รีวิว RED DEAD REDEMPTION AND UNDEAD NIGHTMARE PS4
*ขอขอบคุณ Rockstar Games สำหรับโค้ดเพื่อการรีวิว
**รีวิวนี้เล่นบน PS5
Red Dead Redemption สุดยอดเกมดัง เกมฮิต ของ Rockstar Games เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2010 สำหรับ PS3 และ Xbox 360 โดยเวลาผ่านมาเนิ่นนาน ตัวเกมภาคนี้ (และภาคสอง) ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่เช่นเดิม กลายเป็นดาวค้างฟ้าประจำวงการ แถมภาคสองที่ตามออกมามีโหมดออนไลน์ให้ผู้คนได้เล่นกันได้แบบยาว ๆ สร้างเงินสร้างทองให้กับทาง Rockstar Games ได้อย่างมหาศาล
ทั้งนี้ ถึงแม้ตัวเกม Red Dead Redemption และส่วนเสริม Undead Nightmare จะยังพอหาเล่นกันได้ในสโตร์ของ xbox (ส่วนของ PS3 ก็ต้องไปตระเวนหาแผ่นของ PS3 เอาตามร้านเกม) แต่ทาง Rockstar Games คงเล็งเห็นว่า ตลาดยังมีความต้องการอยู่ จึงจับเอาเกมเวอร์ชันดั้งเดิมนี่แหละ มาพอร์ตให้เล่นได้บน PlayStation 4 และ Nintendo Switch กันซะเลย ส่วนผลที่ออกมาจะคุ้มกับราคา 49.99 ดอลลาร์สหรัฐหรือไม่นั้น เดี๋ยวเราไปดูกันครับ
STORY
Red Dead Redemption เป็นเกมลำดับที่สองในจักรวาล Red Dead ต่อจาก Red Dead Revolver (เกมเมื่อปี 2004) โดยในภาค Redemption จะเล่าเรื่องของ John Marston อดีตอาชญากรที่รัฐบาลบังคับให้ทรยศแก๊งตัวเอง เพื่อปกป้องครอบครัวของตน โดยผู้เล่นจะต้องตามล่าอดีตสมาชิกแก๊งทีละคนด้วยการท่องไปทั่วแดนตะวันตกสหรัฐในศตวรรษที่ 19 ด้วยเครื่องมือหลากหลายเท่าที่เกมจะเอื้ออำนวย และด้วยความช่วยเหลือจากตัวละครมากมายที่คนเล่นจะได้พบเจอตลอดการเดินทาง
สำหรับ “การเล่าเรื่อง” ของเกมเป็นการผสมผสานที่น่าทึ่ง ระหว่างการเล่นสไตล์บู๊แอ็กชันอันโหดเหี้ยม กับความลุ่มลึกทางอารมณ์, การรำพึงเชิงปรัชญาเกี่ยวกับศีลธรรมของความรุนแรงและผลที่ตามมาของการกระทำ ตัวละครมีความซับซ้อนและมีหลายมิติ แต่ละตัวขับเคลื่อนด้วยแรงจูงใจ ความกลัว และความปรารถนาที่ไม่เหมือนกัน
เนื้อเรื่องส่วนใหญ่นั้น ผู้เล่นจะเห็นผ่าน จอห์น ตัวเอกของเรื่อง ที่ปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในตำนานฮีโร่คนสำคัญของวงการเกมไปแล้ว ผู้ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการต่อสู้นอกกฎหมาย และความปรารถนาที่จะสร้างชีวิตครอบครัวให้ดีขึ้น เกมนี้เล่าเรื่องออกมาได้สมจริงและประทับใจคนเล่นอย่างมาก
GAMEPLAY
มาถึงระบบเกมเพลย์กันนะครับ โดยระบบการต่อสู้ของ Red Dead Redemption เนี่ย ผมจะบอกยังไงดีน้า..คือต้องใช้คำว่า “ถึงจะแก่แต่ก็ยังเก๋า” น่าจะตรงประเด็นที่สุดครับ เพราะเกมเพลย์มันยังคงเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะกับระบบ Dead Eye ซึ่งช่วยชะลอเวลาให้ผู้เล่นเล็งเป้าหมายเพื่อการยิงที่แม่นยำ ยังคงเป็นกลไกที่มีประโยชน์อย่างเหลือเชื่อแม้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม
