Reviews

รีวิว Digimon Story: Time Stranger อย่าให้มันยึดโลกดิจิตอลไป สู้เต็มหัวใจ เต็มองศาเดือด!!!

โดย Lnwza Papus

รีวิว Digimon Story: Time Stranger อย่าให้มันยึดโลกดิจิตอลไป สู้เต็มหัวใจ เต็มองศาเดือด!!!

*ขอขอบคุณ Bandai Namco Entertainment สำหรับโค้ดรีวิวมา ณ โอกาสนี้ค่ะ
**รีวิวนี้เล่นบน PC: Intel(R) Core(TM) i7-14700HX 2.10 GHz Ram 32 GB RTX4060

เชื่อว่าทุกคนน่าจะคุ้นๆ บรรดาสัตว์ประหลาดตัวจิ๋วตระกูลม่อนเป็นอย่างดี ซึ่งถ้าใครเป็นแฟนช่อง 9 การ์ตูนก็จะรู้จักเพลง “Earworm” ที่ถึงแม้ไม่ได้ตั้งใจฟัง ก็อดจะออกอาวุธตามไม่ได้ เพราะมันพัฒนามาหลายชุดเหลือเกิน

ใช่แล้ว! เรากำลังพูดถึง “ดิจิม่อน” ซึ่งเป็นเหล่าม่อนในฟากฝั่งที่เนื้อเรื่องเข้มข้น ดราม่า สมจริง จนอดน้ำตาซึมไปกับปีกกางเหินไปไม่มีวันแผ่วปลาย ของสายสัมพันธุ์ระหว่างลูกม่อน และเจ้าของไม่ได้ ซึ่งความแน่นหนักของเนื้อเรื่องก็กลับมาอีกครั้งกับ Digimon Story: Time Stranger ผลงานสุดพรีเมี่ยมที่รู้ได้เลยว่าเกิดมาจากความตั้งใจอย่างสูงของ Bandai Namco ที่ละเอียดลออ มากมาย ทั้งเนื้อเรื่อง ภาพ และระบบการเล่น ที่ขนาดคนเล่นยังเหนื่อยจนต้องร้องขอชีวิต

มันขนาดนั้นเลยเหรอ???

จะเป็นอย่างไร เราไปติดตามกันในรีวิวนี้ได้เลย

เนื้อเรื่อง

เกมเปิดฉากในโตเกียวยุคอนาคตอันใกล้ เมื่อเทคโนโลยีดิจิทัลครอบงำมนุษย์จนแทบไม่มีเส้นแบ่งระหว่างความจริงกับโลกเสมือน ผู้เล่นรับบทเป็น Agent หน้าใหม่ของหน่วยพิเศษ ADAMAS องค์กรลับที่ทำหน้าที่รักษาสมดุลระหว่างโลกจริง และโลกดิจิตอล แต่ในวันแรกของการปฏิบัติหน้าที่ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น! จู่ๆ เวลาของสองโลกเริ่มซ้อนทับกัน สถานที่บางแห่งในโตเกียวเกิดรอยแตกเวลา ผู้คนเห็นสิ่งแปลกประหลาด ในขณะเดียวกัน ดิจิมอนจากอีกฟากหนึ่งก็เริ่มตื่นขึ้น และหลุดเข้าสู่โลกมนุษย์ ตัวเอกได้พบกับเหตุการณ์หายนะครั้งใหญ่ ซึ่งเกิดจากการปรากฏตัวของดิจิม่อนทรงพลังที่ทำลายล้างพื้นที่อย่างราบคาบ ในช่วงเวลานั้น ตัวเอกได้บังเอิญพบกับดิจิมอนคู่หู ก่อนที่จะเกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้น (อีกแล้ว) และถูกส่งย้อนเวลากลับไปในอดีตถึง 8 ปี!

หลังจากนั้นตัวเอกตื่นขึ้นมาในอดีต และมีเป้าหมายคือ การค้นหาสาเหตุของหายนะ และหาทางป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น เพื่อกอบกู้อนาคตของทั้งโลกมนุษย์และโลกดิจิตอลเอาไว้!!!

