รีวิว RIDE 5
*ขอขอบคุณ PLAION และ Milestone สำหรับโค้ด PS5 เพื่อการรีวิวในครั้งนี้
ปี 2023 ถือเป็นปีที่ดีสำหรับเกมเมอร์ผู้ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์ ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เราได้เล่นภาคที่สามของซีรีส์ TT Isle of Man ตามมาด้วยการเปิดตัว MotoGP ประจำปีนี้เมื่อเดือนมิถุนายน และตอนนี้ เราก็ได้พบกับตัวเกมภาคใหม่ล่าสุดของซีรีส์ Ride ที่ว่ากันว่า นี่คือ Gran Turismo แห่งเกมการขี่รถจักรยานยนต์
สำหรับ Ride 5 ทีมงานเขาโปรโมตก่อนหน้านี้ว่า นี่คือตัวเกมที่พัฒนามาให้เครื่องคอนโซลเน็กซ์เจนโดยเฉพาะ ไม่ใช่สร้างบนฐานเครื่องเกมยุคก่อนแล้วค่อยปรับให้เล่นด้วยกันได้แบบภาคที่แล้ว โดยระยะห่างระหว่าง Ride 4 กับ 5 นั้นก็นานเกือบสามปีเต็มเลยทีเดียว เอาล่ะ! เรามาดูกันดีกว่า…ว่าผ่านมาสามปีพวกเขาพัฒนาเกมไปถึงไหนกันแล้วครับ
CAREER MODE
ผมขอเปิดประเด็นด้วยโหมดหากินอย่างโหมดอาชีพ ที่ถือเป็นโหมดการเล่นหลักของคนที่ซื้อเกมนี้เพื่อหวังมาเล่นต่อเนื่องแบบยาว ๆ ได้ทั้งปี ซึ่งผมขอบอกเลยว่า กิจกรรมในโหมดอาชีพนั้นค่อนข้าง “ขาดความหลากหลาย” ไปนิดครับ เพราะมันจะเป็นแค่การแข่งขันความเร็วแบบต่าง ๆ ระหว่าง time attack สลับกับเรซซิ่งกับ AI ในแบบเซอร์กิตทั่วไป, แบบ endurance หรือแบบ head-to-head วนไปเรื่อย ๆ แล้วก็ปลดล็อกสนามต่อไปเพื่อไปแข่งในกติกาแบบเดิม ๆ นั่นแหละ
ส่งผลให้ความก้าวหน้าในเกมจะเดินเป็นเส้นตรงไปเรื่อย ๆ หากเล่นไม่ผ่าน ทำเวลา หรือตำแหน่งได้ไม่ดี ก็ต้องเล่นสนามเดิมซ้ำจนกว่าจะผ่าน ถึงจะปลดล็อกไปต่อได้ครับ
อย่างไรก็ตาม ถึงโหมดอาชีพจะดูเนือย ๆ แต่มันก็มีสิ่งล่อใจให้คุณอยากเล่นฝ่าด่านไปให้หมด นั่นก็คือใน Ride 5 มีสนามให้ลงแข่งมากถึง 73 เส้นทางใน 36 สภาพแวดล้อม (มีทั้งสนามที่จำลองมาจากสนามแข่งของจริง ไปจนถึงสนามสมมติที่เกมสร้างขึ้นมา) ดังนั้นอย่างน้อยคุณจะได้เห็นพื้นที่ขนาดใหญ่ของโลก ได้ขับขี่ในภูมิประเทศที่หลากหลายอย่างแน่นอน
GAMEPLAY
ไปดูกันต่อในหัวข้อสำคัญกับระบบเกมการเล่น ซึ่งผมขอแนะนำให้รู้จักกับฟีเจอร์ใหม่ในภาคนี้กันซะก่อน นั่นก็คือ ระบบนิวรัลเอด (neural aid) ที่มาช่วยผู้เล่นมือใหม่เพื่อให้สนุกไปกับการเรียนรู้วิธีการเล่นที่ลำบากน้อยลงและได้พบกับระดับความท้าทายที่เหมาะกับตน แต่ผมก็ต้องขอแจ้งเอาไว้ก่อนว่าเกมที่เข้าถึงได้มากขึ้นไม่ได้แปลว่าจะทำให้มันง่ายขึ้นด้วยนะ เพราะถ้าคุณปิดระบบช่วยเหลือและปรับระดับความยากสูงสุดเมื่อไร Ride 5 ก็จะสมจริงและท้าทายเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
สำหรับตัวผมเอง ผมมีความรู้สึกว่าเกมนี้เล่นง่ายกว่า MotoGP23 เป็นอย่างมาก เอาง่าย ๆ ก็คือ ผมเข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 บ่อยเลยครับใน Ride 5 (แต่กับเกม MotoGP23 ผมแทบไม่เคยทำได้!)
คือใน Ride 5 เนี่ย มันเล่นง่ายกว่าเยอะเพราะตัวเกมมันช่วยพยุงรถผู้เล่นในระดับหนึ่ง คุณไม่จำเป็นต้องคอยแตะเบรก เลี้ยงรถทำความเร็วและคอยระวังในทุกโค้งมากมายนัก คนเล่นสามารถกดอัดเข้าไปได้เลยในทุกทางตรง, ทุกทางโค้ง เล่นไปเล่นมาเหมือนเกมอาร์เคดเลยครับ!
