รีวิว Astro Bot
ขายของฉ่ำ ดันออกมาโคตรดี
*ขอขอบคุณโค้ด PS5 สำหรับใช้รีวิวเกม จากบริษัท SONY มา ณ โอกาสนี้
ต้องเริ่มต้นกันยังงี้ครับ ว่าตอนแรกเลย ผมรู้จักไอ้หุ่นแอสโตรบ็อตตอนมันเป็นเกม VR ของเพลย์ 4 แล้วก็รู้ว่ามันมีภาค Play Room ที่ติดตั้งมาให้เล่นบนเพลย์ 5 เจตนาก็ชัดเจนว่าผู้สร้างเขาอยากให้มันเป็นเกมโชว์เคสที่พยายามขายพลังของ Dualsense ว่ามันดียังไง ถึง Playroom มันจะเป็นแค่เกมสั้นนะครับ แต่มันก็เป็นเกมสั้นที่ต้องบอกว่าได้เสียงวิจารณ์ในแง่ดีเลยแหละ
คราวนี้มาถึง Astro Bot ที่ก็ยังมีทีมเดิมพัฒนาคือ Team ASOBI แล้วคราวนี้เขาก็มาขายแบบราคาเต็มเลย เข็นออกมาในราคาเกือบ 2000 ผมดูตัวอย่างก็งง ๆ ครับว่าทำไมเขามั่นใจขนาดนั้นกับเกมแนวแพลตฟอร์มที่ทำออกดูก็รู้ว่ามาขายของ ขายจอย ขายเกมเรือธงต่าง ๆ ของ Sony ด้วย
แต่ปรากฏว่าหลังจากเล่นจนจบ ผมหายสงสัยเลย นี่เป็นอีกเกมที่พูดได้เลยว่าบันเทิงตั้งแต่ต้นยันช่วงเครดิตขึ้น และอาจจะเป็นเซอร์ไพรส์นิด ๆ ของเดือนนี้เลยก็ได้ จั่วหัวไว้ยังงี้เลยนะ
ทีนี้ถ้าเรามาดูในส่วนของการรีวิว ต้องบอกว่า Astro Bot มันไม่สามารถจะแยกส่วนเนื้อเรื่องออกมาเพื่อให้คะแนนเท่าพวกเกมเพลย์ได้ เนื้อเรื่องผมสรุปให้ได้เลยว่า ยานเพลย์ห้าของบ็อตพวกนี้ไปเจอมนุษย์ต่างดาวที่เป็นกุ๊ย แย่งชิงชิ้นส่วนสำคัญยานไป แล้วเราต้องไปรวบรวมพรรคพวกกับชิ้นส่วนยานกลับมา เพื่อไปสู้กับมัน ฟุลสต๊อป.
เพราะจุดขายเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น Astro Bot จะเน้นเกมเพลย์ที่มันต้องรีดเอาลูกเล่นของ Dualsense ออกมาให้เยอะที่สุด และขายแฟนเซอร์วิสติ่งเกม Sony ตลอดเวลา การรีวิวมันเลยต้องใช้ไม้บรรทัดที่ต่างจากเกมอื่นนะครับ
เกมเพลย์
ถ้าให้พูดโครงสร้างเกมเขาจะคล้ายกับ Kerby and The Forgotten Land ทรงมันจะแบบนั้นครับ เขาจะแบ่งเส้นทางในกาแลกซีออกเป็น 5 ส่วนหลัก ๆ แล้วในแต่ละกาแลกซีก็จะมีดาวเล็ก ๆ ให้เราเข้าไปเล่น ภารกิจหลักของเราก็คือไปช่วยพวกบ็อตในแต่ละดาวออกมาให้ได้ ตรงสุดทางดาวเกือบสุดท้ายก็จะมีชิ้นส่วนของยานเพลย์ห้าให้เราเก็บ แล้วก็พากลับไปที่จุดยานตก
