รีวิว ARMORED CORE VI FIRES OF RUBICON
*ขอขอบคุณ Bandai Namco Entertainment Asia สำหรับโค้ดรีวิวมา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นบนเครื่อง PC
Armored Core 6: Fires of Rubicon นับเป็นการกลับมาของซีรีส์ขับหุ่นท่ามกลางสุดยอดเกมในปี 2023 มากมาย และในรีวิวนี้ผมจะมาบอกความรู้สึกที่ได้สัมผัสเกมนี้กัน
เราจะได้รับบทเป็นทหารรับจ้างที่ขี่หุ่น Armored Core ออกไปปฏิบัติการบนดาว Rubicon 3 โดยเราจะเข้าไปมีส่วนพัวพันกับการต่อสู้ของฝักฝ่ายต่าง ๆ ที่ก็มีหุ่นรบของตัวเองเหมือนกัน รวมถึงปริศนาของสิ่งที่เรียกว่า Coral และอิทธิพลของมันต่อมนุษยชาติด้วย
ความรู้สึกแรกคือนี่มันเป็นเกมสำหรับคนรักหุ่นรบจริง ๆ ตั้งแต่ตัวอย่างที่ปล่อยออกมา ปกหน้า หรือ ปกหลังของแผ่นเกม ไปจนถึงการนำเสนอในเรื่อง มันแทบจะมีแต่ หุ่นยนต์ หุ่นยนต์ แล้วก็ หุ่นยนต์ ทั้งหมด แล้วให้มนุษย์มีที่ทางแค่การให้เสียงพากย์เป็นหลักเท่านั้น และเสียงพวกนี้จะเป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถยึดกุมเพื่อทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้
เล่ามาถึงจุดนี้ คิดว่าหลายคนคงเดาแนวทางการเล่าเรื่องของเกมสไตล์ค่ายนี้ออก คือเน้นให้ผู้เล่นไปปะติดปะต่อเรื่องราวเอาเอง แต่จะดีหน่อยตรงที่การเล่าเรื่องของ Armored Core จะค่อนข้างตรงไปตรงมาผ่านเสียงพากย์ตัวละคร
โลกที่มีแต่หุ่น
การไม่โชว์หน้าของตัวละครที่เป็นมนุษย์ในเกมหลักเลยเป็นอะไรที่น่าสนใจ (แม้แต่คนที่คอยให้งานเรา) เพราะมันเหมือนกับตัวหุ่นกลายเป็นตัวตนของมนุษย์ในเกมนี้แทบจะทั้งหมด บอกเป็นนัยว่านี่มันเกมหุ่นรบสู้กันของแท้ มันอาจฟังดูไม่ค่อยมีชีวิตจิตใจนิดนึง เพราะเราจะรู้สึกถึงอารมณ์ความรู้สึกผ่านทางน้ำเสียงทางการสื่อสารผ่านวิทยุเท่านั้น แต่มันก็พอจะบอกได้ว่านี่คือแนวทางการกำกับที่เขาตั้งใจให้เรารู้สึกว่าดาวที่เราออกผจญภัยมันไม่ใช่ที่ทางของมนุษย์อีกต่อไป มันเต็มไปด้วยความขัดแย้งและสงคราม ที่เจรจากันด้วยคลังแสงของหุ่น AC
แต่ถึงแบบนั้น ผมก็รู้สึกว่าการขาดสีสันของมันดูจะหนักมือไปนิด ถึงน้ำเสียงที่พูดผ่านมาถึงเราจะมีขึ้นลงแสดงถึงอารมณ์ความรู้สึกอยู่บ้าง แต่โดยภาพรวมมันค่อนข้างซังกะตาย และการคิดบทสนทนาตอนเราเจอพวกบอสที่ขี่หุ่นด้วยกันมันอารมณ์เดียวกับเกม Souls ที่จะถนัดพูดประโยคคุกคามชีวิตสั้น ๆ พอตายก็พูดประโยคเท่ ๆ ห้วน ๆ ทิ้งท้าย
นอกจากนั้นก็ยังมีเรื่องของงานออกแบบ UX UI ที่ผมคิดว่าจืดชืดที่สุดจากบรรดาเกมที่ผมเห็นในปีนี้เลย ผมไม่รู้ว่ามันเป็นความต้องการของทีมพัฒนาหรือเปล่า แล้วก็เรื่องฉากในเกมที่หุ่นของเรามันตัวใหญ่มาก แต่พร็อพของฉากทั้งต้นไม้ หรือ ป้อมปราการ มันดูเหมือนพร็อพของเล่นในหนังแปลงร่างมากกว่า
สู้ไม่ไหว ให้ถอด-ประกอบ
ถ้าจะพูดว่าเกมนี้ใช้การต่อสู้ โดยเฉพาะกับพวกบอสมาทำเป็นพัซเซิลในเกมก็ไม่ผิด ถึงมันจะได้ชื่อว่าเป็นหุ่นเหมือนกัน แต่ท่าโจมตีก็ไม่ใช่แค่ยิงมิสไซล์ถล่มกันไปมา บางตัวใช้การยิงมิสไซล์เพื่อดักทางเราเท่านั้น พอเราอยู่ในระยะมันจะใช้ดาบไฟยักษ์หวดใส่เราจนหน้าหงายไปหลายครั้ง
