*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Electronic Arts มา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นบน PlayStation 5
Dead Space ฉบับเดิมนั้นถือเป็นหนึ่งในเกมที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษครับ ด้วยความที่เป็นเกมสยองในธีมไซไฟอวกาศที่ไม่ค่อยจะมีคนสร้างออกมากันมากนัก และภาคแรกก็ทำยอดขายได้ดีจนมีภาคต่อออกมาอีกสองภาค รวมถึงเกมสปินออฟอีกหนึ่งและสื่อบันเทิงอื่น ๆ อีกพอควร ก่อนที่ซีรีส์ชะงักหยุดอยู่แค่ภาค 3 ไปหลายปี จนมาตอนนี้ชื่อของเกมก็กลับมาอีกรอบในภาครีเมก ซึ่งหลังจากที่จบไปหนึ่งรอบ ผมก็อยากมาเล่าความรู้สึกให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ
เนื้อเรื่อง
สำหรับเซ็ตติ้งของ Dead Space นั้นเดินเรื่องในโลกอนาคตอันแสนไกลปีค.ศ. 2508 ที่ตัวเอกของเรื่องไอแซก คลาร์ก (Isaac Clarke) ผู้เป็นวิศวกรได้โดยสารมากับยานยูเอสจีเคลเลียน (USG Kellion) เพื่อมาทำหน้าที่ตรวจสอบและซ่อมแซมยานยูเอสจีอิชิมูระ (USG Ishimura) ที่ออกปฏิบัติหน้าที่ขุดเจาะแร่จากดาวอีจิสเซเว่น (Aegis VII) แต่ว่าได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น ยานอิชิมูระจึงได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกไปยังบริษัทต้นสังกัดอย่าง CEC และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ไอแซกต้องร่วมเดินทางมาด้วย แต่เขาก็มีอีกวัตถุประสงค์หนึ่งนั่นคือการมาพบกับคนรักอย่างนิโคล เบรนนัน (Nicole Brennan) ที่ปฏิบัติงานอยู่บนยานอิชิมูระนั่นเอง
หากจะพูดถึงเนื้อหาหลัก ๆ ในภาพรวมแล้วตัวเกมฉบับรีเมกยังคงเดินตามต้นฉบับอย่างไม่ผิดเพี้ยนมากนักในแง่ของเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่แตกต่างจากต้นฉบับแบบชัดเจนก็คือเดิมต้นฉบับนั้นไอแซกจะเป็นตัวเอกที่ไม่พูดเลยทั้งเกม ทุกอย่างบอกเล่าผ่านปากตัวละครอื่นหมด มันเลยทำให้ตัวไอแซกเหมือนเป็นหุ่นยนต์ที่เดินไปตามจุดต่าง ๆ ตามคำสั่งครับ แต่ในรีเมกนี่ไอแซกจะมีบทพูดแล้ว มันเลยทำให้จังหวะของเรื่องราวเป็นธรรมชาติมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ หากเทียบกับต้นฉบับที่พอเวลายานเกิดปัญหาอะไรขึ้น กลายเป็นว่าคนบอกวิธีแก้ไขดันเป็นคนอื่นในทีมที่ไม่ใช่วิศวกร แต่รอบนี้ไอแซกจะเป็นคนออกความเห็นเองเลยว่าควรแก้ยังไงให้สมกับบทบาทที่เป็นวิศวกรมากขึ้นครับ
ที่สำคัญคือการแสดงสีหน้าท่าทางของตัวละครแต่ละคนขณะพูดคุยทำออกมาได้ดีมาก พวกการขยับของหัวคิ้วหรือหางคิ้วที่บางครั้งเล็กน้อยแต่มันก็บอกความรู้สึกขณะนั้นได้ดีครับ
เกมเพลย์
ในส่วนของเกมเพลย์ยังคงเป็นแบบ Dead Space ที่หลายคนคุ้นเคยครับ ไอแซกจะต้องเอาชีวิตรอดจากยานอวกาศที่แปรสภาพกลายเป็นโลงศพเหล็กที่ล่องลอยในอวกาศ เพราะบนยานล้วนเต็มไปด้วยมนุษย์กลายพันธุ์กระหายเลือดที่เรียกว่าเนโครมอร์ฟ (Necromorph) คอยกระซวกในทั่วทุกหัวมุมทางเดิน ไม่เพียงเท่านั้นแต่ทางเดินหลายจุดยังคับแคบ พร้อมไฟสลัวชนิดที่ว่าถ้าวิ่งทะเล่อทะล่าก็ไม่รู้จะหัวหลุดตอนไหน แถมด้วยความที่ยานพังเจ๊งบ๊งแทบจะทุกส่วนนี่เอง เลยทำให้สภาพแวดล้อมหลายจุดกลายเป็นกับดักถึงตายไปโดยปริยาย
