News Reviews

รีวิว Doom: The Dark Ages

by Reviewer Ocelot

รีวิว Doom: The Dark Ages

รีวิว Doom: The Dark Ages

ขอขอบคุณ Bethesda Softworks สำหรับโค้ดรีวิวมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

**รีวิวนี้เล่นบน PC โดยสเปคที่ใช้เล่นคือ

  • Processor: Intel(R) Core(TM) i7-10700 CPU @ 2.90GHz 2.90 GHz
  • Ram: 32.0 GB
  • RTX 3070

ผมจะรีวิวเกมนี้ 3 ส่วน ตามที่คุณ Hugo Martin บอกว่าเป็นภาคนี้จะเน้น 3 เสาหลักของเกม คือ ระบบต่อสู้ การสำรวจ และเนื้อเรื่อง

เนื้อเรื่อง

ผมขอเริ่มจากส่วนที่อ่อนที่สุดจาก 3 เสาหลักก็คือ เนื้อเรื่อง เซตติ้งของภาคนี้จะมาก่อนภาค 2016 มันคือเรื่องราวช่วงที่ Doom Slayer ได้มาเจอกับพวก Night Sentinels แล้วก็เกิดการต่อสู้กับกองทัพนรกที่มีเจ้าชาย Ahzrak เป็นผู้นำแล้วก็เป็นตัวร้ายหลักของภาคนี้

ความจริงการเลือกวัตถุดิบมาผูกเป็นเรื่องในภาคนี้น่าสนใจ โดยเฉพาะกับแฟน ๆ ดูม มันมีทั้งตัวละครแบบราชา Novik ที่โผล่มานิดหน่อยในภาค Eternal แล้วในภาคนี้โผล่มาแบบเต็ม ๆ แล้วแกจะทำหน้าที่หยอดแฟนเซอร์วิสที่ย้อนไปถึงภาค 2016

ส่วนฝั่งตัวร้าย ความน่าสนใจไม่ได้อยู่ที่มันเก่งหรือเปล่า มันเหมือนจะรู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันสู้ Doom Slayer ไม่ได้ ทำให้มันต้องหาวิธีการอื่น ทำให้ตัวร้ายอีกตัวอย่าง Witch แม่มดผ้าคลุมหัวมีบทขึ้นมา แล้วก็ความเชื่อมโยงไปสู่ภพของคธูลู หรือ Cosmic Realm เพราะคราวนี้เอาแค่นรกมันไม่อิ่มมืออิ่มตีนพี่ Doom Slayer ของเราแล้วครับ

ด้วยเซตติ้งยุคกลางแบบไซไฟ ตัวละคร โลกคอสมิก มันน่าสนใจในตัวมันเองอยู่แล้ว แต่ในแง่ของการเอาวัตถุดิบทั้งหมดมาร้อยเรียงให้เป็นเรื่องราวต่อกันจนจบเกม มันไม่ได้สมูธขนาดนั้น เพราะเกมมันมีงานออกแบบฉากมาให้เน้นการสำรวจ

ปัญหาก็คือช่วงที่เนื้อเรื่องมันดูเหมือนจะเร่งเร่า ดุเดือด แต่มันก็เปิดให้เราเดินสำรวจฉากไปได้เรื่อย ๆ มันเลยทำให้อารมณ์ของผมหลายครั้งมันหลุดมาจากสถานการณ์ที่มันเร่งรีบ

อีกปัญหาก็คือตั้งแต่ช่วงกลางเกมเป็นต้นไปก็คือช่วงที่เข้าไปในโลกคอสมิกจนใกล้จะจบเกม มันจะเป็นช่วงจังหวะปล่อยเกียร์ว่าง คือโฟกัสกับการที่เราผ่านด่านไปเรื่อย ๆ มันแทบจะไม่มีคัตซีน ไม่มีบททสนนทนาของตัวละคร

ในแง่นึงจังหวะการเล่าแบบนี้มันก็แปลก แต่อีกแง่หนึ่งมันก็พอจะเข้าใจได้ เพราะมันเป็นโลกที่ลี้ลับซึ่งเราไม่ได้รับรู้ความเป็นไปของตัวละครอื่น ๆ

