Games Reviews

We Love Katamari Reroll + Royal Reverie – รีวิว [REVIEW]

โดย G-jang

We Love Katamari Reroll + Royal Reverie – รีวิว [REVIEW]

*ขอขอบคุณโค้ดรีวิวจาก Bandai Namco Entertainment Asia มา ณ โอกาสนี้ครับ
**รีวิวนี้เล่นบน PlayStation 5

แฟรนไชส์ Katamari Damacy นี้ เริ่มต้นวางจำหน่ายภาคแรกในปีค.ศ.2004 บนเครื่อง PlayStation 2 ครับ และข้อมูลที่ทำให้ผมทึ่งที่สุดก็คือแฟรนไชส์นี้มีเกมวางจำหน่ายรวม ๆ กันเกิน 10 เกมเข้าไปแล้ว อาจจะมีช่วงที่ทิ้งระยะนานไปบ้าง แต่เกมนี้ก็ยังคงมีที่ยืนในวงการอยู่จนถึงภาคล่าสุดก็คือภาคนี้นี่ล่ะครับ

แต่แม้จะวางจำหน่ายมาหลายภาคและประวัติยาวนานขนาดนี้ ผมเองไม่เคยเล่นเกมในแฟรนไชส์นี้เลยสักภาคครับ อาจจะแค่เคยเห็นภาพในนิตยสารเกมสมัยก่อน แต่ถึงที่สุดก็ไม่เคยรู้ว่ามันคือเกมอะไรและเล่นยังไง ดังนั้นภาคนี้จึงถือเป็นภาคแรกที่ผมได้เล่นเลยครับ

ว่าแล้วก็ไปลองอ่านกันเลยว่าผมคิดเห็นอย่างไรกับเกมนี้


เนื้อเรื่อง

สำหรับ We Love Katamari Reroll + Royal Reverie นี้ ถือเป็นการรีมาสเตอร์ตัวเกมภาคที่สองของแฟรนไชส์ครับ ซึ่งก่อนหน้านี้เกมภาคแรกสุดเคยได้รับการรีมาสเตอร์และวางจำหน่ายไปแล้วในปีค.ศ.2018 บน PC และ Nintendo Switch (ส่วนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ก็ลงตามมาในภายหลัง)

เซ็ตติ้งของเกมในภาคแรกก็คือราชาแห่งจักรวาล (King of All Cosmos) ที่ปกครองดูแลจักรวาลนั้น อยู่มาวันหนึ่งได้เกิดเมาแล้วเผลอทำลายดวงดาวในจักรวาลไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงแค่โลกเท่านั้น เพื่อแก้ไขสถานการณ์นี้ราชาจึงได้ส่งลูกชายของตน (The Prince) ไปที่โลก เพื่อใช้ลูกบอล “คาตามาริ” รวบรวมวัตถุดิบต่าง ๆ ที่จะนำมาทำเป็นดวงดาวใหม่อีกครั้ง ซึ่งสุดท้ายเจ้าชายก็ทำได้สำเร็จ จักรวาลก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

ในภาคสองนี้ก็ดำเนินเรื่องราวต่อจากภาคแรกครับ แต่ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรที่ทุกคนต้องเข้าไปแก้ไข หากแต่ว่าหลังจากที่จักรวาลกลับมาเป็นปกตินั่นเอง ตัวราชาก็มีแฟน ๆ เฝ้าติดตามและเคารพนับถือเพิ่มขึ้นมากมาย ซึ่งแฟน ๆ เหล่านี้ต่างก็มีคำขอที่แตกต่างกันไป และราชาแห่งจักรวาลก็จะสนองคำขอให้ (หลังจากที่ฟังคำป้อยอ) โดยมอบหมายให้เจ้าชาย (ตัวเรา) ไปใช้คาตามาริแล้วกลิ้ง ๆๆๆ มันเข้าไปเพื่อทำคำขอของเหล่าแฟน ๆ ให้เป็นจริง

