*ขอขอบคุณ Soft Source สำหรับโค้ดรีวิวมา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นบน PlayStation 5
Tormented Souls 2 นี้คือภาคต่อของเกมสยองขวัญเอาตัวรอดในมุมมองบุคคลที่สาม ที่เน้นนำเสนอรูปแบบการเล่นสไตล์คลาสสิกที่หลายท่านอาจเคยได้เล่นมาจาก Resident Evil ในช่วงแรก ๆ ก่อนที่จะกลายมาเป็นแอ็กชันเต็มตัวและบรรยากาศในสไตล์ของ Silent Hill ครับ ซึ่งผลงานชิ้นนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นผลงานเกมอินดี้จากทีมพัฒนาสัญชาติชิลีที่วางจำหน่ายห่างจากภาคแรก 4 ปี แล้วภาคนี้จะเป็นอย่างไร ผมจะมาเล่าให้ฟังครับ
เนื้อเรื่อง
สำหรับ Tormented Souls 2 นี้ ดำเนินเรื่องราวต่อเนื่องจากภาคแรก หลังจากที่ตัวเอกอย่าง Caroline Walker ที่สามารถช่วยเหลือน้องสาวฝาแฝดของตนออกมาได้จากเหตุการณ์ก่อนหน้า แต่น้องสาวของเธอ Anna กลับมีอาการประหลาดที่มักจะตกอยู่ในภวังค์ไม่รู้สึกตัว แต่มือขีดเขียนภาพวาดอันน่าขนลุก ซึ่งภาพเหล่านั้นก็มักจะกลายเป็นจริงขึ้นมา ด้วยความกังวลเธอจึงหาทางแก้ไข และได้รับคำบอกเล่าว่ามีสำนักชีแห่งเมือง Villa Hess ที่อาจจะให้การช่วยเหลือและบำบัดได้ แต่เมื่อทั้งสองไปถึงก็กลับพบว่าต้องเข้าไปพัวพันกับเหตุสยองครั้งใหม่อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ในแง่ของเนื้อเรื่องเกมนี้ ผมคิดว่าเนื้อหาเกมมันก็ดูน่าสนใจและน่าติดตามอยู่ระดับหนึ่งครับ อย่างน้อยในช่วงแรก ๆ มันก็ทำให้เราอยากรู้ว่าสรุปมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง คนหายไปไหนกันหมด แล้วตัวประหลาดพวกนี้มาได้ยังไง ฯลฯ อะไรแบบนั้น แต่ส่วนตัวผมคิดว่าพอเล่น ๆ ไปเหมือนทีมงานหยิบองค์ประกอบแง่เนื้อหาของเกมคลาสสิกมาขยำรวมกันมากเกินไป (ก็ Resident Evil กับ Silent Hill นั่นล่ะ) มันเลยออกมาแล้วรู้สึกแบบ “อะไรวะ?” ขึ้นมาบ่อย ๆ คือพอจะไสยศาสตร์ก็ดันไม่ทั้งหมด เพราะมีการพยายามอธิบายบางอย่างด้วยวิทยาศาสตร์ มันเลยอีรุงตุงนังแปลก ๆ ยิ่งไปช่วงท้ายเกมนี่มีทั้งการพูดถึงไวรัส มีการพูดถึงปีศาจต่างมิติ มีทั้งการย้อนเวลา มีโลกอีกด้าน ฯลฯ เต็มไปหมด
โดยรวมก็คือผมคิดว่าเนื้อหามันก็พอเล่นได้เพลิน ๆ นั่นล่ะครับ แต่ถ้าคุณพยายามคิดในแง่ความสมเหตุสมผลแล้วมันจะมีความเอ๊ะขึ้นมาหลายอย่างมากทันที เพียงแค่ว่าถ้ามองว่าเกมนี้เหมือนพวกหนังสยองขวัญเกรดบีที่เน้นความแหวะ เน้นบรรยากาศ เน้นความตุ้งแช่ ก็ถือว่าสอบผ่านอยู่ครับ
เกมเพลย์
สำหรับเกมเพลย์ของ Tormented Souls 2 นั้น อย่างที่บอกไปว่าเกมตั้งใจนำเสนอการเล่นแบบเกมสยองขวัญเอาตัวรอดคลาสสิก ซึ่งแรงบันดาลใจหลัก ๆ เลยก็ไม่พ้น Resident Evil ภาคแรก ๆ ผสมกับองค์ประกอบของ Silent Hill ซึ่งในส่วนนี้ผมจะขอแบ่งเป็นหัวข้อย่อยเพื่อความชัดเจนครับ