ปัญหาที่ว่ามา มันเลยเหมือนทีมงานเฉือนเนื้อส่วนของ Story ไปให้กับส่วนของการต่อสู้แล้วก็การสำรวจเยอะ เนื้อเรื่องมันกลับมาเข้ารูปเข้ารอยแล้วก็เข้มข้นขึ้นในตอนช่วงท้ายที่จะเป็นการรวบตึงว่าฝั่งตัวร้ายมันจะเอาอะไรมาสู้

แล้วขอหยอดให้อยากรู้กันเล็กน้อยคือ เรารู้แล้วล่ะว่ามันจะมีโลกของคธูลู แต่ด่านท้าย ๆ ผมก็ไม่นึกว่า Doom Slayer มันจะไปไกลขนาดนั้น อันนี้คือเซอร์ไพรส์ในทางที่ดี รอไปเจอกันเองในเกมเต็ม

ส่วนของเนื้อเรื่องปัญหาหลัก ๆ ก็คือจังหวะการเล่าเรื่อง แล้วมันก็ตรงไปตรงมา ไม่ได้มีการหักมุมอะไรที่ท็อปฟอร์มอะไรขนาดนั้น

แต่ถ้าคุณอยากมาเล่นเกมนี้ด้วยความคาดหวังที่ว่า อยากดูพรี่ Doom Slayer กระทืบภูตผีปิศาจและตัวประหลาดที่แรงบันดาลใจมาจากจักรวาลของ Lovecraft คุณจะได้สิ่งนั้นแบบเต็ม ๆ ถึงขนาดว่าผมเล่นแล้วผมสงสารตัวร้ายเลยว่ามันจะเอาอะไรไปสู้ เพราะพรี่ดูมสเลเย่อตอนท้าย ๆ แกโหดมากนะครับ

และที่มาของความโหดนั้น ก็คือพลังในการต่อสู้ หรือระบบคอมแบต

การต่อสู้

จุดนี้ต้องถือเป็นความกล้าและฉลาดของทีมพัฒนา ถ้าเกมเพลย์ของเดิมเน้นการสู้ที่โลดโผน โชว์สกิลแดชไปมาแล้วมันดีมาก ๆ อยู่แล้ว การไปทำตามแนวทางเดิมเพื่อให้มันไปไกลยิ่งกว่าเก่าจะยากมาก สู้ฉีกออกมาเลยดีกว่า

Doom Slayer ภาคนี้ ก็จะมาในคอนเสป Stand and Fight ครับ การต่อสู้ระยะประชิดกับระยะไกลผมบอกได้เลยว่าเขาแบ่งบทได้แบบ 50 50 มันสมดุลมาก

เอาเรื่องโล่เลื่อย หรือ Shield Saw ก่อน ในพรีวิวผมบอกว่ามันเป็นพระเอกของภาคนี้ หลังเล่นเกมเต็มจนจบผมก็ยังยืนยันคำเดิมครับ เพราะ The Dark Ages เป็นเกมที่ยืนพื้นบนระบบป้องกันและแพรี่เต็มตัว มันจะเป็นสิ่งที่คุณต้องอยู่กับมันไปจนจบเกม

ถ้าคุณแพรี่การโจมตีระยะไกลได้มันก็จะสะท้อนกลับไปหาศัตรู ถ้าแพรี่ระประชิดก็จะทำให้เราไม่ได้รับบาดเจ็บและทำให้ศัตรูเสียหลัก ซึ่งในจังหวะพวกนี้มันจะเกิดโมเมนต์ที่ทุกอย่างมันสโลว์โมชันแปปนึง

ไม่ได้ใส่มาเพื่อสนองแค่ความสะใจ แต่สโลว์โมชันหลังจากแพรี่มันทำให้คุณใช้เวลาช่วงสั้น ๆ นั้นตัดสินใจว่าจะต่อคอมโบด้วยการตีใกล้หรือจะเปลี่ยนปืน

และที่มันโหดกว่านั้นก็คือ เกมนี้ชีลด์ซอว์สามารถเลือกใส่รูนได้ 4 รูนครับ หมายความว่าถ้าคุณแพรี่การโจมตีระยะไกลของศัตรูได้ รูนจะทำงานทำให้เกิดรอยแยกบนพื้นโจมตีศัตรูด้านหน้าทุกตัว เรียกดาบพุ่งเสียบศัตรู ปืนกลติดไหล่ก็มา หรือจะเรียกสายฟ้าลงมาช็อตศัตรูจนพวกมันยืนงงไปชั่วคราว

