รีวิว Blood Bowl 3
*ขอขอบคุณ Ripples Thailand สำหรับโค้ดเพื่อการรีวิว
**รีวิวนี้เล่นบน PS5
ก่อนจะไปดูกันในเรื่องรายละเอียดต่าง ๆ ของตัวเกม ผมขอแจ้งแก่ผู้ที่ไม่ใช่แฟนซีรีส์นี้ให้ทราบกันก่อนว่า Blood Bowl มีลักษณะการเล่นเหมือนบอร์ดเกมนะครับ ไม่ใช่เป็นเกมจำลองกีฬาอเมริกันฟุตบอลแบบเพียวๆ
คือมันหยิบยืมกติกาพื้นฐานของการพาบอลเข้าสู่เอนด์โซนมาใช้แค่นั้นเอง ที่เหลือจะเป็นเรื่องของการวางแผนพลัดตาเดิน และการงัดกันด้วยการทอยลูกเต๋าล้วนๆ จึงขอบอกกล่าวกันไว้แต่เน่น ๆ ให้ทราบกันก่อน
สำหรับเกมบลัดโบวล์ ภาคแรกทำกันมาตั้งแต่ปี 1995 เพื่อสนองนี้ดคนอยากเล่นเกมกระดานที่บางครั้งอยู่คนเดียวที่บ้าน เพื่อนกลับบ้านไปหมดแล้ว ก็สามารถเปิดคอมฯ เล่นกับเอไอฝึกฝีมือไปได้
ต่อมาเมื่อปี 2004 บริษัทพัฒนาเกมชื่อ Cyanide ได้ทำเกมชื่อ Chaos League ออกมา โดยมีส่วนละม้ายคล้ายโลกแห่งบอร์ดเกม Blood Bowl ของทาง Games Workshop เป็นอย่างมาก จึงเกิดการฟ้องร้องด้านลิขสิทธิ์กันยกใหญ่ครับ
แต่ด้วยการเจรจาที่ลงตัว (นอกศาล) จึงเกิดสุดยอดดีลในตำนานขึ้นมา นั่นคือ ทาง Cyanide ได้รับสิทธิในการพัฒนาเกม Blood Bowl ให้กับทาง Games Workshop และถือเป็นการปิดฉากเกม Chaos League ไปโดยปริยาย
จึงได้ออกมาเป็น Blood Bowl ภาคแรกอย่างเป็นทางการในปี 2009 ลงครบทั้งพีซีและคอนโซลต่าง ๆ ในยุคนั้น ก่อนที่ตัวเกมภาคสองจะตามออกมาอีกในปี 2015 ซึ่งยังคงพัฒนาโดย Cyanide เจ้าเดิม
ล่วงเลยมาหลายปีจนเข้าสู่ปี 2023 บลัดโบวล์สามจึงคลอดออกสู่ท้องตลาดอีกครั้ง ด้วยทีมงานเดิมอย่าง Cyanide นั่นแหละ ซึ่งพวกเขาจะหมดมุกหรือยัง กับเกมที่มีอายุยืนนานขนาดนี้ เราไปดูกันครับ
มีอะไรใหม่ในภาค 3
Blood Bowl 3 เป็นเกมระหว่างสองทีมที่มีตัวละครผู้เล่นสูงสุด 16 คน แต่ละทีมส่งผู้เล่นได้สูงสุด 11 คนต่อครั้ง ทำทัชดาวน์ได้โดยการพาบอลเข้าไปในเอนด์โซนของฝ่ายตรงข้าม ผู้เล่นอาจพยายามทำให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บ พิการ หรือสังหาร เพื่อให้ทำคะแนนได้ง่ายขึ้นโดยการลดจำนวนผู้เล่นศัตรูในสนามนั่นเอง
เวลาเล่นเกมจะเป็นเทิร์นเบสผลัดตาเดิน โดยผลัดกันเทิร์นละ 2 นาที แต่จะมีเวลาสำรองให้อีก 7 นาทีครึ่ง ซึ่งผู้เล่นสามารถใช้ได้หากต้องการต่อเวลาพิเศษในเทิร์นนั้น ๆ
แคมเปญผู้เล่นคนเดียวเรียกว่า Clash of Sponsors โดยเลือกทีมจากหนึ่งใน 12 กลุ่มเพื่อเล่นให้กับผู้สนับสนุนด้วยสิทธิพิเศษและโบนัสที่แตกต่างกันไป และเอาชนะบอสในรูปแบบของทีมอื่นด้วยผู้เล่นระดับซุปเปอร์สตาร์
ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่แตกต่างเพิ่มเติมจากภาค 2 ก็ได้แก่
- ตัวเกมใช้กฎอย่างเป็นทางการของเกมกระดานรุ่นล่าสุด รวมถึงทักษะใหม่และกลไกการส่งบอลที่ออกแบบใหม่
- 12 ฝ่ายให้เลือก รวมทั้ง Black Orcs, Imperial Nobility, Old World Alliance และ Chaos Renegades เป็นครั้งแรกในวิดีโอเกม Blood Bowl
- ตัวเลือกการปรับแต่งใหม่สำหรับโค้ช เชียร์ลีดเดอร์ ทีม และชุดเกราะของผู้เล่นทุกคน
นอกจากนี้ Blood Bowl 3 ยังมีการขายไอเท็มตกแต่งต่าง ๆ ในเกมด้วยสกุลเงินเสมือนที่เรียกว่า Warpstone และผู้เล่นยังสามารถจ่าย Blood Pass เมื่อเริ่มต้นฤดูกาลเพื่อปลดล็อคฝ่าย และรางวัลพิเศษได้ทันทีอีกด้วย
GAMEPLAY