เราเดินทางสลับระหว่างโตเกียว และ Digital World และ Iliad ซึ่งเป็นโลกดิจิตอลอีกมิติที่ถูกปกครองโดยกลุ่มเทพเจ้าดิจิม่อนในตำนานอย่าง Olympus XII เพื่อคลี่คลายปมปริศนาของโลกดิจิตอลและการแทรกแซงของเหล่า Titans (อีกกลุ่มดิจิม่อนที่ทรงพลัง) เนื้อเรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่การสะสมมอนสเตอร์ แต่เป็นการผจญภัยที่เต็มไปด้วยปมปริศนา ความตื่นเต้น และดราม่าสุดยาวเหยียด

ระบบการเล่น

ระบบการต่อสู้หลักยังคงเป็นแบบ Turn-Based RPG ที่ผสมกลไกการเลี้ยงสะสมม่อนเข้ากับการวางแผนเชิงกลยุทธ์

ตัวเกมแบ่งการเล่นเป็นสองส่วนหลัก คือ การสำรวจโลก และการต่อสู้ ซึ่งการสำรวจโลก จะมีเควสขึ้นที่ข้างจอ ให้เราวิ่งไปสำรวจ และมันจะติ๊กถูกตามเนื้อเรื่อง ไปเรื่อยๆ ส่วนการต่อสู้นั้น ทีมต่อสู้จัดได้สูงสุด 6 ตัว แต่ต่อสู้จริงเป็นแบบ 3 ต่อ 3 นอกจากทีมหลักยังมีม่อนในคลังที่สามารถสลับเติมเข้าทีมได้ตลอด และเมื่อสู้ม่อนอื่นๆ จนชนะ เราจะได้เปอร์เซ็นสแกน หากครบ 100% เราสามารถดึงม่อนตัวนั้นมาใช้ได้

อีกความสำคัญที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือระบบวิวัฒนาการ (evolution เราพัฒนา ให้ร่างเรา ไฮเทคเหนือใคร หัวใจ หัวใจ ต้องใส่เทอโบ) ซึ่งสามารถวิวัฒน์ไปข้างหน้า และถอยหลังกลับเพื่อเปลี่ยนสายได้! ทำให้การปั้นม่อนมีมิติและลูปเล่นยาวมาก

นอกจากนั้นตามจุดต่าง ๆ ในแมพยังมีอุปกรณ์ดิจิไวซ์ให้เล่นมินิเกม ถ้าชนะก็รับม่อนเป็นรางวัล

เพิ่มเติม ถ้าบางครั้งม่อนมาชนเราบ่อย เหมือนบังคับเข้าสู่ฉากต่อสู้ถี่เกินไป เราสามารถเปิดให้ฉากต่อสู้มัน”ออโต้” ได้ เหมาะกับการฟาร์ม แต่ไม่เหมาะกับการเจอบอส

ดิจิม่อนจะมีคุณลักษณะต่างๆ เช่น ไฟ น้ำ แสง ความมืด ฯลฯ การโจมตีถูกจุดอ่อนจะสร้างความเสียหายมหาศาล และที่สำคัญคือ ทำให้เทิร์นมาถึงเร็วขึ้น! ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำคอมโบ เมื่อเราสามารถโจมตีศัตรูต่อเนื่องด้วยการโจมตีที่ถูกจุดอ่อนหลายครั้ง ระบบจะเปิดใช้งาน “Cross Arts” คือท่าประสานที่โจมตีพร้อมกันด้วยดิจิม่อนในทีมหลายตัว (คล้ายท่าไม้ตายร่วม รวมพลัง เพื่อนเอ๋ย เข้าใส่เลย สุดๆ) ที่สร้างความเสียหายสูงลิ่วและมาพร้อมกับ แอนิเมชันที่อลังการ การโฟกัสการโจมตีถูกจุดอ่อนเพื่อชาร์จ Cross Arts จึงเป็นกลยุทธ์หลักในการจัดการบอสและศัตรูที่แข็งแกร่ง