แล้วรูนพวกนี้อัปเกรดได้นะครับ ความแรงไม่ต้องพูดถึง ผมใช้รูนดาบ พอดาบมันพุ่งไปเสียบศัตรูด้านหน้า สะอาด หมดจด

ฟังก์ชันของ Shield Saw มันเลยมีลักษณะเหมือนจะเป็นการตั้งรับ แต่ความจริงมันแทบจะเป็นการโจมตีรูปแบบหนึ่ง การแพรี่ศัตรูทำให้เราได้เปรียบหลายอย่างมาก แล้วมันก็ยังมีบทบาทในเชิงการวางแผนด้วย เพราะเราสามารถปา Shield Saw ไปหยุดการเคลื่อนไหวศัตรูได้

ในเกมจริงคุณจะได้เจอกับศัตรูที่มันน่ารำคาญอย่าง Revenant ที่มันบินไปบินมาแล้วโจมตีแรง การปา Shield Saw ไปหยุดมันไว้ก่อนแล้วรีบเก็บมันซะ จะทำให้คุณเล่นง่ายขึ้นมาก

หรือจะใช้ปาใส่กองทัพปิศาจที่ตั้งโล่แล้วให้มันดรอปชิ้นส่วนเกราะมาให้เพื่อยื้อชีวิตก็ทำได้เหมือนกัน การใช้ Shield Saw พุ่งกระแทกศัตรูจากระยะไกลก็ต้องอาศัยการตัดสินใจที่รอบคอบระดับนึง ถ้าใช้ไม่ดีมันก็เหมือนคุณพุ่งเข้าไปกลางดงทีนศัตรูนั่นแหละ

Shield Saw มันเลยเป็นอาวุธที่ใช้สนุกมากสำหรับผม โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นสายชอบการแพรี่ ผมคิดว่าคุณจะตกหลุมรักมัน

ส่วนอาวุธรระยะประชิดในภาคนี้จะมีให้เลือกถึง 3 ชิ้นด้วยกัน หมัดกับเท้า ตุ้มเหล็ก แล้วก็ตะบอง Dreadmace แต่ละชิ้นแตกต่างกันยังไง?

หมัดจะเหมาะกับการฟาดหน้าพวกศัตรูเดี่ยว ๆ ยิ่งออกคอมโบมากยิ่งแรง ส่วนตุ้มเหล็กจะทุบพวกศัตรูใส่เกราะแรงมากแล้วสร้างแรงสะเทือนไปถึงศัตรูรอบข้างด้วย ตะบอง Dreadmace คืออาวุธระยะประชิดที่แรงที่สุด ฟาดทีหน้าสั่นทั้งจอ ถ้าไม่อึดจริงครั้งเดียวคืออตายหมด ไอ้ศัตรูที่อยู่รอบ ๆ ก็ตายด้วยเพราะรัศมีมันกว้างมาก ตีแล้วได้กระสุนปืนกลับมาครบ แต่ก็แลกมากับคูลดาวน์ที่นานที่สุดเหมือนกัน

เพราะฉะนั้นมันนก็อยู่ที่คุณจะเลือกใช้อะไร แล้วคุณจะเอามันมาคอมโบกับปืนไหน เพราะการตีประชิดมันทำให้ดรอปกระสุนดรอปเกราะเยอะ อาวุธพวกนี้และ Shield Saw จะทำให้คุณยืนแลกหมัดกับศัตรูโหด ๆ อย่าง Cyberdemon ได้เลย

ส่วนอีก 50% ที่เหลือของระบบต่อสู้จะเป็นอะไรไปไม่ได้ครับนอกจาก ปืน ปืนยังคงเป็นหัวใจสำคัญของดูมภาคนี้อยู่ครับ ในภาคนี้คุณจะมีปืนทั้งหมด 6 กระบอก แล้วมี 5 กระบอกที่สามารถสวิตช์โหมดได้ 2 แบบ ยกตัวอย่าง ปืนยิงตะปูตอกหมุดคุณก็สามารถเปลี่ยนไปใช้กระสุนที่ยิงได้ช้าลง แต่แดเมจเยอะมาก

สิ่งที่ผมชอบมากกับระบบปืนของภาคนี้ก็คือความเฉพาะตัวของปืนแต่ละแบบครับ อย่างปืนไฟฟ้ายิ่งคุณยิงนานมากเท่าไร มันยิ่งโจมตีแรงขึ้นเท่านั้น และถ้าคุณอัปเกรด เมื่อคุณปล่อยไกมันก็จะยิงระเบิดไฟฟ้าสะสมใส่ศัตรู

