CD PROJEKT RED และ Epic Games ภูมิใจนำเสนอ The Witcher 4 Unreal Engine 5 Tech Demo ในงาน State of Unreal 2025!
ในงาน Unreal Fest 2025 ที่ผ่านมา CD PROJEKT RED ร่วมกับ Epic Games บนเวทีเพื่อนำเสนอเทคเดโมของ The Witcher 4 ใน Unreal Engine 5 (UE5) การนำเสนอเป็นไปในรูปแบบของ CDPR ซึ่งเทคเดโมนี้นำเสนอตัวเอกหลักของเกม Ciri ในระหว่างการรับงานล่ามอนสเตอร์และได้แสดงให้เห็นเทคโนโลยี UE5 อันล้ำสมัยและฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่จะมาเสริมพลังให้กับโลกของเกม
เทคเดโมดังกล่าวดำเนินเรื่องราวในแคว้น Kovir — ซึ่งจะมาเผยโฉมแรกให้เห็นในวิดีโอเกม The Witcher 4 ซึ่งพรีเซนเทชันดังกล่าวติดตามตัวเอกหลักอย่าง Ciri — พร้อมกับม้าคู่ใจของเธอ Kelpie — ที่เดินทางผ่านหุบเขาอันขรุขระและป่าทึบแห่ง Kovir ไปสู่เมืองท่าอันคราคร่ำไปด้วยผู้คนอย่าง Valdrest ในระหว่างทางนั้น CD PROJEKT RED และ Epic Games จะมาลงลึกว่าแต่ละฟีเจอร์ช่วยขับเคลื่อนเพอร์ฟอร์มานซ์ รวมถึงความคมชัดของภาพ และสร้างโลกของ The Witcher 4 ได้อย่างไร
รับชมพรีเซนเทชันทั้งหมดจาก Unreal Fest 2025 ได้ที่ LINK นี้
เดโมที่นำเสนอนั้นรันบน PlayStation 5 ที่ 60 เฟรมต่อวินาที และนำเสนอองค์ประกอบต่าง ๆ ของเอ็นจิ้นที่จะใช้ในโลกของ The Witcher 4, ซึ่งรวมถึง Unreal Animation Framework, การเรนเดอร์แบบ Nanite Foliage, เทคโนโลยี MetaHuman พร้อมด้วยระบบ Mass AI ของฝูงชน และอีกมากมาย เครื่องมือต่าง ๆ ที่นำเสนอถูกพัฒนา ทดสอบ และจะปล่อยให้ใช้งานแก่นักพัฒนา UE ทุกราย โดยเริ่มจาก Unreal Engine 5.6 ซึ่งจะช่วยให้สตูดิโออื่น ๆ สามารถสร้างสภาพแวดล้อมโอเพนเวิลด์ขนาดใหญ่ได้พร้อม 60 FPS โดยไม่ต้องเสียคุณภาพไป แม้ว่าจะมีขนาดใหญ่มากก็ตาม และแม้พรีเซนเทชันนี้จะรันบนเครื่อง PlayStation ก็ตาม แต่ฟีเจอร์และเทคโนโลยีจะรองรับทุกแพลตฟอร์มที่เกมวางจำหน่าย
Unreal Animation Framework จะให้การเคลื่อนไหวของตัวละครที่สมจริงในฉากอันวุ่นวาย ส่วน FastGeo Streaming, ที่พัฒนาร่วมกับ Epic Games จะช่วยให้สภาพแวดล้อมโหลดได้เร็วขึ้นและลื่นไหลขึ้น ในขณะที่ Nanite Foliage จะเติมป่าและสภาพพื้นที่ด้วยความละเอียดอันหนาแน่นโดยไม่ทำให้เพอร์ฟอร์มานซ์ตกลง ระบบ Mass จะรับมือกับฝูงชนขนาดใหญ่ที่มีพลวัตได้ง่ายดาย และ ML Deformer จะมาเสริมความสมจริงเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับการเคลื่อนไหวของตัวละคร แม้กระทั่งการขยับของมัดกล้ามเนื้อ
เมื่อกล่าวถึงเทคเดโม The Witcher 4 Unreal Engine 5 นั้น CEO ร่วมของ CD PROJEKT RED,
Michał Nowakowski กล่าวว่า:
“เราเริ่มความร่วมมือกับ Epic Games เพื่อผลักดันเทคโนโลยีของเกมโอเพนเวิลด์ต่อไปข้างหน้า การนำเสนอโฉมแรกของสิ่งที่เรากำลังสร้างโดยใช้ Unreal Engine ที่รันได้ 60 FPS บน PlayStation 5, ถือเป็นหมุดหมายที่สำคัญมาก — และเป็นสิ่งยืนยันถึงความร่วมมืออันยอดเยี่ยมระหว่างทีมของเรา แต่ยังไม่หมดแค่นี้ เพราะผมหวังว่าจะได้เห็นความก้าวหน้าและเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมขึ้นจากความร่วมมือนี้จากการพัฒนาของ The Witcher 4 บน Unreal Engine 5 ที่กำลังดำเนินต่อไปครับ”
Tim Sweeney, ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Epic Games กล่าวว่า:
“CD PROJEKT RED คือหนึ่งในสตูดิโอชั้นยอดของวงการในการทำเกมโอเพนเวิลด์ และเราก็ยินดีมากที่พวกเขามาร่วมมือกับเราในการผลักดัน Unreal Engine ต่อไปข้างหน้าด้วย The Witcher 4 พวกเขาคือพาร์ตเนอร์ที่เหมาะที่สุดในการช่วยเราให้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างโลกของเกมที่จะไปแบ่งปันได้กับนักพัฒนา Unreal Engine ทุกราย”
The Witcher IV คือเกมอาร์พีจีโอเพนเวิลด์ผู้เล่นคนเดียวจาก CD PROJEKT RED ในมหากาพย์ครั้งใหม่นี้ ผู้เล่นจะได้รับบทบาทเป็น Ciri และออกเดินทางไปในโลกดาร์กแฟนตาซี ด้วยขุมพลังของ Unreal Engine 5, นี่จะเป็นโลกโอเพนเวิลด์ที่ทะเยอทะยานที่สุดของเกม Witcher ในปัจจุบัน
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของ The Witcher IV, โปรดไปที่เว็บไซต์ทางการ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของซีรีส์ The Witcher สามารถดูได้ที่ official website, X, Bluesky, และ Facebook.