หนึ่งในระบบอันเป็นเอกลักษณ์และแหวกแนวจากเกมอื่นมาก ๆ ของ Dead Space ก็คือการกำจัดศัตรูโดยต้องยิงตัดแขนตัดขาหรือตัดรยางค์ที่ยื่นออกมานี่ล่ะครับ แม้ว่าศัตรูเกมนี้จะหัวหลุดไปแต่มันก็จะไม่หยุดจนกว่าคุณจะเด็ดแขนขาของพวกมันเสียก่อน มันเลยเกิดเป็นเกมเพลย์ที่ไม่เหมือนใคร และพอเสริมด้วยระบบอย่างคิเนซิส (Kinesis) ที่สามารถหยิบจับวัตถุจากระยะไกลได้ที่สารพัดประโยชน์ทั้งการเก็บไอเท็ม หรือปาของโจมตีศัตรู และระบบสเตซิส (Stasis) ที่ใช้หน่วงการเคลื่อนไหวสิ่งต่าง ๆ ให้ช้าลงมันเลยทำให้การต่อสู้แต่ละรอบหลากหลายและมีตัวเลือกให้คุณรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้เยอะไม่เบา
ซึ่งทั้งระบบคิเนซิสและสเตซิสนี่ก็มีบทบาทสำคัญมากนอกจากการต่อสู้ เพราะพัสเซิลของเกมนี้จะเป็นแนว environmental puzzle หรือปริศนาชนิดที่คุณต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมครับ บางทีคุณอาจต้องหยิบสิ่งนั้นมาใส่สิ่งนี้ หรือหน่วงเครื่องจักรเพื่อให้สามารถวิ่งผ่านได้อะไรแบบนั้น และหลายครั้งการแก้ปริศนาของเกมก็จะไปพ่วงกับการเคลื่อนไหวในสถานที่ไร้แรงโน้มถ่วงที่คุณจะบินและลอยตัวได้อิสระ มันเลยทำให้คนเล่นต้องสังเกตรอบตัวพอสมควรแต่ก็ไม่ได้ยากถึงขนาดต้องปาจอยหรือทึ้งหัวตัวเองแต่อย่างใด
สิ่งที่ได้รับการเพิ่มเติมเข้ามาจากต้นฉบับและผมคิดว่าทำได้ดีก็คือการเพิ่มไซด์มิชชันเข้ามาครับ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เยอะมากมาย แต่มันก็เสริมเนื้อหาบางส่วนจากเดิมเข้ามาได้ดีและที่สำคัญคือมันเปิดโอกาสให้คนเล่นได้วิ่งย้อนกลับไปเส้นทางเก่าเพื่อเก็บไอเท็มที่อาจตกหล่นไปหรือไม่ก็ยังไม่สามารถเก็บได้ในทีแรก อีกจุดหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาก็คือระบบ Clearance Level ของประตูและกล่องไอเท็มนี่ล่ะครับ ในฉบับรีเมกนี้จะมีหลายจุดเลยที่คุณอาจยังเข้าไม่ได้หรือเจอกล่องที่เปิดไม่ได้ แต่เมื่อคุณเล่นตามเนื้อเรื่องไปถึงจุดหนึ่งแล้ว ประตูและกล่องพวกนี้นี่ล่ะที่มันจะกระตุ้นให้คุณอยากย้อนกลับมาเก็บเพราะของที่ได้มักจะเป็นของดีทั้งนั้นเลย
ในส่วนของความยากของเกมนั้น ผมเล่นระดับธรรมดา (Medium) ก็รู้สึกว่าตัวเกมกำลังดีครับ ไม่ได้ตึงมือจนเกินไป ไม่มีจุดไหนที่ติดนานเพราะสู้ไม่ผ่าน จะมีก็แต่ตายเพราะโดนพวกกับดัก one hit kill อะไรแบบนั้นล้วน ๆ แต่มันก็ไม่ใช่ว่ามีกระสุนหรือยาเติมพลังเหลือเฟืออะไรแบบนั้น ยังต้องบริหารจัดการไอเท็มและเงินอยู่ระดับหนึ่งเหมือนกัน รวมถึงการเลือกว่าจะนำเอา Node ที่ได้ไปใช้อัปเกรดอะไร จะอัปเกรดชุดไหมหรืออัปเกรดปืนดีอะไรแบบนั้น