ถ้าคุณเปลี่ยนไปใช้อีกโหมดก็คือ Cycler อันนี้ก็ดีมากเพราะมันจะสร้างไฟฟ้าสถิตบนตัวศัตรู แล้วถ้าคุณฆ่ามันได้ไฟฟ้ามันจะช็อตศัตรูเป็นลูกโซ่

ส่วนการอัปเกรดปืน ความสามารถที่ได้มามันก็จะยิ่งขับเน้นความแตกต่างของปืนแต่ละแบบขึ้นไปอีก อย่างปืน Rocket Launcher ที่ตอนแรกผมนึกว่ามันจะใช้ได้แต่ยิงระยะไกลเพราะถ้ายิงใกล้เราเจ็บด้วย

แต่การอัปเกรดปืนนี้ทำให้เวลาเราแพรี่ศัตรูเราจะเข้าสู่สถานะ Cannibalism ก็คือคุณยิงอัดหน้าศัตรูแบบประชิด แล้วคุณไม่โดนแดเมจแถมได้เลือดเพิ่ม

หรือปืนตอกหมุด Impaler ที่ตอนแรกคุณอาจจะรู้สึกว่ามันช้าใครจะไปเล็งทัน มันก็มีอัปเกรดที่ทำให้เวลาคุณกดคลิกซ้ายค้าง ทำให้เข้าสู่โหมดสโลว์โมชัน ยิงสบายขึ้น ยิงแรงขึ้น

ปืนอย่าง Chain Shot ที่ยิงตุ้มเหล็กไปบดศัตรูก็เป็นปืนที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ถึงมันจะปืนกระบอกเดียวในเกมที่สลับกระสุนไม่ได้ แต่มันเหมือนการเอาตุ้มเหล็กมาติดปืนแล้วยิงออกไป สามารถกดชาร์จได้ ซึ่งแรงโคตร ๆ ตีใกล้ก็ได้ ตีไกลก็ได้ แต่ก็แลกมากับกระสุนที่มันอาจจะน้อยหน่อย

งานดีไซน์อาวุธผมมองว่าดีหมดเลย อย่างปืนตอกหมุดมันก็จะมีลงอักขระให้มันได้กลิ่นความเป็นยุคมืด ยุคเวทมนต์หน่อย ๆ ปืนบดกะโหลกก็ให้ความรู้สึกว่านี่มันคืออาวุธจากนรก เชนช็อตมันก็จะมีลวดลายสื่อถึงความเอเลียน ความเป็นอาวุธนอกโลกหรืออาวุธคอสมิก

ยังไม่รวมถึงอาวุธสุดยอดของเราที่มันเป็นหน้าไม้ครับ หน้าไม้นี่แหละสะท้อนความเป็นยุคกลางที่สุด แต่ก็แรงที่สุดเหมือนกัน แรงแค่ไหนเอาไว้ไปลองกันเอง

แล้วทั้งหมดนี้ถูกยกระดับขึ้นไปอีก ด้วยประสบการณ์งานเสียงครับ งานซาวด์ดีไซน์ของเกมนี้ ทำออกมาได้ดีถึงขั้นแบบหูเคลือบทอง ทั้งเสียงลั่นไก เสียงเอ็ฟเฟกต์ของกระสุนแต่ละแบบ

ยกตัวอย่างผมใช้ปืน Cycler ทำให้ศัตรูติดสถานะไฟฟ้าสถิต แล้วพอเอาลูกซองหนักยิงใส่ เสียงลูกซองอัดหน้าแล้วก็เสียงช็อตไฟฟ้าดังพร้อมกัน มันคือฟีลลิ่งของการได้บดขยี้กองทัพศัตรู ขนกันมาจากนรก เพื่อมาสยบต่อหน้าคลังแสงเดินได้อย่าง Doom Slayer

แต่จุดที่ต้องบอกก็คือว่า เวลาสู้ระยะประชิดแล้วมันมีเสียงจากหลายที่ เสียงยิงปืน เสียงแพรี่ ผมสังเกตว่าซาวด์มันขาด ๆ ไป อันนี้เป็นปัญหาทางเทคนิคที่ก็ต้องรอแก้กัน