การแต่งหุ่นเลยกลายเป็นหัวใจสำคัญ และนี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คุณแก้พัซเซิลการโจมตีของบอสทุกตัวได้ ถ้าศัตรูมันดูโดดเด่นเรื่องการทิ้งระยะและการโจมตีไกลมาก คุณก็ต้องประกอบชิ้นส่วนใหม่ให้หุ่นรบของคุณมีความคล่องตัวขึ้น และมีอาวุธโจมตีระยะประชิดที่รวดเร็วรุนแรงมากพอ หรือคุณจะใช้อะไรก็ตามที่ทำให้ศัตรูติดสถานะ Stun เพื่อเปิดช่องให้คุณทำความเสียหายใส่มันได้เต็ม ๆ
นี่อาจจะเป็นพรสวรรค์ที่ FromSoftware แสดงให้เราดูตลอดทศวรรษที่ผ่านมา คือการทำให้บอสเป็นบททดสอบการเรียนรู้ของผู้เล่นที่จะไต่ระดับไปตลอดทั้งเกม ผมรู้สึกถึงสิ่งนี้ได้ตั้งแต่เจอกับบอสตัวแรกที่เล่นเอาหัวอุ่นไปนานเหมือนกัน แต่ประเด็นของไอ้บอสเฮลิคอปเตอร์เวรนี่ก็คือมันจะทดสอบการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐานของผู้เล่น ทั้งการแดชหลบ การพุ่งตัวเพื่อโจมตีประชิด การใช้อาวุธระยะไกลในจังหวะที่เหมาะสม ที่สำคัญที่สุดคือการทำความเคยชินกับคลังแสงที่ระดมมาทุกทิศทาง เพราะมันจะทวีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นเมื่อเกมดำเนินไป
การควบคุมหุ่นในเกมนี้จะมีทั้งส่วนที่ทั้งคล่องตัวและติดขัดนิดหน่อย ทั้งการแดช การพุ่งตัวแล้วโยกหลบ การใช้อาวุธวิสัยไกลต่าง ๆ ไม่ค่อยติดใจอะไรในส่วนนี้ ผมจะติดปัญหาเล็กน้อยถ้าใช้พวกท่าระยะประชิดที่ต้องอาศัยจังหวะตอนศัตรูอยู่ในระยะและระนาบเดียวกัน ซึ่งทางแก้เดียวคือต้องฝึกให้ชิน แต่ที่ผมมีปัญหาที่สุดเลยคือระบบล็อกออนของเกมที่มันไม่ยอมตามศัตรูไปตลอด ถ้าเป้าหมายมันหายไปนอกจอก็ต้องมากดล็อกออนใหม่ จนผมใช้วิธีการขยับมุมกล้องตามสะดวกกว่า
ต่อกันพลาร์ในโลกเสมือน
สิ่งที่ขัดกับคำสั่งหน้าจอ UX UI แสนจืดชืดก็คือเกมนี้มีส่วนของการปรับแต่งหุ่นที่ค่อนข้างละเอียดและเปิดอิสระทางความคิดค่อนข้างมาก มันเหมือนการต่อกันพลาร์แบบเวอร์ชวล นอกจากคุณจะสามารถเลือกพ่นสีตัวหุ่นตามจุดเล็กจุดน้อยต่าง ๆ ได้แล้ว การแปะโลโก้ก็มีทางเลือกให้เยอะอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าไม่ระวังตัวดี ๆ คุณจะหลุดเข้าไปอยู่ในโหมดต่อกันพลาร์ได้หลายชั่วโมง
สรุป
ทั้งหมดทั้งมวลต้องยอมรับว่า FromSoftware ยังคงทำสิ่งที่พวกเขารู้ว่าตัวเองทำได้ดี ทีมพัฒนารู้วิธีการปรุงรสชาติที่คนเล่นเคี้ยวได้ยาก แต่ก็อร่อยจนวางมันไม่ลง ต้องบอกว่าค่ายนี้เป็นปรมาจารย์ด้านการออกแบบเกมที่ความยากของมันยืนอยู่คาบเส้นระหว่างความท้าทายและการปาจอยทิ้งได้เสมอมา
นั่นทำให้ Armored Core 6 คือแฟนตาซีเกมแอ็กชันหุ่นรบที่สาย Mecha ยากจะต้านทานพลังของมัน
จุดเด่น
- การออกแบบบอสให้ท้าทายและให้รางวัลอย่างคุ้มค่าแก่ทุกความพยายาม
- เติมเต็มแฟนตาซีการต่อสู้บนหุ่นรบที่ใช้คลังแสงเข้าห้ำหั่นกัน
- ระบบปรับแต่งที่ละเอียดเหมือนต่อกันกันพลาร์ในโลกเสมือน
จุดด้อย
- การออกแบบ UX UI ที่จืดชืดไร้ชีวิตชีวา แม้ว่านั่นจะเป็นความต้องการของทีมพัฒนาก็ตาม
- ฉากในเกมไม่เหมือนเราขับหุ่นผจญภัยบนดาว แต่เหมือนขับหุ่นในเซตติ้งกองถ่ายหนังแนวโทคุซัตสึมากกว่า