ค่าสเตตัสในเกมแบ่งเป็นสองแบบ คือแบบชั่วคราวที่เปลี่ยนตามเลเวลและรูปร่างของวิวัฒนาการ และค่าสเตตัสถาวรที่เก็บได้จากการสแกนเกิน 100% หรือการผสมม่อน หรือกิจกรรมใน Digifarm การผสมและการจัดการค่าสเตตัสถาวรเป็นหัวใจของการปั้นม่อนให้แข็งแกร่งในระยะยาว ซึ่งมันสัมพันธ์กับระบบนิสัย ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตของค่าสเตตัสและมักให้สกิลติดตัวเฉพาะตัว เราสามารถเปลี่ยนนิสัยได้ผ่านการคุยกับม่อนหรือฝึกในฟาร์ม ทำให้การปั้นมีความเป็นตัวตนและปรับได้ตามแผนที่ต้องการ ม่อนหนึ่งตัวสามารถมีเส้นทางวิวัฒนาการหลายทางและสามารถถอยกลับเพื่อเปลี่ยนสายดังที่ได้กล่าวไป ซึ่งไอ้ตัวเงื่อนไขการวิวัฒน์มักขึ้นกับค่าสเตตัส ผู้เล่นต้องวางแผนปั้นสเตตัสหรือใช้ Digifarm ให้ดี เพราะมันค่อนข้างปวดหัว ควบคุมยาก และใช้เวลานาน (โดยเฉพาะนิสัยเนี่ย) ซึ่ง…(ซึ่งอีกแล้ว) มันละเอียดและใช้เวลานานมากจริงๆ นะ ผู้รีวิวเล่นผ่าน PC มันค่อนข้างไปช้า และทรมาณ ไอ้การฟาร์มและเก็บสะสมค่าต่างๆ เนี่ย มันเหมาะที่จะเล่นกับอะไรที่คล้องตัว เช่น มือถือ หรือสวิทช์ เราจะได้เก็บเล็กผสมน้อยทุกวันๆ พอต้องเปิดคอมมาตั้งใจเล่น ก็จุกกระอักอยู่

งานด้านภาพ

ทีมพัฒนาสร้างโลกที่ทั้งใหญ่และละเอียดจนแทบลืมไปว่านี่คือเกมในซีรีส์ดิจิมอน ด้วยมุมมองกึ่งโอเพ่นเวิลด์ ผู้เล่นสามารถเดินสำรวจโตเกียวที่ถูกสร้างขึ้นอย่างสมจริงสุดๆ ตั้งแต่ย่านชินจูกุที่เต็มไปด้วยป้ายไฟ รถไฟใต้ดิน สวนสาธารณะ ไปจนถึงตรอกเล็กๆ ที่มีร้านราเมงและตู้กาชาปองอยู่จริง ๆ การจัดแสงในแต่ละช่วงเวลาสวยระดับภาพยนตร์ แสงแดดยามเช้า และตอนกลางคืนให้ความรู้สึกเหมือนโตเกียวที่มีชีวิต
ส่วนโลกดิจิตอลก็ไม่น้อยหน้า เพราะแต่ละพื้นที่ถูกออกแบบให้ต่างบรรยากาศกันชัดเจน เช่น เมืองดิจิทัลที่ลอยอยู่เหนืออวกาศ ป่าประหลาด ทะเล เมือง Psychedelic แลดูเมาๆ เมืองเทพเจ้า ฯลฯ แต่ละแบบไม่มีซ้ำกันเลย

เหล่าดิจิม่อนกว่า 400+ ตัว ก็ถูกสร้างโมเดลขึ้นมาใหม่ด้วยความละเอียดสูง ทำให้พวกมันแสดงอารมณ์ได้ชัดเจนกว่าที่เคย ทั้งท่าทางการเดิน วิ่งตามตัวเราเป็นฝูง และแอนิเมชันของสกิลต่างๆ ในฉากต่อสู้ก็ถูกออกแบบมาอย่างดี เต็มไปด้วยเอฟเฟกต์ตระการตา

