RIDE คือซีรีส์ที่ไม่มีอะไรเทียบได้ของเกมแนวแข่งรถสองล้อ เพราะมันเป็นซีรีส์ที่สะกดอารมณ์และสะกดใจผู้เล่นไปพร้อมกัน และเมื่อเราต้องการทำให้ผู้เล่นเก่าพึงพอใจ เราต่างก็รู้ดีว่าสิ่งแรกที่ต้องเอาใจใส่ก็คือแง่มุมเชิงเทคนิกในการผลิตเกม
บทความโดย – เปาโล เบอร์โตนี (Paolo Bertoni) – RIDE 5 Producer
สำหรับ RIDE 5 นี้ หลายคนอาจจะทราบกันอยู่แล้ว ว่านี่จะเป็นเกมแรกของ Milestone ที่พัฒนาสำหรับเครื่องเจนใหม่เท่านั้น ซึ่งนี่เป็นแนวทางตัดสินใจเพื่อสร้างเกมให้ได้คุณภาพและมาตรฐานสูงสุด ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากการอัปเกรดด้านเทคนิกหลายประการเท่านั้น มอเตอร์ไซก์จะได้รับการพัฒนาขึ้น ยกตัวอย่างเช่นกระจกที่จะมีการเรนเดอร์วัตถุและโพลีกอนอันสวยงาม
การพัฒนารายละเอียดต่าง ๆ นั้นมาจากการสแกนวัตถุโดยใช้เทคนิกโฟโตแกรมเมทรี (photogrammetry) หรือด้วย CAD ที่พาร์ตเนอร์ส่งมาให้ ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดรายละเอียดที่ดีขึ้นสำหรับรถและสามารถเรนเดอร์ในเกมได้สมจริงยิ่งขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ผมยังอยากเน้นย้ำในด้านของระบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อนำเสนอการแสดงผลของกลุ่มก้อนเมฆ ที่จะมีปฏิสัมพันธ์ในเชิงกายภาพกับการเปลี่ยนแปลงของแสง และจะทำให้สภาพแวดล้อมต่าง ๆ เด่นชัดและคาดเดาไม่ได้ยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยระบบสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้
ระบบฟิสิกส์จะได้รับการพัฒนาขึ้นมากกว่าเดิม ด้วยค่าต่าง ๆ ที่ปรับแต่งได้มากกว่าเดิมและแม่นยำมากขึ้น ส่วนคู่แข่งของผู้เล่นก็จะควบคุมโดยปัญญาประดิษฐ์ที่จะมีระดับความมุ่งหมายแตกต่างกันไป ที่จะทำให้พวกเขาก้าวร้าวดุดันมากขึ้นหรือน้อยลงในตอนที่จะเบียดแซง การสร้างเกมนี้สำหรับเจนใหม่เท่านั้นช่วยทำให้ทีมงานสามารถส่งมอบฟีเจอร์ต่าง ๆ เหล่านี้ได้ทั้งหมด แม้ว่าในสนามจะมีนักแข่ง 20 คนก็ตามที
RIDE 5 จะเน้นย้ำไปที่การทำให้เกมสามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคนเช่นกัน เพื่อการันตีความสนุกมากมายให้กับผู้เล่นที่ด้อยประสบการณ์ในการขับขี่ ระบบนิวรัลเอด (neural aid) จะมาช่วยผู้เล่นมือใหม่เพื่อให้สนุกไปกับการเรียนรู้วิธีการเล่นที่ลำบากน้อยลงและได้พบกับระดับความท้าทายที่เหมาะกับตน แต่ผมก็ต้องขอแจ้งเอาไว้ก่อนว่าเกมที่เข้าถึงได้มากขึ้นไม่ได้แปลว่าเราจะทำให้มันง่ายลงนะ เพราะถ้าคุณปิดระบบช่วยเหลือและปรับระดับความยากสูงสุดเมื่อไร RIDE 5 ก็จะสมจริงและท้าทายเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
ทั้งอารมณ์และจิตใจคือสิ่งที่เราได้พูดไว้ตั้งแต่ต้น หลังจากพูดเกี่ยวกับฟีเจอร์เชิงเทคนิกของ RIDE 5 กันไปแล้ว ก็ได้เวลามาพูดถึงเชิงอารมณ์กันบ้าง ซึ่งสิ่งนี้จะถือกำเนิดขึ้นมาในหลากหลายแนวทางด้วยกัน อย่างแรกเลยก็คือการส่งมอบประสบการณ์ที่ใครก็สามารถเข้าใจและรับรู้ได้ อันที่จริง RIDE 5 จะให้ผู้เล่นได้ขับขี่ในสนามและถนนที่มีอยู่จริงหรือไม่ก็สนามแบบออริจินัล, ให้คุณได้พัฒนามอเตอร์ไซก์ของตัวเอง, ได้เปลี่ยนลวดลาย (โดยใช้ลวดลายของคุณเองหรือที่สร้างโดยผู้เล่นอื่นด้วยระบบปรับแต่งภายในเกม) รวมถึงปรับแต่งนักบิดของคุณเอง และเหนือสิ่งอื่นใด RIDE 5 จะให้คุณได้ขี่มอเตอร์ไซก์ที่ไม่ใช่คันซึ่งคุณเห็นในการแข่งชิงแชมป์ระดับโลก อันเป็นสิทธิพิเศษสำหรับซูเปอร์นักบิดจำนวนหยิบมือเท่านั้น และในทางกลับกันคุณจะสามารถขี่มอเตอร์ไซก์จากดีลเลอร์ต่าง ๆ ได้ ซึ่งอาจเป็นคันที่คุณใฝ่ฝันมาโดยตลอดหรือบางทีคุณอาจจะมีในครอบครองแล้วก็เป็นได้
และสุดท้ายก็คือการขับขี่ใน RIDE 5 นี้ก็คือการได้สัมผัสความรู้สึกของความเร็วจนอะดรีนาลีนหลั่ง การได้เป็นหนึ่งเดียวกับรถ และได้ความรู้สึกที่คุณควบคุมได้อย่างสมบูรณ์แบบ และหากคุณสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งเหล่านี้และชื่นชมกับความงามของวิวทิวทัศน์ และดื่มด่ำไปกับความสวยงามของโลกรอบ ๆ ตัวล่ะก็ นั่นก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ซึ่งตัวอย่างกรณีนี้ก็คือสนามใหม่แบบออริจินัลที่จะเปิดตัวใน RIDE 5 ซึ่งจะตั้งอยู่ในแถบแปซิฟิก นี่จะเป็นสนามที่สวยชวนตะลึงแต่ก็ต้องใช้ฝีมือมากด้วยเช่นกัน โดยผสมผสานวิวชวนมองเข้ากับมุมเลี้ยวอันท้าทายและจุดเบรกต่าง ๆ ที่จะเพิ่มความน่าสนใจให้กับสภาพแวดล้อม
และก็อย่างที่คุณได้เห็นว่า RIDE 5 จะเต็มไปด้วยข่าวสารมากมายและฟีเจอร์น่าตื่นเต้นที่ผมอดใจรอนำมาเสนอไม่ไหวแล้ว คอยติดตามเราเอาไว้นะ!
