News Reviews

Monster Hunter Stories – รีวิว [REVIEW]

โดย G-jang

Monster Hunter Stories – รีวิว [REVIEW]

*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Capcom Singapore มา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นบน PlayStation 4
***รีวิวนี้เป็น Review-In-Progress และจะมีการอัปเดตคะแนนในภายหลัง

ปัจจุบันนี้เมื่อพูดถึงแฟรนไชส์ Monster Hunter แล้ว หลายคนก็น่าจะรู้กันดีว่านี่คือเกมแอ็กชันที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และเรียกได้ว่าเป็นเกมที่เปิด genre ใหม่ให้วงการอย่าง Hunting Action ด้วยซ้ำไป และความสำเร็จอันล้นหลามของแฟรนไชส์ที่กลายมาเป็นหนึ่งในเสาหลักทำเงินของ Capcom นี้ ก็ทำให้บริษัทอื่น ๆ อีกมากมายเดินรอยตาม

ถึงกระนั้นสำหรับ Monster Hunter Stories ในรอบนี้ เรียกได้ว่าเป็นการฉีกขนบของเกมตัวเอง เพราะนำเสนอในรูปแบบของเกม RPG ที่ใช้ระบบเทิร์นเบสแทนครับ แรกเริ่มเดิมทีเกมนี้วางจำหน่ายบนเครื่องพกพาอย่าง Nintendo 3DS แต่เพิ่งจะมาวางจำหน่ายบนคอนโซลหลักอย่าง Nintendo Switch, PlayStation 4 และ Windows ในฉบับรีมาสเตอร์เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2024 ที่ผ่านมา และในวันนี้ผมจะมาเล่าความรู้สึกเบื้องต้นของเกมให้ได้อ่านกันครับ


เนื้อเรื่อง

สำหรับ Monster Hunter Stories ในครั้งนี้ ยังคงมีเวิลด์เซ็ตติ้งที่มีลักษณะใกล้เคียงกับเกมอื่น ๆ ในภาคหลัก นั่นคือเป็นโลกแฟนตาซีที่มนุษย์ใช้ชีวิตในโลกซึ่งเต็มไปด้วยมอนสเตอร์น้อยใหญ่มากมาย และผู้คนจำนวนมากก็ประกอบสัมมาอาชีพหลักเป็นฮันเตอร์ ผู้ที่คอยไล่ล่ามอนสเตอร์เพื่อยังชีพ เพราะชิ้นส่วนมอนสเตอร์นั้นสามารถนำไปใช้อรรถประโยชน์ได้มากมาย และบ้างก็เป็นการรับจ้างกำจัดมอนสเตอร์ที่คุกคามการดำรงชีวิตของผู้คน

แต่ว่าในคราวนี้ ตัวเราจะไม่ได้รับบทเป็นฮันเตอร์ หากแต่เป็นสมาชิกคนหนึ่งของชุมชนที่ผิดแผกแตกต่างจากสังคมส่วนใหญ่ นั่นเพราะชุมชนของตัวเรามีวิถีชีวิตในการเป็นไรเดอร์ที่เน้นผูกมิตรกับมอนสเตอร์แล้วใช้ชีวิตร่วมกันเป็นหลักนั่นเองครับ

องค์ประกอบของเนื้อหานั้น จะคล้ายคลึงกับตัวเกมภาคหลักประจำแฟรนไชส์ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเพศและปรับแต่งหน้าตาตัวละครที่แทนตัวผู้เล่น รวมถึงการที่ตัวเราจะไม่มีส่วนร่วมในบทสนทนา และบทสนทนาส่วนใหญ่จะพูดผ่านแมวเหมียวคู่หูอย่างนาวิรู (Navirou) ผู้น่ารักน่าชังแทน