และที่ต้องพูดถึงเลยก็คือฉากคัทซีนยาวๆ ในเกม ที่ทำออกมาได้เหมือนเรากำลังนั่งดูอนิเมชั่นดีๆ สักเรื่องเลยทีเดียว ด้วยการกำกับภาพ การจัดมุมกล้อง ทำให้แม้จะเป็นฉากเล่าเรื่องยาวๆ ก็ไม่ง่วงเลย กลับกันคืออินและติดตามทุกรายละเอียดราวกับกำลังดูดิจิม่อนภาคล่าสุด เสียอย่างเดียว ไม่มีเพลงประกอบภาษาไทย (แฮ่ม)

ระบบเสียง

ถือว่า ทำได้ดีตามมาตรฐานของซีรีส์ที่เราคุ้นเคย ทั้งเพลงธีมการผจญภัยที่เร้าใจ เพลงประกอบฉากสำรวจเมืองโตเกียวที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และเพลงประกอบฉากต่อสู้และฉากดราม่า

ส่วนที่อาจจะทำให้ เอ๊ะ! เล็กน้อยคือการที่ ตัวเอกไม่มีเสียงพากษ์ของตัวเอง ในฉากสนทนาสำคัญๆ แต่ก็เข้าใจได้ว่าผู้พัฒนาตั้งใจให้ผู้เล่น แทนตัวเองเข้าไปเป็นตัวละครนั้นจริงๆ เหมือนเป็นมุมมองบุคคลที่ 1 ที่เราเป็นคนตอบคำถามและรับรู้เรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวเอง ซึ่งก็เป็นการเน้นย้ำความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่เข้มข้นนี้ ส่วนตัวละครอื่นๆ และเหล่าดิจิม่อนสำคัญๆ นั้นถูกพากษ์เสียงมาอย่างเต็มที่ ทำให้เรื่องราวมีมิติทางอารมณ์และน่าติดตามตลอดทั้งเกม

สรุป

Digimon Story: Time Stranger มันไม่ใช่แค่เกมสะสมม่อนอีกต่อไป แต่เป็นประสบการณ์ RPG เต็มอารมณ์ที่เล่าเรื่องลึกระดับภาพยนตร์ ผสานความดราม่า ความสัมพันธ์ และคำถามเกี่ยวกับเวลาและความทรงจำได้อย่างลงตัว เนื้อเรื่องเข้มข้นจนชวนอินเหมือนดูอนิเมะยาวต่อเนื่อง ระบบการเล่นลุ่มลึกให้ปั้นทีมได้อย่างอิสระ ภาพสวยสมจริงจนเหมือนเดินอยู่ในโตเกียวจริง ๆ และคัทซีนก็ตื่นตาตื่นใจจนคนดูเพลินไม่รู้ตัว
แม้จะมีจุดเล็ก ๆ อย่างการไม่มีเสียงพากย์ตัวเรา หรือช่วงฟาร์มที่อาจใช้เวลานานมาก แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพโดยรวมแล้ว มันแทบไม่มีอะไรให้บ่นเลย เพราะทุกองค์ประกอบตั้งแต่ภาพ เสียง เนื้อเรื่อง ไปจนถึงการนำเสนอ ล้วนถ่ายทอดความตั้งใจของทีมพัฒนาออกมาอย่างจริงใจและประณีต สำหรับแฟนดิจิมอนรุ่นเก๋าที่เคยดูช่อง 9 การ์ตูนในเช้าวันเสาร์ อาทิตย์ เกมนี้จะทำให้หัวใจอบอุ่น เหมือนเราได้กลับไปเจอเพื่อนเก่าในโลก Digimon Adventure อีกครั้ง (เหล่าดิจิมอนเรา ต้องหลังชนกัน สู้สิบทิศ สู้ยิบตา)

