รีวิว Ratchet & Clank: Rift Apart PC
ฉีกกระชากมัลติเวิร์ส ระเบิดความมันระดับคุณภาพข้ามถึงมิติของชาว PC
*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Sony Interactive Entertainment Singapore มา ณ โอกาสนี้ครับ
สเปกคอมที่ใช้เล่นเกมนี้คือ
Intel(R) Core(TM) i7-10700 CPU @ 2.90GHz 2.90 GHz
NVIDIA GeForce RTX 3070
RAM 32 GB
พื้นที่ติดตั้ง 38.78 GB
หลังจากสะดุดหินก้อนใหญ่ไปเมื่อตอน The Last of Us Part 1 เวอร์ชัน PC ที่ออกวางจำหน่ายไปไม่นานนี้ ทำให้ผมต้องปรับท่าทีในการรีวิวเกม Exclusive ของ Sony ที่พอร์ตมาลง PC ใหม่ด้วยสายตาระแวดระวังมากขึ้น
เพราะงั้น ผมเลยตั้งตารอ Ratchet & Clank: Rift Apart เวอร์ชัน PC เป็นพิเศษ ไม่ใช่แค่เพราะผมอยากจะเห็นการคืนฟอร์มของ Sony ในการพอร์ตเกมเท่านั้น แต่นี่เป็นเกมที่มันฝากความประทับใจให้ผมเยอะเหลือเกิน อย่างแรกเลยก็คือมันเป็นหนึ่งในเกมโชว์เคสขุมพลังของ PS5 เกมแรก ๆ ที่ให้สายตาของผมได้พบประสบการณ์แบบเน็กซ์เจน อย่างที่สองคือมันส่งผ่านความเป็นนวัตกรรมของเครื่องผ่านสองมือด้วย Haptic Feedback ในทุก ๆ การลั่นไก การโจมตี การระเบิด และอีกสารพัดเอฟเฟกต์ตามที่ผมได้รีวิวเวอร์ชันของ PS5 ไป ทั้งที่ในตอนแรกผมไม่เคยคาดหวังอะไรกับซีรีส์นี้มาก่อน
แล้วเมื่อสอง Lombax ได้ออกผจญภัยกู้มิติอีกครั้งบน PC ตั้งแต่หน้าจอเมนูยาวไปจนถึงเวลาหลายชั่วโมงในเกมมันได้พิสูจน์แล้วว่าต่อให้ Sony จะผ่านการพอร์ตที่ช้ำใจมาบ้าง แต่เธอก็ยังมี Nixxes Software อยู่ ซึ่งเป็นสตูดิโอที่รับมือการพอร์ตได้อย่างเชี่ยวชาญหลังจากผ่านเกมแบบ Marvel’s Spider-Man Remastered และ Marvel’s Spider-Man: Miles Morales จนมาถึง Rift Apart
ในการเล่นคราวนี้ผมปรับค่ากราฟิกให้อยู่ในระดับสูงสุด (Very High) โดยการ์ดจอที่ผมใช้ก็คือ NVIDIA GeForce RTX 3070 ที่มีการอัปเดตไดรเวอร์เวอร์ชันที่รองรับ Rift Apart มาแล้ว แต่ไม่ได้เปิดเรย์ เทรซซิ่ง พร้อมรายละเอียดระดับ Full HD ผลที่ได้คือ ผมรู้สึกโล่งใจในเลเวลที่อยากตะโกนว่า “สวยเรือหาย” นี่เป็นอีกเกมที่ถึงจะกลับมาเล่นซ้ำแต่มันก็ตอกย้ำสายตาเราด้วยกราฟิกที่สวยงามมาก พร้อมกับแอนิเมชันที่ดูกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนที่ต่อจอแบบ 4K สวยตาแตก แต่เครื่องก็ดูแบกภาระเยอะไปนิด
การแสดงผลของเฟรมเรตก็อยู่ในขั้นสอบผ่านสบาย ๆ แม้ว่า Rift Apart จะเป็นเกมที่มีความวุ่นวายในฉากต่อสู้มากพอสมควร โดยเฉพาะตอนเราตีหรือยิงพวกลังแล้วเศษน็อตกระจายออกมา แต่เท่าที่ลอง ผมไม่รู้สึกขัดใจกับประสิทธิภาพด้านนี้เลย การหมุนฉากไปมาถ้าไม่ตั้งใจจะหมุนเอามัน ก็ยังให้ความรู้สึกไม่ต่ำกว่า 60 เฟรม
