รีวิว COMPANY OF HEROES 3: CONSOLE EDITION
*ขอขอบคุณ SEGA สำหรับโค้ดเพื่อการรีวิว
**รีวิวนี้เล่นบน PS5
ผมเขียนบทความรีวิวชิ้นนี้ในช่วงเดียวกับที่มีข่าวใหญ่ในวงการเกมเกิดขึ้นพอดี แถมเป็นข่าวที่เกี่ยวกับ Company of Heroes 3 หัวข้อหลักของเราในครั้งนี้เสียด้วย!
โดยเมื่อ 23 พ.ค.2566 มีรายงานข่าวว่า ทาง SEGA บริษัทแม่ของสตูดิโอ Relic Entertainment (ผู้พัฒนาเกม แฟรนไชส์ Company of Heroes, Age of Empires 4, Homeworld และ Warhammer 40,000: Dawn of War เป็นต้น) ประกาศเลิกจ้างพนักงานของ Relic รวดเดียว 121 คน (จากทั้งทีมที่มีกันอยู่ 300 กว่าคน) โดยหลายรายก็เกี่ยวพันกับการสร้างเกม Company of Heroes 3 นี่แหละ
โดยสาเหตุทางการที่เขาแจ้งมาก็คือ “เพื่อปรับโครงสร้างองค์กรสำหรับรับมือกับการผันผวนของตลาดเกม และปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท” แต่หลายฝ่ายก็มีความเห็นตรงกันว่า เซก้าคงไม่ปลื้มผลงานของ Company of Heroes 3 เวอร์ชันพีซี ที่น่าจะทำยอดขายได้ไม่เป็นไปตามเป้า แถมกระแสรีวิวของทั้งสื่อและบรรดาแฟนเกม ก็แตกเป็นสองเสียง มีทั้งชมทั้งด่าพอ ๆ กัน ส่งผลให้เกมดูไม่ค่อยปังเท่าไหร่ในชุมชนเกมเมอร์ทั่วโลก
ย้อนอ่านรีวิวเวอร์ชันพีซีของผมได้ที่นี่ – COMPANY OF HEROES 3 – รีวิว [REVIEW]
อย่างไรก็ตาม ตัวเกมเขาได้ปล่อยเวอร์ชัน “คอนโซล” ตามออกมา โดยมีการปรับปรุงการควบคุม ให้สะดวกต่อการใช้จอยคอนโทรลเลอร์ แถมด้วยการอัปเดตแก้ไขข้อผิดพลาดต่าง ๆ ที่เคยปรากฏในเวอร์ชันพีซี เพื่อให้ตัว Console Edition เป็นเวอร์ชันที่สมบูรณ์ที่สุด โดยผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไรนั้น ผมจะเล่าให้ฟังครับ
CONSOLE EDITION
อันดับแรกมาดูฟีเจอร์ที่แตกต่างจากเวอร์ชันพีซีกันก่อน โดยของคอนโซลนั้น จะเห็นได้ชัดเจนว่ามีการออกแบบ UI ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับของพีซี โดยเฉพาะกับระบบ Command Wheel ที่เป็นการใช้ปุ่ม L2 ในการเรียกวงล้อคำสั่งขึ้นมาให้เราเลือกใช้ ซึ่งถ้าฝึกใช้ให้คล่อง ก็สามารถเล่นเกมได้ไหลลื่นพอสมควร (คือมันต้องฝึกให้ชินมือก่อนซักพัก)
อีกอันคือ Full Tactical Pause ฟีเจอร์ที่จะช่วยให้ผู้เล่นได้มีเวลาพักหายใจ, วางแผนและออกคำสั่งได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการสั่งโจมตีทางอากาศหรือใช้มาตรการต่อต้านรถถังเพื่อป้องกันจุดยุทธศาสตร์สำคัญ
สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าเจ้าระบบ Full Tactical Pause นี่แหละ คือเครื่องมืออันทรงประสิทธิภาพสำหรับผู้เล่นบนคอนโซล ที่ช่วยให้สามารถหยุดได้ทุกอย่าง เพื่ออ่านสถานการณ์ จัดคิวคำสั่งต่าง ๆ และเล่นได้อย่างแม่นยำ โดยการจัดคิวเนี่ยครับ มันดูยุ่งยากพอสมควร แรก ๆ จะมีกดผิดกดถูกกันมั่งแหละ แต่ถ้าฝึกฝนจนเข้าใจระบบ มันจะมีประโยชน์มากระหว่างเล่น
แต่ก็…อดคิดไม่ได้ว่า ไอ้การกดจัดคิวที่ซับซ้อนวุ่นวายเนี่ย ถ้าเป็นเมาส์กับคีย์บอร์ดบนพีซีคงสะดวกรวดเร็วกว่ากันมากเลยนะ!