ระบบต่อสู้
ระบบการต่อสู้ของเกมนี้ จะเป็นการใช้อาวุธระยะไกลหรือระยะประชิดจัดการศัตรูที่ดาหน้ากันเข้ามาจ้องกินตับและไซ้ซอกคอของ Caroline ซึ่งก็ตามที่เดาได้นั่นล่ะครับ ว่าอาวุธระยะไกลก็จะต้องใช้กระสุนที่แตกต่างกันไปตามแต่ละชนิด ส่วนอาวุธประชิดก็ใช้ได้ไม่จำกัดแต่จะมีความเสี่ยงโดนเล่นงานสวนกลับง่ายกว่า โดยที่คุณก็สามารถติดตั้ง shortcut ให้กับของเหล่านี้ได้สูงสุด 4 ชิ้นด้วยกันเพื่อความสะดวก
การเล็งของเกมนี้จะเป็นกึ่งอัตโนมัติ คือคุณกดปุ่ม L2 เพื่อเล็ง แล้วเกมก็จะจับเป้าศัตรูตัวที่ใกล้ที่สุดให้ โดยระหว่างเล็งสามารถเดินไปมาเพื่อยิงได้ คุณไม่ต้องกดเล็งขึ้นบนหรือลงล่างเองในแบบ RE ภาคคลาสสิก มันเลยตัดปัญหาความยุ่งยากบางอย่างลงไปได้อยู่ และเมื่อศัตรูล้มนี่คุณมักต้องโจมตีซ้ำเพื่อให้พวกมันนิ่งสนิทคล้ายกับ Silent Hill หลาย ๆ ภาค แล้วก็แน่นอนว่าองค์ประกอบในแง่การบริหารทรัพยากรนี่คือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ เพราะกระสุนของเกมนี้มักจะให้มาแบบพอใช้ ดังนั้นวิธีประหยัดกระสุนที่ดีที่สุดก็คือการสลับไปใช้อาวุธประชิดฟาดศัตรูเมื่อพวกมันล้มนั่นเอง
ในส่วนของการต่อสู้กับบอสนั้น โดยส่วนใหญ่เกมจะมีกิมมิคเฉพาะของบอสแต่ละตัวที่เราจะต้องดำเนินการเพื่อเอาชนะครับ ไม่ได้มีแค่ถล่มพวกมันด้วยกระสุนหรือกระหน่ำฟาดด้วยชแลงแค่นั้น ดังนั้นการต่อสู้กับบอสนี่ก็จะมีลักษณะเป็นพัสเซิลเล็ก ๆ ในตัวเช่นกัน
สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าหลายคนน่าจะชอบก็คืออาวุธหลายชิ้นของเกมนี้สามารถที่จะอัปเกรดได้ ซึ่งของอัปเกรดก็มักจะอยู่ในจุดที่เป็นเส้นทางแบบ optional หรือก็คือไม่ได้บังคับไป แต่ถ้าคุณขยันซอกแซก ขยันสำรวจก็มักจะได้ของดีมาใช้นั่นล่ะครับ ที่สำคัญคือเกมนี้คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องช่องเก็บของ เพราะทุกอย่างที่เก็บได้จะติดตัวคุณไปตลอด ไม่จำเป็นต้องวิ่งหากล่องใส่ของเพื่อสลับไอเท็มที่จำเป็นต้องใช้ ไม่ว่าจะคีย์ไอเท็มเพื่อผ่านฉาก หรือบรรดาอาวุธและของฟื้นพลัง คุณสามารถวิ่งไถเก็บได้ไม่ต้องกังวลว่าของจะเต็ม
ถามว่ามีสิ่งที่เล่นแล้วรู้สึกอึดอัดไหม? ในแง่การต่อสู้นี่ผมคิดว่าการวิ่งแล้วติดวัตถุนี่ถือเป็นปัญหาระดับหนึ่งครับ คือด้วยความที่ตัวเกมเลือกใช้มุมกล้องตายตัวเหมือนดูผ่านกล้องวงจรปิด มันเลยจะทำให้เราไม่รู้ว่าด้านหน้ามันจะมีมุมเลี้ยวยังไง หรือมีอะไรวางขวางให้เราชน ยิ่งการต่อสู้ส่วนใหญ่ก็จะเกิดขึ้นในพื้นที่แคบ ๆ ด้วย มันเลยจะมีหลายครั้งที่ผมโดนตีฟรีแบบน่าหงุดหงิดไม่เบา
