*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Bandai Namco Entertainment Asia / Square Enix Asia มา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นเกมเวอร์ชัน PlayStation
เกม Theatrhythm Final Bar Line นี้ ถ้าจะให้คำจำกัดความง่าย ๆ ก็คือเป็นเกมดนตรี (Music Game) ที่มีจุดเด่นเป็นท่วงทำนองเพลงอันมากมายจากซีรีส์ Final Fantasy ในแต่ละภาคนั่นล่ะครับ ซึ่งนอกเหนือไปจากเพลงคลาสสิกที่แฟน ๆ จะต้องคุ้นหูแล้ว ตัวเกมยังเพิ่มองค์ประกอบบางอย่างเสริมอรรถรสเข้าไปอีกเช่นกัน ซึ่งวันนี้ผมจะมาพูดคุยให้ฟังกันว่าเล่นแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง
เนื้อเรื่อง
ตัวเกมตั้งแต่สมัยภาคแรกบน Nintendo 3DS จะวางแบ็กกราวด์ของเกมเอาไว้ว่าเกี่ยวข้องกับสองเทพเจ้าเคออส (Chaos) และคอสมอส (Cosmos) ด้วยคอนเซปต์คล้าย ๆ กับภาค Dissidia แต่จะมีลักษณะน่ารักกว่า ไม่จริงจังเท่า ซึ่งระหว่างเทพทั้งสองนี่มีสิ่งที่เรียกว่าริธึม (Rhythm) ซึ่งให้กำเนิดคริสตัลที่ควบคุมเสียงดนตรี แต่ทว่าเคออสดันสร้างความปั่นป่วนให้กับคริสตัล ดังนั้นบรรดาตัวละครจาก Final Fantasy จึงโดนพาตัวมารวมกันเพื่อสร้างคลื่นดนตรีที่เรียกว่าริธึมเมีย (Rhythmia) เพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้กลับเป็นปกติ
เกมนี้จะให้คุณเลือกได้ว่าต้องการสัมผัสกับท่วงทำนองจาก Final Fantasy ภาคไหนก่อนเป็นอันดับแรกจากลิสต์เบื้องต้นที่มีให้ ซึ่งเมื่อคุณเข้าไปเล่นแล้ว เกมก็จะแบ่งออกเป็นฉาก ๆ ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตัวเกมต้นฉบับภาคนั้น ๆ แล้วก็แน่นอนว่าเพลงที่มีให้เล่นก็จะเป็นเพลงประจำอีเวนต์ในช่วงนั้นของภาคนั้นล่ะครับ ยิ่งถ้าคุณติดตามเล่นมาหลายภาค พอเพลงในฉากต่อสู้ดังขึ้นปุ๊บหัวคุณก็จะนึกสิ่งที่เคยเล่นผ่านมาได้เป็นฉาก ๆ เองโดยอัตโนมัติเลย
ข้อจำกัดมีเล็กน้อยแค่ว่าในช่วงแรกคุณจะยังเลือกไม่ได้ครบทุกภาค แต่จากการเข้าไปเล่นในแต่ละภาคแล้วคุณก็จะได้กุญแจมาเพื่อนำไปปลดล็อกฉากของแต่ละภาคต่อไป โดยตัวเกมก็จัดลิสต์มาให้แบบเข้าใจง่าย ๆ เลยเพราะใช้โลโก้ของแต่ละภาคแบบชัดเจน ใครชอบภาคไหนหรือมีความทรงจำพิเศษกับตัวละครอะไร ก็สามารถเลือกได้อย่างที่ต้องการครับ
เกมเพลย์
อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่าเกมนี้เป็นเกมดนตรี ดังนั้นการเล่นหลัก ๆ ของคุณก็คือการกดโน้ตให้ตรงจังหวะที่ปรากฏบนหน้าจอ ซึ่งความแปลกของเกมนี้ก็คือในบรรดาปุ่มกดทั้งหมดนั้น คุณใช้ปุ่มไหนก็ได้เพราะมันมีฟังก์ชันแบบเดียวกันครับ ดังนั้นคุณสามารถเลือกกดปุ่มที่ถนัดมือหรือเหมาะกับคุณที่สุดได้เลย เพียงแค่ว่าลูกเล่นมันจะอยู่ที่รูปแบบของตัวโน้ตที่จะมาค่อนข้างหลากหลายอยู่ บ้างก็เป็นการกดทีเดียว บ้างก็เป็นการกดค้าง บ้างก็อาจจะมาในรูปแบบของการดันอนาล็อกในทิศทางที่เกมระบุ และบางทีคุณก็ต้องกดปุ่มพร้อมกันทีเดียวสองปุ่ม อะไรแบบนั้น
อ่านแค่นี้ก็อาจจะรู้สึกว่าง่าย แต่…ก็ตามแบบเกมดนตรีล่ะครับ ถ้าคุณเลือกเพลงที่จังหวะเร็ว หรือเลือกระดับความยากมากขึ้น คุณจะได้เจอการผสานตัวโน้ตที่ชวนตาลายและต้องอาศัยสมาธิหลายส่วนทั้งมือกด ตาดู หูฟังผสมกันพอ ๆ กับความซับซ้อนของตัวโน้ตบนจอครับ