ผมยังเคยบอกว่า Ratchet & Clank: Rift Apart เป็นเกมที่ทำฉากไล่ล่า หรือ ซีเควนซ์ได้แบบเต็มสิบไม่หัก อันนี้ก็ต้องคารวะส่งไปถึงทีมออกแบบที่ปรุงฉากพวกนี้ออกมา เป็นการใส่ลูกเล่นแบบไม่มากไม่น้อยเกินไป รู้จักการใช้พลังของมุมกล้องในการนำเสนอ สำคัญที่สุดคือเวลาเล่นฉากพวกนี้แล้วมันรู้สึกว่าไร้รอยต่อ มีการส่งผ่าน (Transition) แบบไม่ติดขัด และส่วนใหญ่ผู้เล่นก็สามารถทำสำเร็จได้ในครั้งเดียว ตัวอย่างไม่ต้องไปไหนไกล แค่ฉากเริ่มต้นเกมที่ Ratchet ต้องกระเด็นกระดอนไปมิติต่าง ๆ ก็เป็นการการันตีความมือถึงของทีมพัฒนานี้ได้แล้ว
เอาล่ะ ผมแตะเบรกคำชมไว้ก่อน เพื่อจะบอกว่าการพอร์ตนี้ก็ยังไม่ได้ไร้ที่ติซะทีเดียว มันยังมีร่องรอยของการตกหล่นในช่วงเก็บงานให้เห็นอยู่บ้าง ชัด ๆ เลยก็คือตอนฉากที่เป็นช่วงเล่าเรื่อง Cinematic แอบมี Hud ในเกมโผล่ขึ้นมาแวบ ๆ ให้เห็นบ้าง
ส่วนพวกปัญหาที่ต้องมาหักคะแนนจริงจังอย่างอาการแครช เท่าที่เล่นมาคือไม่เจอเลยนะครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับ PC ของแต่ละคนด้วย เพราะจากที่ไปส่องคอมมูใน Steam ก็มีคนเจอปัญหานี้เหมือนกัน เช่นเปิด Nvidia Reflex แล้วเกมล่ม ซึ่งปัญหาพวกนี้ก็สามารถหาทางแก้ได้ด้วยการออกแพทช์
แต่พูดก็พูดนะ เอาเข้าจริง ผมยังรู้สึกว่าถ้าเทียบมาตรฐานการพอร์ตเกมของ Sony แล้ว ถึง Rift Apart จะทำออกมาได้ดีแล้ว แต่ผมให้คะแนน Returnal เวอร์ชัน PC มากกว่าหน่อย เพราะรายนั้นเขาไม่ใช่แค่พอร์ตมาดีพอกัน แต่เขายังมาพร้อมเครื่องมือที่จะช่วยให้การปรับคุณภาพกราฟิกดูเป็นมิตรกับคนที่ไม่คุ้นชินกับศัพท์แสงต่าง ๆ ซึ่งใครที่สนใจจะอ่านความคิดเห็นของผมเกี่ยวกับ Returnal บน PC เต็ม ๆ ก็ขอเชิญทางนี้นะครับ
แต่สิ่งที่ผมจะบอกก็คือ ความประทับใจมากที่สุดของผมสำหรับ Ratchet & Clank: Rift Apart ก็ยังคงเป็นสิ่งเดียวกันกับตอนที่ผมเล่นบนเครื่อง PS5 ครับ มันคือการได้เล่นเกมนี้ด้วยคอนโทรลเลอร์ Dualsense ที่เกมนี้มีการออกแบบให้ตอบสนองด้วยการสั่นและพลังของเสียงที่มันรองรับแทบทุกสถานการณ์ ปืนแต่ละประเภทเวลาจะยิงจะมีเสียงและเอกลักษณ์ของตัวเอง แถมพอเรากระสุนหมดตัวคอนโทรลเลอร์มันก็จะส่งเสียงกึก ๆ เหมือนกระสุนหมดจริง ๆ
ส่วนเรื่องที่เหลือมันก็จะเป็นไปตามการประเมินเนื้อเรื่อง งานออกแบบ พัฒนาการตัวละครที่ผมเคยรีวิวให้ไปแล้ว
ฉะนั้น สำหรับใครที่โดนของจาก The Last of Us Part 1 บน PC มาก่อน แล้วอยากเยียวยาจากประสบการณ์ที่โหดร้าย ซื้อ Ratchet & Clank: Rift Apart ครับ นี่ไม่ใช่แค่เกมที่คุณสามารถควักเงินจ่ายอย่างสบายใจในคุณภาพการพอร์ตลง PC แต่มันเป็นเกมที่ผมพูดได้เต็มปากว่า มันเป็นหน้าเป็นตาให้กับเกมคอนโซลยุคนี้ได้จริง ๆ ถ้าจะมีแง่ลบจริงจังด้านไหนให้ชาว PC รู้สึกก็คือ คุณแค่ได้สัมผัสมันหลังคนที่มี PS5 เท่านั้นเอง
จุดเด่น
- งานภาพและอนิเมชันขั้นทอปฟอร์ม
- ส่งผ่านประสบการณ์จากเวอร์ชัน PS5 ได้แทบสมบูรณ์แบบ
- ตัวเลือกกราฟิกที่พร้อมปรับให้เข้าจริตแต่ละคน
- เป็นเกมโชว์เคสพลังนวัตกรรม Haptic Feedback
จุดด้อย
- ยังพบเห็นข้อผิดพลาดทางเทคนิค เช่น HUD ที่โผล่มาตอนช่วย Cinematic แต่ไม่มาก