บรรยากาศของเกมยังคงทำออกมาได้ดีไม่แพ้ต้นฉบับ เพราะกว่า 90% ของเกมนั้นคุณจะต้องเดินทางผ่านสถานที่อันคับแคบ มืดสลัวแถมยังเต็มไปด้วยซากศพมากมายที่ชวนให้คิดว่าก่อนหน้าที่เราจะมามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เรียกได้ว่าเกมพยายามใส่โฟเบียของคนลงมาหลายอย่างครับ จะกลัวที่แคบ กลัวความมืด กลัวเลือด ฯลฯ มันต้องมีสักอย่างที่ทำให้คุณเล่นแล้วรู้สึกกระอักกระอ่วนใจล่ะน่า
สิ่งสำคัญประการหนึ่งของภาครีเมกก็คือเกมให้ความรู้สึกว่าไม่มีที่ไหนที่ปลอดภัยจริง ๆ ครับ เพราะว่าแม้จะเป็นจุดที่คุณวิ่งผ่านไปแล้ว เคลียร์ศัตรูไปหมดแล้ว แต่คุณต้องการย้อนไปเก็บของมันก็อาจจะยังมีตัวอะไรโผล่ออกมาต้อนรับอยู่ดี ไม่ว่าจะจ๊ะเอ๋กันตอนเปิดประตู หรือโผล่พรวดออกมาจากช่องลมก็ตาม สิ่งเหล่านี้มันทำให้คุณต้องระวังตัวตลอดเวลา แม้กระทั่งจุดเซฟก็ยังเจอศัตรูได้ หรือกระทั่งตอนกำลังเลือกดูสินค้าอยู่เนโครมอร์ฟก็สามารถโผล่หน้าเข้ามาในเฟรมได้ครับ เรียกได้ว่าฉีกกฎของเกมแนวนี้พอควรเลยทีเดียว
กราฟิก
กราฟิกของเกมจะเน้นที่ความโหดดิบเป็นหลักครับ คนที่ชอบความแหวะจากเกมต้นฉบับก็น่าจะยิ่งชอบฉบับรีเมกนี่เพราะนำเสนอออกมาแบบไม่มีอั้นเลย แขนขาหลุดเป็นชิ้น ผิวหนังหลุดล่อนเห็นกระดูก ไส้พุงที่ตกตามพื้น ฯลฯ ส่วนในด้านอื่น ๆ พวกวัตถุที่เป็นโลหะก็ทำออกมาสวยและเงาวับ แสงเงาก็ดูดีไม่เบา
จุดเด่นอย่างหนึ่งในแง่ของการออกแบบหน้าจอก็คือเกมนี้นำเสนอแบบให้มี hud หรือพวกสัญลักษณ์ต่าง ๆ บนจอน้อยครับ พลังชีวิตก็อาศัยดูจากแถบด้านหลัง กระสุนก็ดูจากตัวเลขตอนเล็งปืน มันเลยทำให้คนเล่นสามารถมองสิ่งต่าง ๆ บนจอได้เยอะขึ้นกว่าปกติครับ
ถึงอย่างนั้น มันก็มีบางครั้งที่ภาพของเกมจะเบลอ ๆ ครับทั้งโมเดลตัวละครและหน้าจอเรียกดูไอเท็ม ซึ่งเท่าที่สังเกตมักจะเป็นช่วงตอนขึ้นลงลิฟต์หรือจังหวะที่เกมแอบโหลด จุดนี้ไม่แน่ใจว่าจะมีแพตช์ออกมาแก้ไขในอนาคตรึเปล่าเหมือนกัน
เสียงในเกม
ระบบเสียงของเกมนี่เป็นหนึ่งในจุดขายเลยครับ ตลอดทั้งเกมที่คุณเดินทางในยานอิชิมูระ คุณจะได้ยินเสียงต่าง ๆ ตลอดเวลา บ้างก็เป็นเสียงเครื่องจักร บ้างก็เป็นเสียงจากระบบตอบรับอัตโนมัติ หรือบางทีก็เป็นเสียงเนโครมอร์ฟที่วิ่งไปมาตามช่องลม และด้วยความที่เสียงพวกนี้อาจจะมาจากทิศทางไหนก็ได้ มันเลยทำให้คนเล่นต้องคอยระวังหน้าระวังหลังเสมอ ๆ เพราะไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่าเสียงที่ได้ยินมันไร้พิษภัย หรือว่าเป็นเสียงของตัวอะไรที่จ้องจะเชือดคุณ
สรุป
Dead Space Remake คือการกลับมาอีกครั้งอย่างสวยงามของหนึ่งในเกมสยองขวัญระดับตำนาน คนที่เคยเล่นก็จะได้พบกับสิ่งที่คุ้นเคยแต่เสริมด้วยความแปลกใหม่ ส่วนผู้ที่ไม่เคยเล่นก็จะได้สัมผัสกับเกมคุณภาพสูงชั้นเยี่ยมอีกเกมหนึ่งแน่นอน และโดยส่วนตัวผมก็หวังว่าจะได้เห็น Dead Space 2 Remake ในเร็ววันครับ