เนื้อหาและเซ็ตติ้งของภาคสองก็มีเท่านั้นล่ะครับ ตัวเกมจะเป็นการที่เราเดินในฮับกลางแวะคุยกับแฟน ๆ แต่ละคนแล้วก็เล่นในแต่ละฉากตามเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งก็อย่างที่ทุกคนเข้าใจว่าสำหรับเกมนี้เนื้อเรื่องไม่ใช่จุดขายอยู่แล้ว เหมือนใส่กันลงมาให้มีอะไรขำขันแค่นั้นเอง (มีประวัติสมัยเด็กของราชาแห่งจักรวาลด้วยนะ แต่ก็นั่นล่ะ) แต่พวกบทพูดอะไรต่าง ๆ นี่ก็โอเคอยู่นะ อาจไม่ถึงกับขำก๊ากตัวงอ แต่มันก็พอทำให้หึ ๆ ได้บ้าง


เกมเพลย์

สำหรับเกมเพลย์ของ We Love Katamari Reroll + Royal Reverie นั้นก็คือ กลิ้งมันเข้าไป กลิ้งไม่ต้องสนอะไร แค่นั้นล่ะครับ

โอเค ผมล้อเล่น วิธีเล่นของเกมนี้หลัก ๆ ก็คือคุณต้องใช้ก้านอนาล็อกทั้งซ้ายและขวาทำการควบคุมลูกบอลคาตามาริ แล้วกลิ้งมันไปดูดวัตถุเข้ามา เพื่อทำให้เกิดเป็นคาตามาริที่ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น และใหญ่ขึ้นนนนนนน เรื่อย ๆ เกมเพลย์หลัก ๆ จะเป็นในรูปแบบนี้ เพียงแค่ว่าในแต่ละฉากก็จะมีเงื่อนไขการเคลียร์ที่ไม่เหมือนกันนิดหน่อย แต่หลัก ๆ ก็มักจะมีสองแนวทางคือ 1. ทำการเพิ่มขนาดของคาตามาริให้ใหญ่ขึ้นตามที่กำหนดภายในเวลาจำกัด หรือ 2. เพิ่มขนาดของคาตามาริให้ใหญ่ขึ้นตามขนาดที่กำหนดโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ฟังดูอาจจะเหมือนไม่มีอะไร แต่พอลองเล่นแล้ว เกมนี้ก็ต้องอาศัยการวางแผนอยู่บ้างเหมือนกันครับ เพราะว่าคุณจะไม่สามารถกลิ้งแล้วดูดวัตถุที่มีขนาดใหญ่กว่าคาตามาริของตนเองได้ ดังนั้นทุกฉากคุณจึงต้องเริ่มจากดูดอะไรเล็ก ๆ เข้ามาสะสมเอาไว้ แล้วจึงค่อย ๆ ยกระดับไปดูดอะไรที่มันใหญ่ขึ้นเพื่อเคลียร์ฉากครับ และด้วยความที่แต่ละฉากจะมีการจำกัดเวลาในการเล่นเอาไว้ ทำให้คุณจะต้องคิดก่อนเหมือนกันว่าควรกลิ้งไปดูดอะไรก่อน แล้วจึงค่อยวนกลับมาดูดชิ้นใหญ่ในทีหลัง

เกมเพลย์หลัก ๆ ก็มีแค่นี้เลยจริง ๆ ทั้งเกมแต่ว่าพอเล่นแล้วมันมีเสน่ห์แบบแปลก ๆ ครับ ทั้งในด้านของดีไซน์ตัวละคร ดีไซน์ของฉาก รวมถึงตัวเกมเพลย์เอง คือมันให้ความรู้สึก “เพี้ยน” ได้สุดกู่มาก เหมือนกับว่าถ้ามีเกจความเพี้ยนเต็มสิบ เกมนี้ทีมงานอัดเข้าไปหนึ่งร้อยครับ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ออกมาเป็นเกมที่ไม่เหมือนใครและคงไม่มีใครเหมือนครับ ผมคิดว่ามันคล้ายเวลาที่ดูโฆษณาจากญี่ปุ่นที่มันประหลาดจนชวนงง สมองเราประมวลผลยังไม่ทัน แต่มันก็ดึงดูดให้เราดูต่อได้จนจบแบบนั้นเลยครับ