ทีนี้ ด้วยความที่ธีมของเกมก็คือเพลงจาก Final Fantasy เป็นหลัก (ไม่นับ DLC ที่มีเพลงจากซีรีส์อื่น ๆ) ตัวเกมก็เลยใส่องค์ประกอบความเป็น RPG เข้ามาหน่อย ๆ เหมือนกันเพราะเกมนี้จะให้คุณได้จัดปาร์ตี้สมาชิก 4 คนในสไตล์ของตัวเอง ซึ่งเหล่าตัวละครที่สามารถจัดปาร์ตี้ได้ก็จะเป็นตัวหลักจากแต่ละภาคนั่นล่ะครับ จำนวนมากบ้างน้อยบ้างก็สุดแท้แต่ โดยที่แต่ละคนจะมีเลเวลของตัวเอง รวมถึงค่าสถานะและสกิลเฉพาะด้วย ยังไม่นับว่าเราสามารถเลือกเซ็ตเวทอสูรอัญเชิญได้อีก
ถามว่ามันจะส่งผลยังไงกับเกมเพลย์หลัก ๆ บ้างไหม? มีผลกับเกมอยู่ครับ เพราะว่าปาร์ตี้ของคุณจะวิ่งและออกแอ็กชันโดยอัตโนมัติในภาพพื้นหลัง เพราะเวลาคุณเล่นแต่ละเพลงปาร์ตี้ของคุณก็จะวิ่งไปสู้กับเหล่าศัตรูต่าง ๆ คล้ายกับตัวเกมต้นฉบับของแต่ละภาค ทั้งการใช้สกิล การโจมตี การฟื้นฟู ฯลฯ ซึ่งปาร์ตี้ที่เก่งมันก็จะช่วยให้กำจัดศัตรูได้ไวขึ้น เยอะขึ้น เพราะบางเพลงบางฉากมีเงื่อนไขการไซด์เควสต์ว่าปาร์ตี้คุณต้องกำจัดบอสประจำฉากให้ได้นั่นเองครับ
ที่สำคัญคือ ด้วยความที่เป็นเกมดนตรีนี่ล่ะก็เลยจะมีการกำหนดว่าผู้เล่นจะ “พลาด” ได้กี่ครั้ง เกมนี้ก็เช่นเดียวกันโดยจะกำหนดจากค่า HP ของตัวละครในปาร์ตี้เรานั่นเอง ถ้าหากว่าคุณกดจังหวะได้แย่หรือพลาดบ่อยครั้งค่า HP ก็จะลดลงเรื่อย ๆ และถ้าลดจนหมดก็จะถือว่าเล่นไม่ผ่านเพลงนั้นไปทันที
พวกรางวัลเมื่อเคลียร์เงื่อนไขก็จะเป็นบรรดาอาร์ตเวิร์กเอย หรือคีย์อาร์ตต่าง ๆ ที่เราน่าจะเคยคุ้นตากันมาตั้งแต่สมัยก่อนจากนิตยสารเกมหรือไม่ก็จากเว็บไซต์ต่าง ๆ ในตอนที่มีการประกาศข่าวเกมในแต่ละครั้งครับ ซึ่งจุดนี้ผมมองว่ามันก็เพลินดีใช้ได้นะ ทำให้หลายเพลงเลยที่แม้คุณจะเล่นได้ดีจนจบเพลงแต่ยังเคลียร์เงื่อนไขเควสต์ไม่ได้ ต้องรอจนกว่าปาร์ตี้คุณจะเก่งพอจนสามารถล้มบอสได้ก่อนจบเพลงครับ
กราฟิก
ในส่วนของกราฟิกนี่ ทั้งดีไซน์ตัวละครและดีไซน์ฉากนั้นตั้งใจให้มีลักษณะเป็นตัวการ์ตูนน่ารัก ดูง่ายสบายตา ไม่ว่าเนื้อหาภาคหลักจะเข้ม จะจริงจังแค่ไหน พอมาอยู่ในเกมนี้ทุกคนจะโดนบังคับให้น่ารักกันถ้วนทั่วแบบไม่มีข้อยกเว้น ถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากบรรดาภาคหลักทั้งหลายได้ดีเหมือนกัน
เพลงประกอบ
อันนี้หัวใจหลักของเกมเลยครับ ถ้าคุณชอบไฟนอลแฟนตาซีเป็นทุนเดิมคุณจะแฮปปี้ทั้งเกม เพราะอัดแน่นไปด้วยทำนองที่คุณคุ้นเคยไปหมด อย่างที่ผมเกริ่นไปตอนต้นว่าถ้าคุณได้ยินเมโลดี้ที่คุ้นหูปั๊บ คุณอาจจะนึกออกเป็นฉาก ๆ เลยก็ได้ว่าตอนที่ได้ยินเพลงนี้ครั้งแรก คุณกำลังสู้กับใคร สู้กับบอสตัวไหน หรือกำลังวิ่งเล่นในเมืองอะไรแบบนั้น ถ้าคุณมีความทรงจำกับซีรีส์นี้เยอะเท่าไหร เกมนี้มันจะช่วยกระตุ้นความทรงจำพวกนั้นให้คุณเยอะเท่านั้นล่ะครับ
สรุป
นี่เป็นเกมดนตรีที่มีกลิ่นอายความเป็นไฟนอลแฟนตาซีจริง ๆ (เพราะเน้นซีรีส์นี้โดยเฉพาะ) ถ้าคุณชอบ FF และชอบเกมดนตรีด้วย เกมนี้คือเกมสำหรับคุณเลย ถ้าคุณชอบ FF แต่ไม่ถนัดเกมดนตรีก็อยากให้ลองดู เพราะระบบเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน (แต่เพลงยากก็มีนะ) ส่วนถ้าใครถนัดเกมดนตรีแต่แทบไม่คุ้นเคยกับ FF เลย ก็สามารถเล่นได้ครับเพราะเพลงที่รวมอยู่ในเกมนี้มีแต่เพลงดี ๆ ทั้งนั้น แม้คนไม่เคยเล่นก็น่าจะถูกใจไม่แพ้กัน