*ขอขอบคุณ Softsource Publishing สำหรับโค้ดรีวิวมา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นบน PlayStation 5
เกม Mizuchi นี้ ถ้าจะให้อธิบายแบบรวบรัดเข้าใจง่ายก็คือเป็นเกมวิชวลโนเวลที่หลาย ๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันดีนั่นล่ะครับ ตัวเกมนำเสนอในลักษณะที่คนเล่นจะต้องเน้นอ่านเรื่องราวเป็นหลัก โดยที่จะมีภาพวาดประกอบเนื้อหาเป็นช่วง และในฉากสำคัญก็จะมีภาพวาดพิเศษให้ได้ชมกันนั่นเอง
เนื้อเรื่อง
เนื้อหาของ Mizuchi นั้นจะได้แรงบันดาลใจมาจากตำนานพื้นบ้านของจีนนั่นคือนางพญางูขาว ซึ่งถ้าใครเคยผ่านหูผ่านตา เคยอ่าน หรือเคยชมหนังคนแสดงที่ดัดแปลงมาก็น่าจะพอจำกันได้ว่าเรื่องราวจะเกี่ยวกับชายหนุ่มมนุษย์สวี่เซียน ที่ได้พบรักกับหญิงสาวไป๋ซู่เจิน ที่แท้จริงแล้วนางเป็นเหยาก้วยงูขาวซึ่งบำเพ็ญตบะมานับพันปีจำแลงกายมา แต่แล้วก็จะมีหลวงจีนฟาไห่ที่มองว่าความสัมพันธ์นี้มันเป็นความสัมพันธ์ต้องห้าม จึงพยายามที่จะผนึกนางพญางูขาวเอาไว้
เรื่องราวของต้นฉบับก็จะเป็นดังที่ว่าไป ด้วยเหตุนี้เซ็ตติ้งของเกมนี้ก็เลยจะมีอะไรที่มันคล้าย ๆ กันแต่ไม่ใช่การหยิบเอาตำนานพื้นบ้านมาใช้กันแบบเป๊ะ ๆ หนึ่งต่อหนึ่งเลย เกมยังคงนำเสนอเรื่องราวในแบบของตนเองอยู่ โดยมีองค์ประกอบสำคัญคือตัวละครที่มีบทบาทลักษณะใกล้เคียงตำนานพื้นบ้านครับ เพราะตัวละครเอกของเกมคือหญิงสาวที่ชื่อหลิน ซึ่งเธอได้ไปให้อาหารแก่งูขาวที่บาดเจ็บ ก่อนที่จะมีเหตุเข้าใจผิดให้เธอโดนชาวบ้านจับไปขังในบ่องู จากนั้นงูขาวชื่อว่าไอจะเผยตัวตนที่แท้จริงแล้วช่วยเธอเอาไว้ แล้วเรื่องราวก็ยิ่งวุ่นวายหลังจากที่จินไห่ซึ่งเป็นนักบวชหญิงได้มาพบเข้าและหวังจะปลดหล่อยหลินให้เป็นอิสระ
สิ่งที่ต่างไปจากต้นฉบับแบบชัดเจนเลยก็คือ เกมนี้นำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างหญิงและหญิงทั้งเกม ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกเนื้อหารูตของไอหรือของจินไห่ เกมนี้ก็มีจุดขายสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสื่อบันเทิงสาย Yuri ครับ ซึ่งในแง่ของบทที่เขียนมาผมก็คิดว่าอ่านได้เพลิน ๆ พอน่ารัก ๆ ไม่ได้มีการนำเสนออะไรที่มันจะเกินขอบเขตไปจนกลายเป็นเกมติดเรตครับ
เนื้อหาเกมค่อนข้างนำเสนอความหลากหลายด้านวัฒนธรรมแบบเบา ๆ เพราะแม้เกมจะไม่ได้บอกยุคสมัยหรือสถานที่ชัดเจน แต่ก็มีการกล่าวถึงหรืออ้างอิงวัฒนธรรมเวียดนาม จีนและญี่ปุ่นให้ได้เห็นกันในเกมผ่านบทสนทนาหรือภาพวาดประกอบครับ
ถ้าจะพูดในแง่เนื้อหาโดยรวมผมก็คิดว่ามันพอเล่นได้เพลิน ๆ อยู่แต่อาจจะไม่ได้มีอะไรหวือหวาหรือเป็นจุดพีคให้จดจำเยอะขนาดนั้น และด้วยความที่เป็นวิชวลโนเวลก็เลยต้องอ่านเยอะมากทั้งเกม หากใครภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงก็ลำบากแน่นอนครับ
เกมเพลย์