ในเกมนี้ยังมีพวก collectibles ต่าง ๆ ให้ตามเก็บเหมือนกันครับ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าญาติ ๆ (Cousins) ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนสกินตัวละครให้เราเปลี่ยน มีของขวัญซึ่งก็เป็นพวกของแต่งกายให้เราปรับรูปลักษณ์ และยังมีสติกเกอร์ที่ซ่อนตามฉากต่าง ๆ ซึ่งถ้าเราถ่ายภาพมาก็จะปลดล็อกกรอบรูปไว้ใช้ในโหมดถ่ายภาพ ซึ่งสติกเกอร์เหล่านั้นก็เป็นเกมคลาสสิกของ Bandai Namco เองนั่นล่ะครับ

หากจะให้พูดถึงโดยรวมของเกมก็คือมันแปลกจริง แต่เข้าถึงไม่ยาก ลองจับแป๊บเดียวก็เล่นเป็นเลย ที่สำคัญคือพอชินแล้วเกมจะเพลินใช้ได้เลยครับ ถือเป็นการพักเบรกจากบรรดาเกมขาประจำของผมที่ต้องบังคับตัวละครเข้าซัดหน้ากันทุก ๆ 5 วินาทีได้ดีไม่เบา


กราฟิกและการนำเสนอ

อย่างที่ผมบอกไปว่างานดีไซน์ของเกมนี้ดูเพี้ยน ดูแปลก แต่มันมีเสน่ห์ในแบบของตัวเองครับ พวกโมเดลตัวละครที่เป็นคนนี่คือตั้งใจทำออกมาเป็นบล็อกสี่เหลี่ยมชัดเจนมาก แม้แต่พวกสิงสาราสัตว์เองก็เหมือนกัน แต่มันก็ออกมาดูน่ารักในแบบของมันครับ หากจะมีอะไรที่ผมชอบมากในแง่ของกราฟิก ก็คือทุกอย่างมันขยับได้หมด มันโดนดูดได้หมดเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดูดมาก็จะโดนจับมาขยำรวมกันในก้อนคาตามาริของเรา ยิ่งพอมันใหญ่ขึ้น ก้อนมันก็จะยิ่งดู…มั่วซั่วมากขึ้น

ซึ่งจุดนี้นี่ล่ะที่ผมชอบ เพราะว่าวัตถุในเกมไม่ได้ถูกทำมาวางแปะแล้วไม่ขยับหรือทำอะไรกับมันไม่ได้ ทุกอย่างคือสิ่งที่เรามีปฏิสัมพันธ์ได้หมด


เพลงประกอบ

เพลงประกอบของเกมนี้ถือเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์ผมมากเหมือนกันครับ เพราะว่าเพลงประกอบฉากส่วนมากจะเป็นเพลงที่มีเสียงร้อง แล้วที่สำคัญคือแต่ละเพลงนี่เพราะใช้ได้เลยนะ จังหวะของเพลงแต่ละเพลงจะออกแนวคึกคักชวนให้โยกหัวเบา ๆ ระหว่างเล่นได้อยู่เหมือนกัน เพลงประจำเกมนี่ถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ดีของเกมเลยล่ะครับ


สรุป

We Love Katamari Reroll + Royal Reverie นี่ถือเป็นเกมที่ผมชอบมากกว่าที่คาดไว้ทีแรกอยู่พอควร ตัวเกมอาจจะดูเพี้ยน แต่มีเสน่ห์แบบที่ไม่เหมือนใคร ถ้าคุณอยากหาอะไรที่ฉีกแนวไปจากเกมสไตล์เดิม ๆ ที่เล่นอยู่ ขอแนะนำให้ลองเล่นกันดูครับ

The Review

80% กลิ้งมันเข้าไป ให้ใหญ่กว่าเดิม

นี่คือเกมที่นำเสนอแหวกแนวทั้งดีไซน์และระบบเกม แต่ให้ความบันเทิงได้อย่างที่คาดไม่ถึง

80%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์