ในแต่ละดาวเนี่ย เขาก็จะมีธีมของตัวเอง เช่น ดาวนี้เป็นดาวลาวา ดาวนี้เป็นดาวหิมะ ดาวนี้เป็นดาวน้ำพุร้อน ดาวนี้เป็นดาวที่เราต้องเล่นเป็นหนู ความดีงามของเลเวลดีไซน์แต่ละดาวคือ มันให้ความรู้สึกแปลกใหม่ตลอดเวลา การเข้าดาวใหม่ ๆ เหมือนเราได้เปลี่ยนรสชาติเกมเพลย์ใหม่ ๆ จุดนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับของวิเศษในหลายฉากด้วย คือพื้นฐานตัวละครเรามันก็มีท่าไม่เยอะหรอกครับ ก็ต่อยธรรมดา ชาร์จหมุนตัวต่อย กระโดดแล้วมีเลเซอร์ยิงจากเท้า แต่หลายฉากเขาจะให้ของวิเศษมาเช่น กระเป๋าน้องหมาที่ทำให้เราพุ่งได้ นวมคู่ เกราะเหล็ก กระเป๋า VR หยุดเวลา กระเป๋าสูบลมทำให้ตัวเราลอยสูงได้ หลายคนฟังแล้วอาจจะ โห ธรรมดา เกมไหนก็ทำได้รึเปล่า?
แต่ความครีเอตมันมาจากเราเอาพลังพิเศษพวกนี้ไปทำอะไรได้บ้าง ถ้ากระเป๋าสูบลมแล้วตัวลอยอย่างเดียวมันก็จบแค่นั้น แต่ในเกมนี้กระเป๋าสูบลมเราเอาไปเสียบจุกยางเป่าลมให้เป็นฐานได้ เอาไปเสียบใส่ปากศัตรูเป่าลมจนตัวมันระเบิด เพราะฉะนั้นงานออกแบบฉาก ออกแบบศัตรู ออกแบบพลังของตัวละคร พอเขาเอามาร้อยเรียงกันโดยเอาประสบการณ์ผู้เล่นตั้งเป็นโจทย์ ดาวดวงนึงในเกมมันเลยมีความสมบูรณ์และมีเอกลักษณ์ในตัวเอง
และสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือ บอสไฟต์ บอสเกมนี้ถือว่าเยอะพอสมควร แล้วแต่ละตัวออกแบบมาไม่ดูถูกสติปัญญาผู้เล่น นำเสนอดี ครีเอตเยี่ยม ใช้วิธีรับมือต่างกันหมดเลย
Dualsense
ต่อไปพอพูดถึง Dualsense ผมว่ามันคือพระเอกอีกคนของเกมนี้เลยนะ อย่างที่บอกไปครับ มันคือเกมโชว์เคสลูกเล่นของมัน เอาเข้าจริงความเป็นนวัตกรรมของจอยนี้ ผมพูดความประทับใจไปในหลายรีวิวเลยนะครับ โดยเฉพาะเกมเอ็กซ์คลูซีฟของ Sony อย่าง Ratchet and Clank หรือ Returnal ที่มันเป็นเกมเน้นยิง Dualsense ก็จะมีบทเยอะ กระสุนต่างชนิดกันก็เสียงต่างกัน แรงสั่นต่างกัน ผมว่ามันก็พิสูจน์ความสุดยอดของมันแล้วนะ พอมาเจอ Astro Bot โอ้โห ไอ้สองเกมนั้น หลบ คือไม่ใช่สองเกมนั้นปรับใช้ลูกเล่น Dualsense ไม่ดีนะ มันดีมากแล้ว แต่เกมนี้ดีกว่า การวิ่ง การขับยาน การตีวัตถุสิ่งของ มันได้ฟีลของน้ำหนัก ได้ฟีลของเสียงจริง ๆ แล้วฟังก์ชันนึงที่ผมลืมไปแล้วนะ แต่เขาเอามาให้เล่นในเกมก็คือไอ้การเป่าจอย Dualsense แล้วทำให้วัตถุอย่างกังหันมันหมุน พูดง่าย ๆ ขายหมดทุกอย่างจริง ๆ