เหตุการณ์ในเกมภาคนี้เริ่มต้นที่หมู่บ้านฮาคุม (Hakum Village) ที่ตัวเราใช้ชีวิตกับเพื่อน ๆ ตามปกติ อยู่มาวันหนึ่งพวกเขาแอบออกจากหมู่บ้านไปหาไข่มอนสเตอร์กลับมา ซึ่งไข่ที่ว่าก็ฟักตัวออกมาพอดิบพอดีกลายเป็นราธาลอส (Rathalos) ที่ถูกชะตาตัวเอกแต่แรกเห็น แต่ว่าเมื่อพวกเขากลับมาที่หมู่บ้านก็ต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมจากนาร์กาคูกา (Nargacuga) ซึ่งโดนปรากฏการณ์ที่เรียกว่าแบล็กไบลต์ (Black Blight) เข้าควบคุมจนอาละวาด เกิดเป็นความสูญเสียมากมาย ดังนั้น เรื่องราวในเกมนี้ก็คือการที่ตัวเอกของเราออกเดินทางเพื่อหาหนทางชำระล้างแบล็กไบลต์นั่นเอง

หากจะพูดถึงเรื่องราวของเกมจนถึงตอนนี้ ผมรู้สึกว่าตัวเกมนั้นดำเนินเรื่องได้แบบค่อนข้างตรงไปตรงมา เข้าใจง่ายและไม่มีอะไรซับซ้อนครับ จังหวะจะโคนในการนำเสนอนี่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นอนิเมสำหรับเด็กพอสมควร จากบทพูด การกระทำ และแรงผลักดันของตัวละคร ถามว่าช่วงจังหวะที่เนื้อหาหนักมีไหม ก็มีครับ แต่โดยรวมแล้วจนถึง ณ ตอนนี้ที่เล่นมาตัวเกมจะมีเนื้อหาที่ค่อนข้างสบาย ๆ และเด็กก็สามารถเล่นได้ครับ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากนักในแง่ของพฤติกรรมตัวละคร แต่ถ้าหากไปจนถึงช่วงท้ายและจบเกมแล้วมีอะไรเปลี่ยนแปลง เราก็จะมาเล่าความรู้สึกกันอีกครั้งหนึ่ง


เกมเพลย์

ระบบต่อสู้

ในส่วนของเกมเพลย์นั้นก็อย่างที่แจ้งไปแล้วตอนต้นคือภาคนี้เป็น RPG แบบเทิร์นเบส ดังนั้นตัวเกมจะมีลักษณะของการใส่คำสั่งแล้วผลัดกันตี ที่คุณจะชนะได้หรือจะพ่ายแพ้ก็จะขึ้นอยู่กับค่าพลัง เลเวลและของสวมใส่เพียว ๆ เพราะฉะนั้นใครที่เคยเล่นภาคหลักมาแล้วพลิ้วกลิ้งหลบไปมาจนเซียน มาภาคนี้ยังไงก็พลิ้วแบบนั้นไม่ได้นะครับ

ระบบต่อสู้หลัก ๆ ของเกมภาคนี้จะใช้รูปแบบของการแพ้ทางกันเสมือนเป็นการเป่ายิ้งฉุบครับ เพราะการโจมตีเราจะแบ่งเป็นสามแบบนั่นคือเพาเวอร์, สปีดและเทคนิค โดยที่เพาเวอร์จะชนะเทคนิค, เทคนิคจะชนะสปีด และสปีดจะชนะเพาเวอร์วนกันไป ซึ่งสิ่งนี้จะเห็นผลชัดเจนเมื่อตอนที่เราเลือกโจมตีศัตรูที่เล็งเล่นงานเราอยู่จนเกิดสภาวะที่เรียกว่า Head-to-Head หรือก็คือการปะทะกันตรง ๆ ซึ่งเอาเข้าจริง แม้ว่าจะเลือกการโจมตีชนะทางมาแต่ทั้งสองฝ่ายก็รับแดเมจเหมือนกันครับ สิ่งที่ต่างคือปริมาณแดเมจที่ฝ่ายแพ้ก็จะรับความเสียหายหนักหน่วงกว่าปกตินั่นเอง ส่วนฝ่ายที่ชนะก็จะรับเบากว่าปกติในทางกลับกัน