ในส่วนนี้เป็นอะไรที่ไม่ได้มีอะไรให้พูดถึงมากนัก เพราะทั้งเกมคุณจะใช้เวลากดอ่านข้อความเพื่อดำเนินเรื่องราวต่อไป และถึงจุดหนึ่งก็จะมีตัวเลือกให้คุณตัดสินใจว่าเรื่องราวจะเดินไปในทิศทางไหน เพียงแค่ว่าตัวเลือกแต่ละรอบจะจำกัดแค่สองตัวเลือกเท่านั้นเอง
จุดหนึ่งที่ผมคิดว่าเป็นข้อจำกัดของเกมก็คือการที่ตัวเลือกมีน้อยในแต่ละรอบนี่ล่ะครับ และบางครั้งตัวเลือกก็ให้ผลลัพธ์ของฉากต่อไปที่ไม่ได้ต่างกันเท่าไรนัก แล้วที่สำคัญคือเซ็ตติ้งหลัก ๆ ของทั้งเกมจะวนเวียนอยู่แค่ในบริเวณบ้านที่ตัวละครหลักทั้งสามจะใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ได้มีตัวเลือกให้เราเลือกไปยังสถานที่ไหน ๆ ได้อย่างอิสระเพื่อหาอีเวนต์หรือทำกิจกรรมอะไรได้ ตลอดทั้งเกมคือการกดอ่านแล้วก็เลือกคำตอบ ไม่ได้มีความหลากหลายด้านเกมเพลย์อะไรมากนัก เนื้อหาจะเดินไปแบบ on rail เรื่อย ๆ จนจบเกม
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่าเป็นข้อขัดข้องในการเล่นอยู่เหมือนกัน คือเกมนี้ไม่มี story chart ให้ดูครับว่าการเลือกคำตอบไหนจะพาเนื้อหาไปในทิศทางใด ด้วยเหตุนี้การจะหาวิธีเลือกให้ได้ฉากจบครบ 5 แบบนี่เป็นอะไรที่ยากมาก เพราะไม่รู้เลยว่าต้องเลือกตอบแบบไหนถึงจะได้ฉากจบที่ต้องการ ต้องเน้นลองผิดลองถูกอย่างเดียว ซึ่งมันก็จะวกกลับไปประเด็นที่ผมพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าบางทีตัวเลือกก็ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ต่างกัน เลยไม่รู้ว่าตัวเลือกไหนคือตัวเลือกสำคัญที่จะส่งผลต่อเนื้อหาและฉากจบครับ
ทั้งนี้ Mizuchi ใช้เวลาในการเล่นรอบแรกไม่นานมากนัก ผมคิดว่าราว 4-5 ชั่วโมงก็จบได้ และรอบต่อ ๆ ไปก็จะเร็วขึ้นเพราะคุณกดเร่งข้อความที่เคยอ่านแล้วได้หมด
กราฟิก
ในส่วนของงานภาพนั้น ผมคิดว่าวาดออกมาได้ดูดีอยู่ ตัวละครหลักมีดีไซน์ที่สวยและน่ารักกันใช้ได้ตามพิมพ์นิยมของมังงะและอนิเมครับ ไม่ได้มีตัวไหนที่ดีไซน์ออกมาแล้วรู้สึกว่ามันล้นไปหรือขาดไป ทุกอย่างดูกำลังดี ภาพวาดฉากพิเศษก็มีให้ดูพอสมควรไม่มากไม่น้อยเกินไป แล้วก็ตามธรรมเนียมของเกมแนวนี้ที่พอคุณเห็นฉากไหนแล้วก็จะปลดล็อกมาให้เลือกดูซ้ำได้ในแกลเลอรีนั่นล่ะครับ
เพลงประกอบ
เพลงประกอบของเกมนี้เป็นอะไรที่พอฟังได้เพลิน ๆ ครับ แต่ไม่มี OST ไหนที่ติดหูหรือติดใจเป็นพิเศษ ถึงกระนั้นมันก็ทำหน้าที่เสริมคลอไปกับเรื่องราวได้ดีอยู่ ถ้าจะมีอะไรเสียดายนิดหน่อยก็คือว่าตัวเกมไม่มีเสียงพากย์เลยแม้แต่ในฉากสำคัญ แต่ประเด็นนี้ก็พอเข้าใจได้เพราะจำนวนข้อความทั้งเกมนั้นก็มหาศาลเอาเรื่องอยู่ ถ้าใส่เสียงพากย์มาด้วยก็น่าจะงานใหญ่สำหรับสตูดิโอขนาดเล็กครับ
สรุป
Mizuchi นั้นเป็นเกมที่เรียกได้ว่าค่อนข้างเฉพาะทางมากระดับหนึ่ง ด้วยรูปแบบของเกมที่เป็นวิชวลโนเวลอยู่แล้วและนำเสนอในธีม Yuri แบบชัดเจน ถ้าคุณไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการที่เกมเป็นวิชวลโนเวลที่โดยพื้นฐานก็ไม่ค่อยมีระบบอะไรมากนักอยู่แล้วล่ะก็ Mizuchi ก็เป็นเกมที่พอเล่นได้ แต่อาจไม่ได้มีเนื้อมีหนังอะไรมากในฐานะเกมครับ