ช่วงโชว์ของมันยังไม่จบแค่นั้น คือตอนที่เราได้ชิ้นส่วนยานเพลย์ 5 กลับมาแล้ว หน้าที่ต่อไปของเราก็คือต้องซ่อม คราวนี้เขาให้เรารับบทเป็นช่างเลยครับ เปิดโต๊ะมาเลย เอาชิ้นส่วนวางแล้วเล่นมินิเกมซ่อมชิ้นส่วน มีการเอาตะปูตอก เอาชิปใส่ทีละชิ้น การจับยัดใส่ยานเพลย์ 5 พวกนี้ใช้ลูกเล่น Dualsense แทบจะหมดเลย
ทีนี้ก็คงจะต้องมีคำถามนี้แน่นอนว่า “เอ่อ ผมไม่อินกับลูกเล่น Dualsense ผมซื้อเกมมาผมก็อยากเล่นแบบธรรมดา ๆ มาควงจอย เป่าจอย หมุนไปหมุนมาแบบนี้ไม่อิน” ไม่เป็นไรเลยครับ เพราะเกมมันมีตัวเลือกให้คุณสามารถใช้อนาล็อกซ้ายแทนเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวแทน ไม่ต้องเอียงจอยไปมาก็ได้ครับ
ทั้งหมดนี้ตอนเล่นผมรู้ตัวนะว่ามึงขายของหมดเลยหนิ แต่มันขายแล้วทำไมมันดูดีจัง มันขายแล้วไม่รู้สึกรำคาญ รู้สึกคล้อยตาม รู้สึกว่าไอ้สิ่งที่เราถือนี่มันช่างมีค่ามีราคาเหลือเกินนะครับ
แฟนเซอร์วิส
ต่อไปมาพูดถึงพลังแฟนเซอร์วิสกันบ้าง อย่างที่บอกไปครับภารกิจหลักเราคือไปตามช่วยบ็อตตัวอื่น ๆ แต่บ็อตพวกนั้นก็จะมาในรูปของตัวละครที่เด็กหนวด ติ่ง Sony คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ยิ่งถ้าคุณเป็นทั้งสองอย่างมันให้ฟีลได้กลับไปเจอหน้าเพื่อนเก่าเหมือนกันนะประมาณว่า “โห ไอ้นี่มันลุงงูนี่หว่า ไอ้นั่นก็ไซโคแมนติส ไอ้นี่ก็ลาร่า” ถึงตอนนี้ตัวละครหลายตัวก็มีเส้นทางชีวิตแตกต่างกันออกไปแล้ว แต่พวกเขากลับมาจอยมาช่วยกันทำงานในเกมนี้ได้อีกครั้ง
แต่ถ้ามาเป็นแค่บ็อตคอสเพลย์ยืนเฉย ๆ มันก็ดูธรรมดาใช่มั้ยครับ เพราะฉะนั้นเกมจะมีจุดที่เป็นห้องกาชา ที่คุณสามารถเอาเหรียญทองที่เก็บได้ตามฉากไปหมุนสุ่มเอาไอเท็มได้ นอกจากพวกของแต่งสีของยานแล้ว ความพิเศษก็คือมันจะมีไอเท็มที่เป็นเฉพาะของตัวละครเกมนั้น ๆ ด้วย เช่น คุณเปิดมาเจอเครื่องพิมพ์ดีดคุณรู้เรื่องเลยว่าของใคร เปิดมาเจอหน้ากากหมอผี เปิดมาเจอดาบ เปิดมาเจอทีเร็กซ์ แล้วไอ้ของพวกนี้สุดท้ายมันก็จะไปอยู่กับตัวละครทั่วฉากที่ยานตก เราก็จะได้เห็นตัวละครในเกมดังทำแอ็กชันน่ารัก ๆ แบบที่เห็นไป