องค์ประกอบด้านแสงและเงาก็เป็นอีกหนึ่งที่ส่งผลด้านการต่อสู้ครับ ความมืดในเกมนี้เรียกได้ว่าอันตราย เพราะเกมใส่กลไกเข้ามาว่าหากคุณอยู่ในจุดที่ไม่มีแสงไฟมากเกินไปสุดท้ายคุณจะเกมโอเวอร์ ดังนั้นสิ่งที่คุณจะได้พกติดตัวไว้ตั้งแต่ต้นเกมก็คือไฟแช็คเอาไว้เพิ่มแสงสว่าง (รวมถึงใช้แก้ปริศนาหลายจุด) แต่ปัญหาก็คือพอคุณจุดไฟแช็คคุณจะใช้อาวุธไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ในจุดมืดนี่การสลับมาถืออาวุธก็เสี่ยงจะเกมโอเวอร์แทน หลายครั้งเกมเลยจะใส่ตำแหน่งที่เป็นเชิงเทียนให้คุณจุดไฟได้แทน เพื่อให้คุณมือว่างและใช้อาวุธสู้ได้ แต่มันก็เหมือนบีบคนเล่นกลาย ๆ ว่าจะต้องสู้ในพื้นที่จำกัดนั่นล่ะครับ และกว่าจะได้ไฟฉายที่จะช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้นก็ต้องไปช่วงกลางเกมเลยเหมือนกัน
อ้อ และมุกตุ้งแช่นี่มีหยอดเรื่อย ๆ มาทั้งเกมด้วยนะ ถ้าใครไม่ชอบของแบบนี้อาจต้องทำใจนิดนึง
การแก้ปริศนา
ผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ชมได้เต็มที่เลยก็คงไม่พ้นพวกปริศนาต่าง ๆ ในเกม ที่จุดนี้เรียกได้ว่ารับอิทธิพลมาจาก Silent Hill เต็ม ๆ เพราะว่าแทบจะทุกจุดที่ต้องแก้ปริศนานี่ต้องอาศัยดูคำใบ้จากสภาพแวดล้อมบ้าง หรืออ่านเอกสารบ้าง โดยคำเฉลยก็มักจะไม่บอกผู้เล่นตรง ๆ แต่ต้องอาศัยการสังเกตหรือตีความเพิ่มเติมอีกขยักหนึ่งเสมอ ๆ ที่ก็ท้าทายดีใช้ได้ แม้หลายครั้งจะรู้สึกว่ามันท้าทายเกินไปหน่อยเหมือนกัน ซึ่งบางครั้งผู้เล่นก็ต้องสำรวจไอเท็มที่มีเพื่อสลับหมุนสลัก หรือผสมไอเท็มเข้าด้วยกันเพื่อทำให้เป็นคีย์ไอเท็มที่สมบูรณ์อะไรในลักษณะนั้น
ดังนั้นในส่วนของการแก้ปริศนานี่ผมคิดว่าหยิบเอาองค์ประกอบและจุดเด่นของ Silent Hill มาใช้ได้ดีเลย หลายปริศนานี่ออกแบบมาได้ฉลาดมาก ยังไม่นับการที่หลายครั้งคุณอาจต้องสลับไปมาระหว่างโลกฝั่งปกติกับโลกอีกด้านที่เมื่อทำอะไรบางอย่างก็จะส่งผลต่อโลกฝั่งตรงข้ามอีกด้วย มันเลยเป็นอะไรที่สนุกไม่เบากับการสำรวจและหาคำตอบของปริศนาที่คุณกำลังเผชิญครับ
บั๊กทั้งน้อยทั้งใหญ่
สารภาพตามตรงว่าหัวข้อนี้เป็นตัวฉุดคะแนนของเกมในความคิดผมครับ เพราะ Tormented Souls 2 นี่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเกมที่ยังไม่พร้อมจะวางขายทางการ ยังขาดการขัดเกลาอีกพอสมควรเลย ตลอดการเล่นที่ผ่านมาผมเจอทั้งบั๊กเล็ก ๆ ไปจนถึงบั๊กใหญ่ ๆ ที่ทำให้เกมไปต่อไม่ได้มากมาย