แล้วก็แน่นอนว่าในเมื่อเกมเป็น RPG เทิร์นเบส สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือสมาชิกร่วมปาร์ตี้ ซึ่งในเกมนี้ก็มีระดับหนึ่งครับ เพราะในทุกการต่อสู้เราจะมีมอนสเตอร์มาช่วยสู้ได้หนึ่งตัว (จากตี้ทั้งหมดจำนวน 5 ตัวที่เลือกมาได้) โดยที่มอนสเตอร์เหล่านี้จะออกแอ็กชันต่าง ๆ อัตโนมัติโดยที่เราสั่งการไม่ได้ (เว้นแต่จะเลือกให้ใช้สกิลใด ๆ โดยตรง) ดังนั้นบางทีก็อาจมีจังหวะที่แอบขัดใจบ้างเวลามอนสเตอร์เลือกการโจมตีที่แพ้ทาง แต่ว่าถ้าเราเลือกการโจมตีที่ชนะทางเหมือนกันกับมอนสเตอร์ของเราก็จะทำให้เกิดเป็นท่าโจมตีคู่ที่รุนแรงขึ้นมาได้เหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น ตลอดการต่อสู้เราเรียกมอนสเตอร์อื่นสลับมารับมือได้ตลอด จึงไม่ต้องกลัวเรื่องจะเสียเทิร์นหรืออะไรแบบนั้น

ระบบหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคนี้ก็คือระบบที่เรียกว่า Kinship Level หรือค่าความผูกพันกับมอนสเตอร์ ซึ่งระบบที่ว่านี้จะเรียกเป็นค่า MP ของเกมก็ได้ครับเพราะทุกสกิลที่เลือกใช้จะมาลดทอนค่านี้ไป แต่เมื่อเราเพิ่มค่านี้ระหว่างสู้ (จากการชนะการโจมตีหรืออื่น ๆ) ก็จะทำให้กระโดดขึ้นขี่หลังมอนสเตอร์ได้ที่นอกจากช่วยไม่ให้ตัวเราโดนโจมตีโดยตรงแล้ว ยังจะทำให้สามารถใช้ท่าใหญ่เฉพาะของมอนสเตอร์แต่ละตัวได้อีก ถ้าเรียกง่าย ๆ เหมือนเป็นไม้ตายในเกมอื่น ๆ ก็ไม่ผิดอะไรครับ

โดยรวมแล้วระบบต่อสู้ของเกมนี้ถือว่าเล่นได้เพลินใช้ได้ และค่อนข้างเล่นง่าย เข้าใจง่าย อย่างน้อยเท่าที่เล่นมาก็ยังไม่เจออะไรตึง ๆ ระดับที่ว่าต้องมานั่งจัดทีมหรือปั้นบิลด์มอนสเตอร์อะไรขนาดนั้นครับ ถ้าเลเวลคุณถึงช่วงที่ควรจะถึงก็พอจะผ่านได้สบาย ๆ ไม่ยากเย็น


การสำรวจฉาก

สิ่งที่ต้องชมในภาคนี้ก็คงไม่พ้นการสำรวจฉากครับ แต่ละแมปจะมีการออกแบบที่ค่อนข้างโดดเด่นเฉพาะตัวอยู่ รวมถึงกิมมิคต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายไปทั่วฉากด้วย หลาย ๆ จุดในเกมนั้นคุณจะสำรวจได้หรือไปต่อได้ก็เมื่อคุณมีมอนสเตอร์ที่เหมาะกับจุดนั้น ๆ บางตัวอาจจะกระโดดได้ บางตัวว่ายน้ำได้ บางตัวสามารถปีนป่ายเถาวัลย์ได้ ฯลฯ ซึ่งอะไรแบบนี้ของเกมมันเอื้อต่อการชวนให้กลับไปสำรวจฉากเก่าที่เรายังสำรวจไม่ครบครับ เพราะหลายครั้งก็มักจะมีของสะสมบางอย่างรอเราอยู่ในจุดที่เราไปไม่ได้ในทีแรกนั่นล่ะครับ (เช่นการตามล่าหมูน้อย เป็นต้น)