และมันยังไม่จบแค่นั้นครับ พลังแฟนเซอร์วิสที่แท้จริงคือการที่เราจะได้เจอกับบรรดาตัวละครเกมเอ็กซ์คลูซีฟของ Sony และไม่ใช่การเจอแบบธรรมดา เพราะเราจะได้อาวุธของพวกเขามาใช้เล่นในดาวดวงนึงที่ออกแบบมาสำหรับเกมเกมนั้นเลย จุดนี้ผมพูดอะไรมากไม่ได้นะ เพราะมันถือว่าก็สปอยล์อยู่ แต่เอาจริง ๆ นะ ต่อให้ผมไม่พูด พวกคุณก็รู้กันแล้วรึเปล่าว่าเราจะได้ไปเจอใคร พวกพี่เล่นยืนเด่นบนหน้าปกเกมขนาดนั้น
อีกเรื่องคือการให้ความสำคัญกับรายละเอียดแม้ว่ามันจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม เช่น บอสที่มันปล่อยเม่นทะเล (ไม่รู้ว่าเรียกถูกรึเปล่า) ที่มันรูปร่างคล้ายลูกบอลหนามกลิ้งใส่เรา แล้วมันทิ้งรอยรูหนามไว้บนพื้นทราย เสียงวัตถุต่าง ๆ ในฉาก เช่น การเลื่อยน้ำแข็งออก มันสะท้อนไปถึงความใส่ใจในการทำ Sound ประกอบเกม พอพูดถึงเรื่องเสียง ก็ต้องบอกว่า Soundtrack เกมนี้ก็อยู่ในขั้นดีมากเหมือนกันครับ แต่ละดาวมีเพลงประกอบติดหู โดยเฉพาะดาวที่เราได้พลังของตัวละครฮีโร่เกมเอ็กซ์คลูซีฟของ Sony เขาก็มีการเอาเพลงของเกมนั้นมาปรุงใหม่ให้เขากับโลกของแอสโตรบ็อตด้วย
เป็นประสบการณ์เล่นเกมตั้งแต่ต้นยันจบที่มันเต็มอิ่ม ยิ่งฉากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี่ โอ้โห ถ้ามีคนถามว่าทำเกมอวยค่ายตัวเองให้ดูดีทำยังไง นี่แหละ มึงต้องเบอร์นี้ เล่นใหญ่แบบนี้เท่านั้น
จุดติดขัดเล็กน้อย
อวยไปขนาดนั้นแล้ว มาฟังสิ่งที่มันไม่ค่อยรื่นหูกันบ้างดีกว่า ในแง่เกมเพลย์ถ้าจะมีจุดที่มันติดนิดหน่อย ก็ตรงที่ตัวเราไม่มีค่าพลังชีวิต ศัตรูตีครั้งเดียวตาย เขาจะทดแทนให้ด้วยการใส่จุดเช็กพอยต์มาให้ค่อนข้างเยอะ สั้นยาวไม่เท่ากัน จะตายเยอะแค่ไหนก็ได้ แค่บางจุดผมรู้สึกว่ามันพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เอง ทำไมต้องถีบเรากลับไปเช็กพอยต์ขนาดนั้น แล้วมันทำให้อารมณ์มันขาดช่วง ถ้ามีหัวใจให้หน่อยสัก 2 ดวง แล้วไม่ต้องให้อัปเกรดเพิ่มก็ได้ ผมว่าเกมจะมีความสมูธมากขึ้น ดีตรงที่ฉากสู้บอสเขายังให้หัวใจเรามานะครับ
อีกเรื่องที่ต้องคิดก็คือราคาเกมนี้อยู่ที่ประมาณเกือบสองพันเท่าที่ผมเช็กมานะ แล้วผมเล่นจบแบบเน้นภารกิจหลักใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง มันค่อนข้างคาบลูกคาบดอกเพราะบางคนอย่างผมถ้าเสียพันเก้ากับเกมที่คุณภาพงานออกแบบเกมเพลย์ กราฟิก และการนำเสนอระดับนี้ ถึงแม้ Replay Value มันจะต่ำ มันก็ยังสมเหตุสมผล แต่ก็เข้าใจได้ว่าอาจจะมีหลายคนที่ยังติดอยู่ว่าเกมมันควรจะยาวมากกว่านี้ ก็ไม่ว่ากันครับ ถือว่านี่เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเฉย ๆ