เราเห็นพลังของฝั่ง Doom Slayer ไปแล้วว่าทำอะไรได้บ้าง แต่ฝั่งศัตรูเอาจริง ๆ ก็ไม่ได้กะโหลกกะลาครับ มันก็ต้องถูกอัปเกรดให้เก่งขึ้นด้วย ผมบอกได้เลยว่าสิ่งที่คุณได้เห็นจากตัวอย่างและพรีวิวที่ปล่อยออกมา มันเป็นศัตรูแค่ส่วนนึงครับ

ของจริงคุณจะได้เจอการกลับมาของ Revenant ที่คราวนี้มันสามารถเข้าโหมดวิญญาณไม่ให้เราโจมตีได้ชั่วคราว การกลับมาของ Arachnotron ที่ต้องบอกว่าผมโคตรเกลียดมันจริง ๆ เพราะป้อมปืนมันแรงมาก

แถมด้วยความที่ Doom Slayer มีความโหดร้ายสูง ศัตรูภาคนี้ก็จะมีการอัปเกรดด้วยการใส่เกราะเหล็ก อย่างพวก Hell Knight ใส่เกราะก็จะมาพร้ออมท่าโจมตีใหม่ ๆ อย่างการปาอาวุธ เพื่อให้เราต้องใช้สตินิดนึงในการสู้

แล้วมันจะมีพวกตัวที่เป็นอีกคลาสนึงก็คือ Leader พูดง่าย ๆ มันก็คือเป็นปิศาจที่ได้รับการเสริมพลัง มันจะมีเกราะลอยรอบตัว ซึ่งตอนแรกคุณจะทำอะไรมันไม่ได้เลย การจะตีมันได้คือการลดค่ากำลังใจ ด้วยการฆ่าปิศาจจนเกจด้านล่างมันลดจนหมดแล้วคุณถึงจะไปโจมตีใส่มันได้

ส่วนใหญ่พวกศัตรูระดับลีดเดอร์ ถ้าเราฆ่ามันได้เราจะควักหัวใจมันเอามาอัปเกรดเพิ่มเกราะ เพิ่มพลังชีวิต เพิ่มจำนวนกระสุนของปืนได้

จุดที่ผมชอบของศัตรูภาคนี้เลยก็คือ การโจมตีระยะไกลของพวกมันจะมีรูปแบบของตัวเอง ทำให้เวลาเราจะแพรี่มันก็ต้องมีการเคลื่อนไหว การกะจังหวะที่ไม่เหมือนกัน

และพอพูดถึงศัตรู The Dark Ages ไม่ยอมให้คุณหยุดอยู่แค่การกระทืบปิศาจ คราวนี้คุณจะได้เอา Shield Saw ไปไถหน้าพวกสิ่งมีชีวิตคอสมิกที่ออกมาจากโลกแฟนตาซีของ Lovecraft ด้วย

ศัตรูใหม่อย่าง Acolyte ไอ้นี่ผมยกให้เป็นตัวที่ผมเชื่อว่าคนเล่นจะเกลียดมัน เพราะมันจะใช้บาเรียป้องกันตัวเองไว้ บาเรียจะแตกก็ต่อเมื่อคุณทำลายร่างแยกของมันแล้ว ประเด็นคือทั้งสองร่างมันวาร์ปได้หมดและตีแรงทั้งคู่ ถ้าจะให้ลิสต์ว่าศัตรูตัวไหนในภาคนี้ที่สู้ลำบากที่สุด ผมยกให้มันเป็นตัวแรก ๆ เลย

และสำหรับคนที่สงสัยว่าภาคนี้ยังมี Glory Kill อยู่มั้ย มีครับ ในพรีวิวผมบอกว่าแอนิเมชันตอนฆ่าศัตรูมันถูกลดทอนให้เหลือแค่เตะ ต่อย แต่ความจริงมันสามารถทำแอนิเมชันฆ่าศัตรูแบบโหด ๆ ได้ เงื่อนไขเท่าที่ผมลองมา มันเหมือนกับคุณต้องไปกดท่าเผด็จศึกตอนอยู่สูงบนหัวศัตรู

บางทีกดกระโดดธรรมดายังกดไม่ติด แต่ถ้าวิ่งกระโดดมีสิทธิ์ติดท่าพวกนี้เยอะ หรือจะใช้ท่าเอาโล่พุ่งชนก็ติดเหมือนกันนะ ถ้าตอนนั้นเราพุ่งไปชนตรงเหนือหัวมันพอดี