นอกเหนือไปจากพวกไอเท็มต่าง ๆ ทั่วฉากที่มีให้เก็บแล้ว การสำรวจนี้ยังสำคัญมากกับการได้มอนสเตอร์ใหม่ ๆ มาใช้งาน เพราะในระหว่างที่คุณตระเวนไปมา เกมก็มักจะหย่อนถ้ำที่เป็นรังมอนสเตอร์ให้คุณได้เข้าไปสำรวจ (แม้ว่าบางจุดจะชวนสงสัยว่าทำไมข้างในมันดูใหญ่กว่าทางเข้าเยอะมาก) ซึ่งภายในรังมอนสเตอร์เหล่านี้ นอกจากเป็นดันเจี้ยนย่อม ๆ แล้วที่ด้านในสุดก็จะเป็นแหล่งฟักไข่ของมอนสเตอร์แต่ละประเภทนั่นเอง ซึ่งเราจะเก็บไข่พวกนี้ได้ทีละฟองแล้วนำกลับไปฟักที่หมู่บ้านหรือเมืองต่อไป

อย่างไรก็ตาม เกมมีองค์ประกอบการสุ่มค่าพลังในด้านนี้เยอะอยู่ครับ เพราะเมื่อเราหยิบไข่แต่ละฟองขึ้นมา นาวิรูจะเป็นคนบอกว่าไข่ที่เราเก็บได้มีคุณสมบัติที่ดีแค่ไหน ถ้ามีกลิ่นแรงก็แปลว่าดี ถ้าไข่หนักก็ยิ่งดีเหมือนกันอะไรแบบนั้น แต่ความลำบากมันจะอยู่ที่ว่าไข่ที่เราเก็บได้จากจุดหนึ่งจะมีจำกัด และเราไม่สามารถย้อนไปเลือกฟองเก่าก่อนหน้านี้ได้หากว่าเรารู้สึกไม่พอใจ มันเลยกึ่ง ๆ ต้องวัดดวงกันนิดนึงเหมือนกันว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้

องค์ประกอบอื่น ๆ จากเกมภาคหลักที่คุ้นเคยอย่างกระดานเควสต์ก็ยังอยู่ หรือบางทีรับเควสต์จาก NPC ทั่วไปก็ได้เหมือนกัน ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นเควสต์ทำนองที่ว่าไปกำจัดมอนสเตอร์ตัวไหน หรือเอาไอเท็มอะไรมาให้ผู้ว่าจ้างแบบนั้นล่ะครับ ถึงอย่างนั้นเควสต์ที่ดูจะมีประโยชน์ที่สุดก็คงไม่พ้นเควสต์ของช่างตีดาบที่เมื่อเราหาวัตถุดิบจากมอนสเตอร์เฉพาะตัวไหนมาได้ครบ เราก็จะได้อาวุธหรือชุดป้องกันใหม่มาใช้ ซึ่งของเหล่านี้มักจะดีกว่าของที่มีขายทั่วไปเสมอนั่นเอง


การปรับแต่งในแบบ RPG

ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าเกม RPG กับการปั้นตัวละครหาบิลด์ที่เหมาะสมนั้นเป็นของคู่กัน ซึ่งสำหรับในเกมนี้ก็มีสิ่งที่คุณสามารถทำได้ให้กับมอนสเตอร์ตัวโปรดครับ