อีกระบบหนึ่งก็คือ เขาพยายามลดความลำบากในการใช้อนาล็อก เพื่อเล็งเลือกยูนิตต่าง ๆ บนหน้าจอ ไปใช้ปุ่ม L, R และปุ่มทิศทาง “ล่าง” บนดีแพด เพื่อใช้เลือกสลับไปมาระหว่างยูนิตของฝ่ายเราได้แบบทันที ซึ่งก็ถือว่าสะดวกใช้ได้ แต่อาจจะมึน ๆ บ้างในช่วงแรก ต้องเล่นไปเยอะ ๆ กว่าจะชินเหมือนกันครับ
STORY
สำหรับโหมดซิงเกิลเพลเยอร์ แคมเปญหลักยังคงเหมือนเดิม นั่นคือตัวเกมจะประกอบไปด้วย 2 แคมเปญ ได้แก่ Italian Dynamic Campaign ในสไตล์เทิร์นเบส จะให้ประสบการณ์เกมเพลย์แบบแซนด์บอกซ์ ส่วนอีกแคมเปญก็คือ North African Operation ที่เล่นในรูปแบบภารกิจสไตล์ดั้งเดิม มี 8 ด่านให้เล่นสลับกับการเล่าเรื่องคั่นระหว่างฉาก ส่วนผู้เล่นที่สนุกกับการร่วมเล่นกับคนอื่น CoH3 จะมีโหมดออนไลน์มัลติเพลเยอร์ขนาดใหญ่ และมีโหมดโคออปปะทะกับ AI ด้วยกลุ่มกำลัง, กลไกการเล่นและยูนิตที่มากกว่าที่เคยมีมา
GRAPHIC QUALITY
นี่คือข้อเสียของเวอร์ชันคอนโซลครับ โดยตัวเกมมี 2 โหมดคือ Performance กับ Resolution โดยอย่างแรกนั้น ตัวเกมจะไหลลื่นก็จริง แต่คุณภาพกราฟิกที่ได้หยาบมากเลยครับ ถ้าเอาไปเทียบกับ PC แรง ๆ นี่จะดูเหมือนคนละเกมกันไปเลย ยิ่งฉากทะเลทราย ซึ่งมันมีดีเทลในฉากน้อยอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ภาพที่ได้ เหมือนเกมเกรด B เกรด C ไปซะอย่างนั้น
ขณะที่โหมดแบบเน้น Resolution ยิ่งไปกันใหญ่ คือมันจะเพิ่มอ็อบเจ็กต์เข้าไปในฉากเยอะขึ้นก็จริง แต่เฟรมเรตที่ได้ออกมาต่ำมาก ถึงขนาดภาพกระตุก กึก ๆ เวลาเราเลื่อนภาพดูไปทั่วแผนที่ นี่มันต่ำกว่า 30 fps ไปหลายเท่าเลยนะ
CONCLUSION
ผมเก็บข้อเสียสุดท้ายมาพูดถึงในช่วงบทสรุป เพื่อถือเป็นการปิดฉากบทความไปในตัว โดยจากประสบการณ์ที่ผมเจอระหว่างเล่นเกมล่วงหน้าในเวอร์ชันสำหรับนักรีวิวนั้น Company of Heroes 3 Console Edition ต้องการการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลา เพื่อใช้ล็อกอินเข้าสู่เกม ทีนี้ ปรากฏว่าระหว่างผมเล่นอยู่ดี ๆ เกิดเน็ตหลุด ทำให้เกมค้างจนผมต้องปิดเกมแล้วกลับไปหน้าจอโฮม PS5 เพื่อรีสตาร์ตเกมใหม่ ซึ่งพอเข้าเกมได้อีกครั้ง ปรากฏว่า “ออโต้เซฟ” หายไปเกือบหมด ยังดีที่ตัว “แมนนวลเซฟ” ไม่หายไปไหน ผมยังพอกู้ฉากเก่ามาเล่นได้โดยไม่ย้อนหลังไปมากนัก
ซึ่งกับประเด็นที่ตัวเกมต้องการอินเตอร์เนตตลอดเวลานี่อาจเป็นปัญหาเรื้อรังได้ เดี๋ยวต้องเช็กข้อมูลกันให้ดีตอนเกมเปิดขายอย่างเป็นทางการครับ
สรุปนะ…จากทั้งหมดทั้งมวลที่ผมกล่าวไป ผมขอแนะนำสั้น ๆ ว่า หากที่บ้านของท่านมีอุปกรณ์การเล่นเกมครบครัน แล้วเป็นแฟนดั้งเดิมของซีรีส์นี้ ผมแนะนำให้ไปเล่นบนพีซีดีกว่าครับ แต่! ถ้าท่านสะดวกเล่นบนคอนโซลมากกว่าล่ะก็ ผมก็ขอยืนยันว่า เกมเวอร์ชันนี้สมบูรณ์เพียงพอ และคุ้มค่าเพียงพอที่จะเล่น มันไม่ได้แย่มากมายอะไร มีโมเมนต์ดี ๆ เยอะ จังหวะสะใจก็เยอะระหว่างที่ผมได้เล่นแคมเปญผ่านพ้นไป…เกมมันโอเคครับ
Pros
- ออกแบบการควบคุมให้ใช้จอยเล่นเกม RTS ได้ดีเยี่ยม…แต่ต้องจำปุ่มและฝึกใช้ให้ชินก่อนนะ
Cons
- กราฟิกค่อนข้างหยาบ ภาพที่ได้เลยไม่สวยอลังการเท่าไหร่
- เกมต้องการอินเตอร์เน็ตเชื่อมต่อ บางครั้งเน็ตหลุดทำออโต้เซฟหาย