ซึ่งผมคิดว่ามันก็สนุกสะใจดี ได้ขับเคี่ยวกับนักแข่งจ่าฝูงกันจริง ๆ ได้บดแย่งกันเข้าเส้นชัยใน lap สุดท้ายกันอย่างเมามัน ไม่ใช่ต้องคอยขี่แบบประคองตัวจนปวดนิ้วที่จับจอยเหมือนสมัยเล่นโมโตจีพีอ่ะครับ
ด้านจำนวนรถ เท่าที่กดในเกมดูพบว่า Ride 5 มีรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมด 233 คันจาก 14 ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก เช่น Honda, Kawasaki, Aprilia, KTM, Suzuki และ Triumph เป็นต้น
ART & CREATIVITY
สำหรับ Ride 5 นี้ เป็นเกมแรกของ Milestone ที่พัฒนาสำหรับเครื่องเจนใหม่เท่านั้น โดยมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นหลายประการจากภาคก่อน ๆ โดยเฉพาะกับตัวรถ มอเตอร์ไซค์ ซึ่งการพัฒนารายละเอียดต่าง ๆ นั้นมาจากการสแกนวัตถุโดยใช้เทคนิกโฟโตแกรมเมทรี (photogrammetry) ซึ่งทำให้เกิดรายละเอียดที่ดีขึ้นสำหรับรถและสามารถเรนเดอร์ในเกมได้สมจริงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ ตัวเกมยังมีระบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อนำเสนอการแสดงผลของกลุ่มก้อนเมฆ ที่จะมีปฏิสัมพันธ์ในเชิงกายภาพกับการเปลี่ยนแปลงของแสง และจะทำให้สภาพแวดล้อมต่าง ๆ เด่นชัดและคาดเดาไม่ได้ยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยระบบสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้
ด้านระบบฟิสิกส์ของวัตถุต่าง ๆ ในเกม ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยค่าต่าง ๆ ที่ปรับแต่งได้มากกว่าเดิมและแม่นยำมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผมพบว่าทีมงานเขาไปเน้นพวกแสงเงาในสภาพแวดล้อม และตัวถังรถมากเป็นพิเศษ จนลืมทำรายละเอียดของผู้ขับขี่ กับรายละเอียดของทิวทัศน์ข้างทาง ที่ยังดูเตียน ๆ โล่ง ๆ ส่วนบรรดานักบิดทั้งหลายก็ปั้นโมเดลมาเหมือนหุ่นมากกว่าคนไปหน่อยครับ
CONCLUSION
Ride 5 จะให้คุณได้พัฒนามอเตอร์ไซค์ของตัวเอง, ได้เปลี่ยนลวดลาย (โดยใช้ลวดลายของคุณเอง หรือที่สร้างโดยผู้เล่นอื่นด้วยระบบปรับแต่งภายในเกม) รวมถึงปรับแต่งนักบิดของคุณเอง และเหนือสิ่งอื่นใด Ride 5 จะมอบการแข่งรถมอเตอร์ไซค์ที่เพลิดเพลิน ที่มาพร้อมการปรับปรุงด้านภาพ พร้อมด้วยการตอบสนองของคอนโทรลเลอร์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เล่น PS5 และการจำลองการแข่งรถที่มีคุณภาพ อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นผู้เล่นที่มีเกม Ride 4 เล่นอยู่แล้ว อาจจะต้องลองคิดดูดี ๆ ว่าทุกประเด็นที่ผมพูดมาทั้งหมดเนี่ย มันเพียงพอต่อการควักตังค์ซื้อหรือเปล่า เพราะบางทีคุณอาจเล่นภาคเก่าไปก่อนแล้วรอช่วงลดราคาค่อยซื้อก็ได้ แต่ถ้าใครไม่เคยเล่นมาก่อนเลย แล้วเป็นแฟนตัวยงของแวดวงบิ๊กไบค์ล่ะก็ เกมนี้ซื้อได้ครับ คุ้มค่าแน่นอน
Pros
- ภาพรวมของกราฟิกในเกมถือว่าดี โดยเฉพาะตัวรถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อต่าง ๆ ไปจนถึงสภาพภูมิอากาศและเมฆบนท้องฟ้า
- ระบบฟิสิกส์และเกมเพลย์มีความยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก ปรับให้ง่ายสุดเพื่อเล่นแข่งรถแบบเพลิน ๆ ก็ได้ หรือจะปรับยากเน้นสมจริงแบบซิมูเลเตอร์เลยก็พอได้อยู่
- สนามแข่งมีมากและหลากหลายสภาพแวดล้อม
- มีรถมอเตอร์ไซค์เป็นร้อย ๆ คันให้เลือกสรรภายในเกม น่าจะถูกใจคอบิ๊กไบค์ทั้งหลาย
Cons
- AI อย่างเถื่อน จ้องแต่จะขี่ชนผู้เล่นจนล้มกลิ้ง ขี่เข้าหาเลนโดยไม่สนว่ามีใครขวางทางอยู่หรือไม่
- ภาพรวมทั้งเกม ยังถือว่าพัฒนาจากภาค 4 ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แถมโหมดอาชีพก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าดึงดูด