แล้วก็อย่างที่บอกไปครับ ด้วยความที่มันเป็นเกมเน้นขายพลังแฟนเซอร์วิสด้วย ก็จะมีคำถามตามมาว่าถ้าเป็นคนไม่จอยกับสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่ติ่งเกมพวกนี้เลย ไม่ใช่ติ่งเกม Sony ด้วย ซื้อดีมั้ย? ผมก็ลองถอดจิตดูครับเอาความเป็นติ่ง ความแฟนบอยอะไรวางลงก่อน จินตนาการดูว่าถ้าเป็นคนธรรมดาที่มีเครื่องเพลย์ 5 แล้วกำเงินประมาณสองพันในมือ อยากหาเกมสนุก ๆ เล่นเฉย ๆ อันนี้ต้องถามตัวเองว่าชอบแนวเกมที่มันเน้นแพลตฟอร์มนิด ๆ มั้ย ชอบเกมผจญภัยที่มันไม่ซีเรียสเนื้อเรื่องมั้ย เล่นจบแล้วแล้วอาจจะจบเลย ถ้ารับได้ก็จัดเลยครับ
เพราะฉะนั้นผมขอเคาะคะแนนให้แอสโตรบ็อต ที่ 8.5 + ครับ 8.5 นี่คือคะแนนที่ผมมโนแบบคนที่ไม่อิน Dualsense ไม่อินพวกแฟนเซอร์วิสอะไรแบบนี้เลยนะ ส่วน + ก็คือต้องดูว่าคุณมีความเป็นติ่งเกมโดยเฉพาะเกม Sony มากแค่ไหน ยิ่งมีมากยิ่งบวกมาก อย่างผมเนี่ยถ้าเอาความติ่งมาสิง ผมให้ 9 คะแนนนะ อย่างที่บอกครับว่ามันเป็นเกมที่ใช้ไม้บรรทัดมาวัดแบบเกมทั่วไปยาก จุดขายมันมีความเฉพาะตัว
เพราะงั้นสรุปนะครับแอสโตรบ็อตมันทำให้ผมรู้สึกว่านี่กูมาสนุกอะไรกับเกมโชว์เคสขายของได้ขนาดนี้ แล้วมันก็ยกระดับซีรีส์นี้ให้เป็นเกมของตัวเองได้ มันอาจจะยังไม่ถึงขั้นเป็นเกมเรือธงแบบ God of War, Uncharted อะไรแบบนี้ ด้วยข้อจำกัดที่ว่าแอสโตรบ็อตเป็นเกมที่เขาต้องใช้การอ้างอิงกับเกมอื่น โดยเฉพาะเกมของ Sony เยอะ เกมมันเลยยังแยกออกมาเป็นเอกเทศน์ของตัวเองไม่ได้ แต่ผมเห็นนะว่าเขาพยายามดันไอ้หุ่นตาฟ้าให้ยืนได้ด้วยตัวเองจริง ๆ ถ้าเป้าหมายของทีมพัฒนาคือแบบนั้นแอสโตรบ็อตก็นับเป็นก้าวแรกที่ประสบความสำเร็จไปแล้วนะครับ
จุดเด่น
- งานเลเวลดีไซน์ที่ให้รสชาติแตกต่างกันทุกดาว ทำให้แต่ละดาวมีเอกลักษณ์ของตัวเอง
- รีดพลังของ Dualsense แบบไม่ทำให้เล่นแล้วรู้สึกฝืน แต่รู้สึกว่ามันเจ๋งมาก
- พลังแฟนเซอร์วิสเต็มเปี่ยม
- งานกราฟิกและเพลงประกอบเข้าขั้นยอดเยี่ยม
จุดด้อย
- ตัวละครโดนตีทีเดียวตาย อาจสร้างความรำคาญนิดหน่อย