จบในส่วนของข้อมูลพื้นฐาน ก็ได้เวลาเข้าสู่การวิจารณ์กันเสียที (ฮา) โดยผมได้ทำการเล่นทดสอบไปหลายต่อหลายเกมในหลาย ๆ โหมด ผมพบปัญหาทางการออกแบบมากมายในตัวเกม จนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนเลยครับ
อันดับแรกสุดเลยกับเมนูตัวเลือก ที่ตัวเกมเขาบังคับว่าต้องออนไลน์เพื่อล็อกอินเข้าสู่เกมตลอดเวลา ซึ่งหากเราเลือกเล่นแบบออฟไลน์ บรรดาโหมดเกมที่ล็อกเอาไว้ มันจะไม่มีข้อมูลใด ๆ ขึ้นบอกรายละเอียดแก่ผู้เล่น ทำให้คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือโหมดเกมอะไร แล้วจะทำยังไงถึงปลดล็อกเพื่อเข้าไปเล่นได้…แบบนี้ผมว่ามันชุ่ยเกินไปนะครับ
ระหว่างเล่นเกม เอไอฝ่ายศัตรูมีการตัดสินใจต่อเทิร์นที่ช้ามาก ๆ ถึงมากที่สุด กว่ามันจะเลือกเดินได้แต่ละตา นานจนน่าตกใจ แถมบางครั้งยังเลือกตัดสินใจแปลก ๆ เช่นเดินไปเดินกลับอยู่สองจุดไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งที่เกมในสนาม(และลูกบอล) มันเคลื่อนที่ไปอีกฝั่งไกลแล้วก็ตาม
การเซ็ตปุ่มต่าง ๆ จากคีย์บอร์ดมาเป็นคอนโซล ทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานมาก สร้างความงงงวยและซับซ้อนมากกว่าจะอำนวยความสะดวกแก่ผู้เล่น ถึงขนาดที่ตัวเกมต้องขึ้นเมนูการใช้ปุ่มต่าง ๆ ไว้ด้านล่างของจอภาพ “แบบถาวร” เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของ HUB กันเลยทีเดียว…คิดดูซิว่ามันซับซ้อนวุ่นวายกันขนาดนั้น
อีกหนึ่งปัญหาของเกมก็คือระบบลูกเต๋า ที่อาจสนุกเวลาเล่นกับเพื่อน แต่พอปรับมาใช้กับเกมแบบนี้ ในการแข่งลีกที่คุณอยากลงแข่งเพื่อเก็บแต้ม…มันกลายเป็นปัญหาพาให้หัวร้อนมากเลยครับ เพราะสุดท้ายมันไปขึ้นกับดวงเยอะเลย บางครั้งหลุดเดี่ยวไปดี ๆ แต่ต้องมาลื่นล้มง่าว ๆ เพราะแต้มลูกเต๋าต่ำในเทิร์นนั้น เป็นต้น
ART & CREATIVITY
ต่อไปเป็นบรรยากาศโดยรวมของเกม โดยทั่วไปแล้ว กราฟิกใหม่นี้ไม่รู้สึกว่าเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่แต่อย่างใดเมื่อเทียบกับ Blood Bowl 2 และภาพลักษณ์ต่าง ๆ ในเกม อาทิ ตัวละครเพิ่มเติม อุปกรณ์, ชุดเกราะ จะเป็นเงาดำบังไว้…จนกว่าคุณจะจ่ายเงินซื้อมันมาใช้ ทำให้รู้สึกว่านี่เป็นเกมที่ยังไม่สมบูรณ์ ทั้งที่คุณจ่ายเงินซื้อมาแล้วในราคาเต็มก็ตาม ด้านแอนิเมชั่นเมื่อผู้เล่นของคุณโจมตีผู้เล่นคนอื่นได้สำเร็จนั้น โหดสะใจแน่ ๆ แต่ซ้ำซากอย่างรวดเร็วเช่นกัน
CONCLUSION
รีวิวเมืองนอกบ่นกันเยอะเรื่องบั๊กในเกม แต่โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยเจอบั๊กใหญ่ ๆ อะไรมากมาย แต่ถึงกระนั้น ตัวเกมก็ยังให้ความรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่เวอร์ชันที่สมบูรณ์พร้อม อาจต้องรอให้เขาแก้ไขเพิ่มอีกซักระยะนะครับ หรือถ้าใครอยากเล่นจริง ๆ หรือเล่นบอร์ดเกมมาแล้วคันไม้คันมือ ผมขอแนะนำ Blood Bowl 2: Legendary Edition โดยใน PS Store ตอนนี้ราคา 1,059 บาท ผมว่ายังคุ้มค่าน่าเล่นอยู่นะครับ
Pros
- เป็นเกมแรกที่รองรับ กฏกติกาใหม่ (2020) ของเกมกระดาน Blood Bowl (ถ้าคุณแคร์เรื่องนี้อ่ะนะ)
Cons
- เป็นเกมที่เล่นแล้วหัวร้อนมากกว่าผ่อนคลาย จากสาเหตุของ AI ฝ่ายตรงข้าม และ “ความช้า” ของเกมในแต่ละเทิร์น
- เน้นขายของในเกม (ที่ล็อกเอาไว้) จนรู้สึกว่านี่ไม่ใช่แพ็กเกจเกมที่สมบูรณ์