เอาเข้าจริงแอนิเมชันตอน Glory Kill แบบกระโดดส่วนใหญ่มันก็คือการเอา Shield Saw ตัดคอ หรือกระโดดผ่าตัวขาดครึ่ง มันก็จะมีแค่ประมาณนี้ แต่ถ้าคุณปราบพวกศัตรูที่เป็น Leader มันก็จะมีท่าเผด็จศึกอีกแบบคือเราจะควักหัวใจของมันมาแล้วบีบอย่างที่บอกไป

สิ่งที่เพิ่มเข้ามาจะเรียกว่า Glory Strikes ศัตรูบางตัวถ้าเราโจมตีจนมันมึนเราสามารถใช้ท่านี้ได้ แต่ใช้แล้วมันจะยังไม่ตาย เช่น เรากดแล้วเราตีให้ไอ้ตัวที่มันขี่ Pinky ร่วงลงมา แต่ไอ้ Pinky มันยังสู้ต่อได้

เพราะฉะนั้นแอนิเมชันเผด็จศึกศัตรูแบบโหด ๆ ยังมีมั้ย ก็ต้องบอกว่ามี แค่มันต้องทำเงื่อนไข เท่าที่ลองมาก็คือต้องเอาตัวไปอยู่เหนือหัวศัตรูแล้วค่อยกด เท่าที่ลองมา

ส่วนของบอสไฟต์ถือว่าน้อยครับ แต่ทรงคุณค่าทุกไฟต์ กระโดดหลบ แพรี่กันฉ่ำ ซึ่งในรีวิวเขาห้ามเอามาโชว์นะครับ แต่บอกได้ว่าทำออกมาดีเลย

อาวุธที่หลากหลายถูกออกแบบมาเพื่อให้คุณตอบสนองกับศัตรูและสถานการณ์ที่มีความหลากหลายพอ ๆ กัน ถ้าคุณเจอ Hell Knight ในที่แคบ (ซึ่งภาคนี้คุณจะเจอบ่อยมาก) ก็ต้องยืนแลกหมัด เอากระสุนลูกซองให้มันกิน เจอพวกลิ่ววล้อเยอะ ๆ Shredder คือตัวเลือกการเก็บกวาดที่ดีที่สุด สะใจที่สุด

ถึงหน้าเกมมันเหมือนจะเป็นเกมยิงทั่วไปธรรมดา แล้วก็แค่เพิ่มระบบแพรี่ อัดปืนเข้าไปเยอะ ๆ แต่เมื่อได้จับจริง ผมเข้าใจเลยว่าทุกแง่มุมของเกมเพลย์มันผ่านการคิดมาแล้ว ทั้งฟังก์ชัน ดีไซน์ ส่วนของคอมแบตของ Doom Slayer ก็ไม่รู้จะไปหักอะไรน่ะครับ

ถ้าจะมีก็คือหุ่น Atlan กับมังกร ที่เขาโฆษณาเอาไว้ ใครที่คาดหวังว่าจะได้ขี่หุ่นขี่มังกรเยอะ ๆ ผมต้องบอกว่าถ้าเกมนี้มี 10 ส่วน ไอ้ขี่หุ่นกับขี่มังกรผมให้อย่างมากแค่ 3 ส่วน มันไม่ได้เยอะขนาดนั้น แต่โผล่มาทุกครั้งก็ตื่นตาตื่นใจ

ถึงจุดนี้คุณจะสังเกตว่าผมลืมพูดอะไรบางอย่างไปรึเปล่า นั่นก็คือการอัปเกรดอาวุธต้องใช้ทรัพยากรอะไรบ้าง ไม่ได้ลืมครับเพราะมันจะอยู่ในสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนั่นคือ

การสำรวจและเลเวลดีไซน์

การสำรวจเป็นสิ่งสำคัญมากนะครับ เพราะนอกจากคุณจะได้ของเล่น ได้ Codex สำหรับสายเนื้อเรื่องแล้ว การสำรวจจะทำให้คุณได้ทอง ได้ Ruby ได้หิน Wraithstone มาใช้อัปเกรดอาวุธให้ไปถึงขั้นสุดยอด เพราะฉะนั้นเกมมันจะกึ่งบังคับคุณเลยว่ายังไงคุณก็ต้องไปลัดเลาะ ไปหาหนทาง ไปแก้ปริศนา

