเกม (เว้นก็แค่ช่วงแนะนำระบบในทีแรก) เพราะหลังจากที่เปิดระบบเดินทางไปยังเกาะอื่น ๆ ได้แล้วผู้เล่นก็สามารถเลือกไปได้หมดครับ
ถึงกระนั้น แม้ว่าตัวเกมจะเล่นง่าย เข้าใจง่าย แต่ผมคิดว่าความง่ายของมันอาจจะทำให้บรรดาฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ไม่สนุกกับมันเท่าที่ควร เพราะว่ารูปแบบการต่อสู้ในฉากทั่วไปหรือไม่ก็สู้บอสนี่จะใช้แท็กติกคล้าย ๆ กัน ด้วยเพราะสิ่งที่เราทำได้นั้นค่อนข้างน้อย คือเข้าตีเมื่อมีโอกาส และคอยวิ่งหนีออกมา (รวมถึงเรียกมอนสเตอร์ให้หลบตาม) พอเก็บเกจ Dagger จนเต็มก็หาโอกาสใช้ Dragon Attack ที่เป็นเหมือนท่าใหญ่ของเกม หลัก ๆ ก็จะเป็นประมาณนี้นั่นล่ะครับ
แต่ถามว่ามันสนุกไหมก็เล่นได้เพลิน ๆ นะครับ ผมเชื่อว่าถ้าคนที่เป็นแฟนของ DQ มาอย่างเหนียวแน่นยาวนานก็น่าจะชอบเป็นพิเศษด้วยซ้ำ เพราะว่าบรรดาสมบัติหลายชิ้นที่มีให้ค้นหาก็ล้วนแล้วแต่เป็นของจากภาคอื่น ๆ ในแฟรนไชส์นี้ด้วยซ้ำ
กราฟิก
สำหรับในส่วนของกราฟิกนี่ เอาจากใจจริงเลยก็คือมันค่อนข้างแย่ครับ ผมเข้าใจว่าด้วยเหตุที่ตัวเกมเน้นการสำรวจฉากในสไตล์โอเพนเวิลด์ มันเลยทำให้คุณภาพโมเดลนี่ต้องดรอปตาม แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ พอเวลาหมุนดูโมเดลสมบัติแต่ละชิ้นใกล้ ๆ นี่มันเห็นชัดเจนมากเลยว่าเท็กซ์เจอร์เบลอ อีกจุดหนึ่งที่ต้องพูดถึงก็คือ performance ของเกมครับ โดยปกติแล้ว DQ Treasures นี่จะให้คุณเล่นเกมที่ 30FPS ที่ก็นิ่งดี แต่มีหลายทีที่เกมมันแอบกระตุกแบบรู้สึกได้ครับ ซึ่งการที่เฟรมกระตุกนี่มันก็ไม่ค่อยส่งผลการเล่นมาก ด้วยความที่ระบบไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่บอกไปแต่มันก็แอบรำคาญตาอยู่เหมือนกัน
เสียงเพลงประกอบ
ในส่วนของเพลงประกอบนี่ ด้วยความที่ตัวเกมถือเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ DQ ก็เลยจะมีเพลงประกอบหลายเพลงที่คุ้นเคยคุ้นหูให้ได้ฟังกันแน่ ๆ ครับ เพราะเพลงเกมไม่ได้อ้างอิงจากแค่ภาค DQXI แต่ยังมาจากภาคอื่น ๆ ด้วยแต่จะมีการมิกซ์ใหม่เล็กน้อย ส่วนบรรดาเสียงเอฟเฟกต์ต่าง ๆ เวลาใช้เวทนี่ก็ยังคงความคลาสสิกของ DQ อยู่ ชนิดที่ว่าถ้าคุณได้ยินปุ๊บจะรู้ปั๊บว่ามีตัวไหนกำลังร่ายเวทอยู่ โดยรวมแล้วก็คือถ้าคุณชอบ OST ของแฟรนไชส์ DQ ล่ะก็คุณก็ชอบเพลงของ DQ Treasures ได้ไม่ยากครับ
สรุป
Dragon Quest Treasures ถือเป็นหนึ่งในภาคสปินออฟที่เล่นได้เพลิน ๆ และทำความเข้าใจได้ง่าย ซึ่งใครที่เป็นแฟน DQ มายาวนานก็อาจจะถูกใจเป็นพิเศษเพราะทั้งเกมจะเต็มไปด้วยไอเท็มต่าง ๆ ที่ชวนให้ระลึกความหลังทั้งเกม แต่ถ้าใครเป็นขาจรล่ะก็ภาคนี้อาจจะธรรมดาเกินไปเหมือนกัน