นอกเหนือจากการพาไปเก็บเลเวลตามปกติแล้ว คุณยังสามารถใช้ระบบสืบทอดสกิลระหว่างมอนสเตอร์ได้ โดยมีข้อแม้ว่าตัวไหนที่โดนถ่ายทอดสกิลไปก็จะออกจากปาร์ตี้ไปเลย และการจะโอนสกิลได้ก็จะโอนได้ต่อเมื่อตำแหน่งสกิลของฝ่ายโอนและฝ่ายรับนั้นตรงกัน และฝ่ายรับเองก็ต้องมีช่องว่างให้พร้อมใส่สกิลด้วย มันก็เลยอาจจะใช้เวลานานเอาเรื่องหากว่าคุณอยากจะปั้นมอนสเตอร์ในฝันขึ้นมาใช้งานครับ

ส่วนสำหรับตัวละครของเรานั้น สิ่งที่ปรับแต่งได้ก็จะเป็นพวกอาวุธชุดป้องกันที่ของดีมักได้จากการทำเควสต์อย่างที่กล่าวไปแล้ว รวมถึงการใส่เครื่องประดับที่จะให้ผลลัพธ์แตกต่างกันไปตามที่คุ้นเคยกันในเกม RPG นั่นล่ะครับ

ผมคิดว่าโดยรวมแล้ว ไม่ว่าจะแง่การต่อสู้หรือแง่ของการสำรวจนั้น Monster Hunter Stories ทำออกมาได้เพลิน ๆ กลมกล่อมกำลังดี ไม่ยากไปแต่ก็ไม่ง่ายขนาดว่าสักแต่กดตีรัว ๆ แล้วจะผ่าน แค่ทำความเข้าใจเมคานิกเกมสักหน่อยคุณก็จะสนุกได้ไม่ยากครับ


กราฟิกและการนำเสนอ

อย่างที่กล่าวไปว่าตัวเกมในเวอร์ชันนี้คือการรีมาสเตอร์มาจากสมัยเครื่อง Nintendo 3DS ดังนั้น พวกโมเดลตัวละครหรือวัตถุก็จะไม่มีการปรับอะไรจากเดิมนอกจากการปรับปรุงความละเอียดครับ แต่ถึงอย่างนั้นอาร์ตสไตล์ของเกมก็ทำออกมาสวยงามดี สีหน้าท่าทางตัวละครจะแสดงออกกันแบบชัด ๆ ล้น ๆ ไม่ต้องตีความว่าใครมีอะไรซุกซ่อนเอาไว้ในใจ สิ่งนี้เลยทำให้เรื่องราวในเกมนั้นติดตามได้ง่ายแบบไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนครับ


เพลงประกอบ

เพลงประกอบของเกมนี้สร้างความประทับใจให้ผมตั้งแต่ฉากเปิดได้ดีอยู่ มันให้ความรู้สึกถึงการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ เหมือนเป็นการบอกเล่าเรื่องราวจุดเริ่มต้นของตัวเอกผู้ที่ต่อไปจะได้รับการเล่าขานในตำนานอะไรประมาณนั้นครับ ดนตรีมันทรงพลังแต่ก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน และเมื่อปะทะกับบอสดนตรีก็จะเร่งจังหวะขึ้นมาให้คุณตื่นตัวพร้อมเผชิญกับการปะทะที่กำลังจะเกิดขึ้น

ดนตรีประจำเกมนี่ช่วยให้การตระเวนไปในโลกของ Monster Hunter Stories เป็นประสบการณ์ที่ชวนให้เพลิดเพลินได้ตลอดทางครับ


สรุป

จากประสบการณ์ของผมที่เล่นมาถึงตอนนี้ ก็คงพอจะบอกได้ว่า Monster Hunter Stories นั้นเป็นเกม RPG เทิร์นเบสที่ทำออกมาได้คุณภาพดีเกมหนึ่ง และเลือกหยิบเอาเสน่ห์และองค์ประกอบจากแฟรนไชส์หลักมาปรับใช้ได้อย่างไม่รู้สึกขัดเขิน หากเราได้เล่นไปจนถึงบทสรุปสุดท้ายของเกมแล้ว เราจะมาอัปเดตรีวิวนี้กันอีกทีครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์