งานเลเวลดีไซน์ในเกมนี้สิ่งที่คุณจะได้เจอส่วนใหญ่เลยก็คือมันจะเป็นพื้นที่กว้าง ๆ แล้วก็มีทางเชื่อมต่อกัน เพราะคอนเสปของภาคนี้คือเราต้องเดินหน้าชนศัตรูแป็นกองทัพ พื้นที่กว้างที่เป็นสมรภูมิมันก็จะเยอะ การต่อสู้แบบต้องอาศัยแพลตฟอร์มที่มันซับซ้อนมีกับดักมันก็จะไม่เยอะเท่าภาคก่อน แต่ไม่ใช่ว่าไม่มี

โชคดีที่ว่าส่วนของการสำรวจทีมงานเขาก็เอาอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะในส่วนของพัซเซิลที่มันถูกออกแบบมาให้ไม่ยากแล้วก็ไม่ง่าย สิ่งที่มันทำออกมามีรสชาติได้ขนาดนี้เพราะ Shield Saw มันช่วยเปิดความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในการสำรวจ เช่น การปาเพื่อดึงตัวเราไปพื้นที่ที่กระโดดไม่ถึง ใช้ปาเปิดกลไก ใช้กระแทกลังไปเป็นแท่น ผมถึงบอกว่ามันคือพระเอกของภาคนี้เลย

แล้วความพีคของงการสำรวจมันจะมาหลังจากที่คุณได้เข้าไปในโลกคอสมิกแล้ว พัสเซิลมันไม่ได้ยากขึ้นขนาดนั้น แต่มันจะเด่นที่การนำเสนอครับ เช่น เราเข้าไปจะเอาหีบทองแล้วมันให้เราเดินวน เดินวนเป็น 10 รอบก็อยู่ที่เดิม แต่พอหันหลังแล้วเดินย้อนกลับปุ๊บ อ้าว หีบทองมาเฉย

หรือมันจะมีห้องห้องนึงที่พอเราไปยืนตรงกลางตัวเราจะจมแล้วโผล่ลงมาจากเพดานของห้องเดิม ซึ่งการเล่นมุมกล้องอะไรแบบนี้ผมชอบมาก ไม่ใช่แค่ว่ามันสร้างสรรค์ แต่มันเข้ากับธีมที่มันเป็นโลกคอสมิก โลกที่มีความลี้ลับ มีบางอย่างที่อธิบายไม่ได้

แล้วระบบแผนที่ในเกมนี้มันค่อนข้างจะสปอยล์ผู้เล่นระดับนึงเลยนะ บอกหมดว่ามีพื้นที่ไหนยังไม่ได้สำรวจ เหมาะกับคนที่อาจจะไม่อยากเสียเวลาไปเดินหาแบบผม แต่ถ้าคุณรู้สึกว่ามันง่ายไป อยากจะลุยเอง หาเอง ก็ไม่ต้องเปิดส่วนของแผนที่ก็ได้ครับ เป็นทางเลือกอย่างนึง

เพราะฉะนั้นส่วนที่เป็นการค้นหา ที่เป็นเสาหลักอีกเสานึงของเกม ผมก็คิดเขาปั้นออกมาได้ดีเลย ปริศนาไม่น่าเบื่อ แต่มันชวนให้เราค้นหา

คราวนี้พูดถึงระดับความยากเกมกันบ้าง ต้องเล่าแบบนี้ครับว่า ผมเล่นเกมนี้ช่วงแรกผมเลือกความยากแบบ Ultra Violence แล้วพอไปถึงครึ่งเกมผมรู้สึกว่ามันง่ายไปหน่อย เพราะ Doom Slayer มันโหดมาก ผมเลยไปปรับเป็น Nightmare ช่วงกลางเกม ต้องบอกว่าหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ เลยครับ เพราะศัตรูใหม่ ๆ ช่วงกลางเกมมันยกระดับขึ้นไปเยอะ แต่ผมก็ทนเล่นจนจบด้วยความยากแบบ Nightmare นั่นแหละ

สิ่งที่จะบอกก็คือตัวเกมที่ผมเล่นจบไป ถ้าคุณเล่นดูมมาแบบเชี่ยว ๆ ชอบการแพรี่อยู่แล้ว ผมว่าเลือกแบบยาก ๆ ไปเลย เพราะถ้าเลือกแบบง่ายมันจะออกแนวเราไปบุลลี่อยู่ฝ่ายเดียว