มีครั้งหนึ่งที่ผมวิ่งไปมาแล้วเกิดการ “ตกฉาก” แบบที่กลับขึ้นมาไม่ได้ ทั้งที่เกมก็ไม่ได้มีระบบปีนป่ายหรือกระโดดอะไรด้วยซ้ำ แต่ดันหล่นทะลุพื้นหายไปได้แบบงง ๆ หรือครั้งหนึ่งที่ผมไปต่อไม่ได้ทั้งที่แก้ปริศนาได้แล้วเพราะก่อนหน้านั้นดันไปสำรวจวัตถุบางอย่างก่อน หรือแม้แต่พอเปิดเมนูไอเท็มขึ้นมาแล้วดันปิดไม่ได้ เพราะตอนเปิดมันดันมีมินิคัตซีนพอดี สุดท้ายเลยต้องโหลดเซฟเก่า อะไรพวกนี้มันคือสิ่งที่สร้างความรำคาญใจให้พอสมควรครับ ผมก็ได้แต่หวังว่าทีมงานจะออกแพตช์แก้ไขบั๊กเหล่านี้ในเร็ววันครับ
กราฟิกและการนำเสนอ
ในส่วนของกราฟิก ก็ต้องบอกว่าแสงเงาและการนำเสนอรวมถึงอาร์ตดีไซน์นี่ทำออกมาได้ดูดีนะครับ แสงจากไฟแช็คและแสงจากไฟฉายก็มีการนำเสนอในลักษณะที่ต่างกัน พวกฉากโลกอีกด้านที่มีแต่ของแหวะ ๆ นี่มันก็ชวนขยะแขยงจริง และความหลากหลายในแง่สภาพแวดล้อมของสถานที่ต่าง ๆ ในเกมนี่ก็ถือว่าใช้ได้ ส่วนของโบสถ์ทำออกมาได้สวยงามดี ห้างสรรพสินค้าที่รกร้างก็ให้บรรยากาศวังเวง หรือโรงเรียนที่ก็ดูจะมีอะไรซ่อนตัวอยู่ในทุกห้องและทุกหัวมุม ดีไซน์พวกศัตรูก็ออกแบบมาประหลาดตาดีไม่เบาเหมือนกัน
แต่ในด้านกลับกัน บรรดาโมเดลตัวละครนี่ให้ความรู้สึกเป็นเกมทุนต่ำชัดเจนอยู่ พวกสีหน้าตัวละครจะแข็งโป๊กเหมือนเกมยุคก่อน (หรือทีมงานตั้งใจก็ไม่รู้) ยิ่งพวกเส้นผมตัวละครนี่บางทีพอโดนแสงเข้าก็เห็นเป็นก้อนเลยเหมือนกัน พวกคัตซีนก็ดูจะเป็นการปั้นท่าทางกันด้วยมือมากกว่าที่จะเป็นการใช้โมชันแคปเจอร์ มันก็เลยทำให้ในหลาย ๆ ฉากตัวละครขยับท่าทางกันดูไม่ค่อยเหมือนคนจริง ๆ เท่าไรนัก
งานเสียงของเกม
ในส่วนของด้านงานเสียง ผมว่าก็อยู่ในระดับที่ค่อนข้างดีเลยครับ เพลงประกอบหลายเพลงนี่พอฟังแล้วค่อนข้างเด่นชัดว่าได้แรงบันดาลใจมาจากเกมสยองขวัญยุคคลาสสิกครับ บางเพลงฟังแล้วล่องลอยวังเวง บางเพลงก็สร้างบรรยากาศไม่น่าไว้วางใจ และก็ต้องชมในส่วนของพวกเสียงเอฟเฟกต์สร้างบรรยากาศขณะเล่นด้วยที่คอยสร้างความระแวงในระหว่างเล่นได้เยอะมาก เพราะไม่รู้ว่ามันเป็นเสียงศัตรูหรือว่าแค่เสียงประกอบฉาก
ด้านเสียงพากย์นั้น ผมรู้สึกว่าอยู่ในระดับที่พอผ่านครับ ยิ่งตัวร้ายหลักของเรื่องนี่น้ำเสียงกับคำพูดบางครั้งออกแนวพยายามจนตลกเหมือนหลุดมาจากเกมช่วงยุค 90s เลยด้วยซ้ำ ซึ่งพอพิจารณาจากแรงบันดาลใจของเกมนี้นี่ผมก็ไม่แน่ใจว่าตั้งใจให้เป็นแบบนั้นรึเปล่าน่ะนะ
สรุป
Tormented Souls 2 เป็นเกมสยองขวัญเอาตัวรอดสไตล์คลาสสิกที่ระบบต่อสู้เล่นสนุกดีใช้ได้ แต่สิ่งที่เด่นกว่าก็คือบรรดาปริศนาที่ออกแบบมาได้ฉลาด แต่ก็มีบั๊กมากมายที่แสดงให้เห็นว่าเกมยังคงต้องใช้เวลาขัดเกลาอยู่อีกพักหนึ่งถึงจะสมบูรณ์ครับ