ด้านระบบเกมที่ไม่ใช่เรื่องของการต่อสู้ แต่เป็นกิจกรรมเสริมที่สามารถทำได้ในโลกโอเพ่นเวิลด์ในเกม ก็ทำออกมาได้น่าสนใจดีมาก ไม่ว่าจะเป็นการพนัน การขี่ม้า การต้อนฝูงวัว และทำภารกิจชิงรางวัล กิจกรรมแต่ละอย่างช่วยสร้างความรู้สึกโดยรวมของการดำดิ่งสู่โลกคาวบอยตะวันตกได้เป็นอย่างดี โดยผู้เล่นจะได้รับรางวัลสำหรับการล่าสัตว์เพื่อรวบรวมวัสดุสำหรับการประดิษฐ์และการซื้อขายแลกเปลี่ยนระหว่างภารกิจ การผสานกลไกเหล่านี้เข้ากับเกมเพลย์โดยรวมอย่างไร้รอยต่อช่วยเพิ่มประสบการณ์อันดื่มด่ำให้ผู้เล่นเหมือนได้อาศัยอยู่ในยุคนั้นจริง ๆ
ขณะที่การเล่นเกมนี้บนเครื่อง PS5 ของผู้เขียน ก็ต้องขอชมเชยว่า ตัวเกมรันได้อย่างราบรื่นสุด ๆ และโหลดเร็วกว่าบน PS3 มากเลยครับ ทุกระบบการประมวลผลในเกมนั้นทำงานได้ดีขึ้นอย่างชัดเจนมีอัตราเฟรมต่อวินาทีคงที่ที่ 30 โดยไม่กระตุกหรือมีอาการหน่วงให้เห็นเลย
นอกจากนี้ เกมในเวอร์ชันนี้ยังมัดรวม DLC ที่วางจำหน่ายก่อนหน้านี้ทั้งหมดมาด้วย ซึ่งรวมถึงเครื่องแต่งกาย ม้า และที่โดดเด่นที่สุดก็คือ Undead Nightmare DLC ซึ่งก็ทำงานได้อย่างราบรื่นเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะให้พูดกันตามตรง Red Dead Redemption and Undead Nightmare เวอร์ชันนี้มันก็คือชุดรวมของ Red Dead Redemption และ DLC ทั้งหมด แบบที่เคยออกขายมาก่อนแล้วบน PS3 นั่นแหละครับ แค่เพียงว่าคราวนี้มันรันได้เร็วขึ้นเล็กน้อย ส่วนคุณภาพกราฟิกตลอดจนคอนเทนต์ต่าง ๆ มันก็เหมือนเดิม ไม่มีเพิ่มเติมใด ๆ
ART & CREATIVITY
มาขยายความกันต่ออีกนิดในแง่ของกราฟิกภาพ ซึ่งต้องบอกว่า Red Dead Redemption นำเสนอโลกโอเพ่นเวิลด์อันไร้ที่ติซึ่งยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ โลกที่สร้างขึ้นอย่างประณีตมีภูมิประเทศที่หลากหลาย ความกว้างใหญ่ของโลกกระตุ้นให้เกิดการสำรวจ และผู้เล่นมักจะได้รับรางวัลเป็นไอเท็มและภารกิจแปลก ๆ ตามเมืองต่าง ๆ ซึ่งแม้ว่าจะไม่น่าทึ่งเท่าภาคต่ออย่าง Red Dead Redemption 2 แต่ก็ยังค่อนข้างน่าประทับใจ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากนี่ไม่ใช่การรีเมค หรือรีมาสเตอร์ คุณจึงไม่ควรคาดหวังอะไรยิ่งใหญ่ไปมากกว่านี้ เพราะตัวเกมที่คุณเห็นและได้รับนี้ มันก็คือดีที่สุดตามสภาพของเกมยุค PS3 นั่นแหละ
CONCLUSION
หลังจากหลายปีที่ผ่านมา Red Dead Redemption ยังคงเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมที่นำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจแก่ผู้เล่น โลกเปิดที่น่าอัศจรรย์ และประสบการณ์การเล่นเกมโดยรวมที่น่าดึงดูด อย่างไรก็ตาม การพอร์ตมาลง PS4 ในครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผมกล้าแนะนำให้กับคนที่เคยเล่นมาแล้วอย่างโชกโชน แถมในราคาเกือบ 50 เหรียญด้วยยิ่งแล้วใหญ่ คือถ้าคุณเคยเล่นแล้วแถม DLC ผีลืมหลุมก็เล่นจบไปหมดแล้ว ผมว่าคุณอาจไม่จำเป็นต้องหันมาสนใจการพอร์ตในครั้งนี้หรอกครับ แต่ถ้าคุณไม่เคยเล่นมาก่อนเลย หรือไม่เคยแตะภาคนี้ แต่ได้ไปเล่น Red Dead Redemption 2 แล้วชอบมาก อยากลองย้อนไปเล่นภาคต้นฉบับ ถ้าเงื่อนไขนี้ก็ย่อมได้ครับ ผมแนะนำให้ซื้อเก็บสะสมไว้ได้เลย เกมดีอยู่ครับ
Pros
– ตัวเกมดั้งเดิมยังคงเป็นเพชรน้ำเอกแห่งวงการเกม เล่นกี่ทีก็สนุก
– โหลดเร็วมาก!
Cons
– ราคาแรงไป ถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้