แล้วมีคนถามเรื่องระดับความยากเข้ามา เกมนี้เซตติ้งความยากมันจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ก็คือฝั่งซ้ายที่มันจะมีหัวข้อเต็มเลย เขาจะเรียกว่าสไลเดอร์ก็คือคุณสามารถปรับได้เลย อยากให้ศัตรูดุแค่ไหน ตีแรงแค่ไหน อยากให้แพรี่ยากหรือง่ายปรับได้หมด

อีกส่วนก็คือ ระดับความยากที่เขาเซตค่ามาให้แล้วมันก็จะมี 4 ตัวเลือก Nightmare คือยากสุด ซึ่งมันก็ถูกกำหนดจากสไลเดอร์ส่วนแรกนั่นแหละ ถ้าถามลึกลงไปว่า สมมุติเลือกระดับง่ายสุดคือ Aspiring Slayer แต่ปรับสไลเดอร์ด้านซ้ายให้ยากทุกอย่าง ชื่อความยากจะเปลี่ยนมั้ย?

เปลี่ยนนะครับ แต่มันจะเปลี่ยนแค่เพิ่มดอกจัน เพราะฉะนั้นต่อให้คุณเลือกความยาก Nightmare แต่ถ้าคุณไปเลื่อนสไลเดอร์ให้เกมมันง่าย เกมมันก็จะง่ายนะครับ ชื่อมันก็จะเป็น Nightmare* อันนี้น่าจะเคลียร์

ว่ากันส่วนของประสิทธิภาพการแสดงผลบ้าง ด้วยสเปก PC และการ์ดจอที่ผมบอกไปตอนแรก ค่าตั้งต้นของเกมมันให้ผมแค่ HD ส่วนระดับกราฟิกให้เป็น High ก็คือสูง แต่ถ้าผมไปปรับ 2K มันกินแรมการ์ดจอเกินลิมิตครับ กินไปเยอะเลย แต่ถ้าผมเปิด DLSS ช่วย แล้วเลือกเป็น Balanced มันก็กลับมาอยู่ในระดับที่แรมการ์ดจอมันยังพอรับไหว

ผมก็ลองเล่นด้วยเซตติ้งนี้ ผลที่ได้ก็คือถ้าเดินไปมาตามฉากเฟรมวิ่งประมาณ 70 ถ้าตอนต่อสู้มันก็จะแถว 60 ครับ มีร่วงไปแตะ 50 บ้าง แต่ไม่ถึง 40 เอาเป็นว่าการแสดงผลของภาพก็ค่อนข้างตรงปกกับสิ่งที่เขาโปรโมทมา เล่นได้ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่พอเข้าฉากคัตซีนเฟรมร่วงหนักกว่าตอนสู้นะ

แล้วก็เวอร์ชันรีวิวนี้เขาให้ตัวไดรเวอร์การ์ดจอสำหรับเล่นเกมมาด้วย เพราะฉะนั้นก่อนเล่นก็อัปเกรดไดรเวอร์การ์ดจอกันก่อนเลย

ส่วนประสิทธิภาพด้านอื่น ๆ เกมแครชมั้ย? มีบั๊กมั้ย? บอกตามตรงเลยว่ามีครับ จากที่เล่นนมาผมเจอแครช 1 รอบ เจอบั๊กที่ทำให้เล่นเกมต่อไม่ได้ 1 รอบ แต่พอรีเซ็ตกลับไปที่เช็กพอยต์มันก็ไปต่อได้ เรื่องทางเทคนิคมันไม่ได้เยอะขนาดนั้น การ Optimize อยู่ในระดับที่ไม่น่าเกลียด

ถ้าให้ผมสรุป Doom The Dark Ages ผมก็จะบอกว่าเกมนี้ก็เหมือนกับตัวของ Doom Slayer ครับ เงียบ ๆ พูดน้อย ต่อยหนัก มันเป็นผลงานจากทีมสร้างที่เขารู้ตัวว่าเขาทำอะไรอยู่ เขาอยากฉีกรูปแบบการเล่นแบบเดิม ให้การเล่น Stand and Fight คือแกนหลัก แล้วพอเขายึดแกนนี้อย่างหนักแน่น มันเลยเป็นการผจญภัยและทำลายล้างที่ผมแฮปปี้มาก

ตัดคะแนนในส่วนเนื้อเรื่องและปัญหาทางเทคนิคออกไป ผมให้ Doom The Dark Ages  8.5 ครับ

The Review

85% ความมันที่คลาสสิกมีกลิ่นโมเดิร์น

85%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์