จุดเด่น

  • เนื้อเรื่องลุ่มลึกในระดับพรีเมียม นำเสนอพล็อตไซไฟดราม่าเกี่ยวกับการข้ามเวลาและการแก้ไขชะตากรรมที่เข้มข้น มีมิติทางอารมณ์สูง และสร้างความผูกพันระหว่างมนุษย์กับดิจิม่อนได้อย่างจับใจ
  • คัทซีนคุณภาพสูงเทียบเท่าอนิเมชั่น ฉากคัทซีนสำคัญๆ ถูกกำกับและนำเสนอได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ผู้เล่นรู้สึกเหมือนกำลังนั่งชมซีรีส์ดิจิม่อนตอนใหม่ที่ลงทุนสร้างอย่างเต็มที่
  • ระบบการต่อสู้ที่ต้องใช้กลยุทธ์สูง เป็นระบบ Turn-Based ที่ท้าทาย และการวางแผนการโจมตีถูกจุดอ่อนเพื่อสร้างคอมโบ Cross Arts ที่ทำได้อย่างสะใจและต้องใช้สมอง
  • ระบบ Evolution ที่ละเอียดอ่อน การบังคับให้ผู้เล่นต้องปั้นสเตตัส ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้การสร้างทีมดิจิม่อนมีความไปสุดและคุ้มค่าต่อการลงทุนเวลาอย่างแท้จริง
  • งานภาพโลกมนุษย์ที่สมจริงและกว้างใหญ่ การจำลองเมืองโตเกียว โดยเฉพาะเขตชินจูกุ ทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจและชวนให้สำรวจ ทำให้ประสบการณ์การผจญภัยในโลกคู่ขนานนี้มีมิติยิ่งขึ้น

ข้อสังเกต

  • การบริหารจัดการทีมที่หนักหน่วง แม้ว่าระบบการวิวัฒนาการ และการวิวัฒนาการย้อนกลับจะละเอียด แต่ก็อาจจะซับซ้อนและใช้เวลามากเกินไป สำหรับผู้เล่นที่ต้องการเข้าถึงเนื้อเรื่องหลักอย่างรวดเร็ว การปั้นค่าสเตสัสอาจกลายเป็นภาระที่ต้องทำซ้ำๆ จนรู้สึกเหนื่อย
  • การวนภารกิจย่อยซ้ำซาก ภารกิจย่อย (Side Quests) ต้องทำเพื่อเพิ่มค่าสเตตัสของดิจิม่อน ถ้าพลาดก็จะกลับมาเก็บไม่ได้อีก บางทีอาจทำให้ดิจิม่อนวิวัฒนาการไปต่อไม่ได้ ซึ่งมักจะมีรูปแบบที่คล้ายเดิมและต้องวนกลับไปยังสถานที่เดิม ๆ ทำให้การเล่นยืดเยื้อและรู้สึกซ้ำซ้อนในบางครั้ง
  • ตัวเอกไร้เสียงพากษ์ในบางช่วง แม้จะเข้าใจว่าเป็นการออกแบบเพื่อให้ผู้เล่นสวมบทบาท แต่การที่ตัวเอก (สายลับ) ไม่มีเสียงพากษ์ในฉากสนทนาสำคัญๆ อาจทำให้ขาดอรรถรสทางอารมณ์ไปเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตัวละครอื่นๆ ที่พากษ์เสียงได้ยอดเยี่ยม

คะแนนรวม

  • เกมเพลย์ (Gameplay) 80/100
  • งานภาพ (Graphics) 90/100
  • งานเสียง (Audio) 90/100
  • เนื้อเรื่อง (Story) 100/100

The Review

90% ขอให้ทุกคนจงจำไว้ว่า มิตรภาพคือพลังที่แท้จริง!

เมื่อใดที่ต้องเผชิญอุปสรรค จงพุ่งทะยานไป! เจอสายลมเราจะแซงโลด และเจอขอบฟ้าเราจะไปไกลกว่า! ด้วยหัวใจที่กล้าแกร่งเกินเหล็กไหล...Show Me Your Brave Heart!

90%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์