รีวิว The Crew Motorfest
*ขอขอบคุณ UBISOFT สำหรับโค้ดเพื่อการรีวิว
**รีวิวนี้เล่นบน PS5
2023 เป็นอีกปีที่เราจะได้เล่นเกมแข่งรถดี ๆ มากมายเลยครับ อย่าง RIDE5 ที่เพิ่งวางจำหน่ายไปก็ถือว่าเป็นเกมแข่งซิ่งสองล้อที่ดีมาก แถมด้วยเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งในวงการเกมแข่งรถก็กำลังจะเกิดในปีนี้เช่นกัน นั่นคือการที่ทาง EA ได้ช่วงต่อลิขสิทธิ์รายการแข่งขัน WRC มาไว้ในกำมือ และได้ให้ทีมงานเบื้องหลัง DIRT ลงมือสร้างเกมใหม่ในชื่อ EA WRC ก็เตรียมวางจำหน่ายให้เราได้เล่นกันเร็ว ๆ นี้แล้ว ส่วนทีมงาน Kylotonn เบื้องหลังแฟรนไชส์เกม WRC ดั้งเดิมก็ประกาศไม่ยอมแพ้ เตรียมทำเกมใหม่ของตัวเอง ถึงแม้จะไม่มีชื่อ WRC ให้ใช้แล้วก็ตาม!
แหม…น่าตื่นเต้นน่าติดตามทุกเกมเลยใช่มั้ยครับ
ทีนี้! ระหว่างที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว หรือลืมไปเลยว่าค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง ยูบิซอฟต์ ก็ได้ปล่อยเกมแข่งรถโอเพ่นเวิลด์ภาคใหม่ของพวกเขาออกมาเช่นเดียวกัน ซึ่งขอสารภาพตามตรงเลยครับว่า ผมไม่ได้รอเล่นเกมนี้อยู่ในทีแรก แต่ทว่า! นี่นับเป็นความผิดพลาดครั้งหนึ่งในฐานะผู้สื่อข่าววงการเกมเลยทีเดียว เพราะผมพบว่าตัวเองมอง The Crew Motorfest ผิดไป…
ตอนนี้ผมยอมรับแล้วว่า The Crew Motorfest เป็นม้ามืดอีกเกมประจำปีในแวดวงเกมเรซซิ่ง ตัวเกมทำมาดีเกินคาด เล่นสนุก เล่นเพลิน เล่นไปเล่นมาเหมือนได้ไปเที่ยวฮาวายกันไปเล้ยย!
ส่วนเหตุผลน่ะเหรอ ผมขออธิบายให้ฟังดังนี้ครับ
GAME MODE
The Crew Motorfest ใช้ระบบแบ่งกลุ่มการแข่งขันออกเป็น เพลย์ลิสต์ โดยในแต่ละเพลย์ลิสต์ก็จะมีกิจกรรมการแข่งแบบต่าง ๆ (แข่งความเร็ว/แข่งทำเวลา ฯลฯ) ที่มี “ลักษณะร่วม” เดียวกัน โดยไม่ได้หมายถึงประเภทเฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็น รถยนต์, จยย, แรลลี่ ฯลฯ แต่ลักษณะร่วมในที่นี้หมายถึง สไตล์เฉพาะของแวดวงยานยนต์นั้น ๆ
ยกตัวอย่างเช่น เพลย์ลิสต์คลาสสิกคาร์, เพลย์ลิสต์ครอสคันทรี, เพลย์ลิสต์มอเตอร์ไซค์ทุกประเภท, เพลย์ลิสต์ทัวร์รอบเกาะชมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ, เพลย์ลิสต์รถแต่งสไตล์ญี่ปุ่น, เพลย์ลิสต์รถยนต์เมดอินอเมริกัน เป็นต้น
เมื่อคุณเลือกที่จะเล่นเพลย์ลิสต์ไหนแล้ว บนแผนที่ก็จะปรากฏจุดเริ่มแข่งให้คุณไปเข้าร่วมได้เลย โดยแต่ละเพลย์ลิสต์ก็จะมีการแข่งราว 8-12 สนามโดยประมาณ คุณจะได้เล่นสะสมเงินไปเรื่อย ๆ เพื่อใช้ซื้อของตกแต่ง ของอัปเกรดตัวรถ และเมื่อเคลียร์ได้ทั้งเพลย์ลิสต์ก็จะมีรางวัลใหญ่มอบให้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรถคันพิเศษตามธีมเพลย์ลิสต์นั้น ๆ
อ้อ พวกเงินในเกมนี่คุณใช้เงินจริงซื้อเติมได้ตามใจชอบ ตามสไตล์เกมยูบิซอฟต์เขาล่ะ
ส่วนตอนที่คุณไม่ได้เลือกว่าจะลงแข่งที่ใด คุณก็สามารถเลือกเอารถในคอลเลกชันของคุณมาขับขี่ไปได้รอบเกาะโออาฮูที่มีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติอันหลากหลาย ส่วนนี้จะเป็นโอเพ่นเวิลด์คล้าย ๆ เกมอย่างฟอร์ซ่านั่นแหละครับ
ทั้งนี้ ตัวเกมยังมีอีเวนต์ออนไลน์ใหญ่ ๆ ให้คุณได้เอารถที่โมฯ มาอย่างดีของคุณเข้าร่วมแข่งได้ด้วย มีทั้งอีเวนต์รายสัปดาห์ไปจนถึงไลฟ์ซัมมิท งานใหญ่ที่จะจัดขึ้นเป็นรอบ ๆ ซึ่งคนที่ชอบแข่งออนไลน์หลายคนรอคอยกันอยู่
GAMEPLAY
มาว่ากันต่อในส่วนของเกมเพลย์ ซึ่งผมสรุปสั้น ๆ ให้ก่อนเลยว่า The Crew Motorfest เขาพัฒนาขึ้นเยอะมากในส่วนนี้ครับ ผมพูดแบบไม่เกรงใจเลยว่า The Crew 1 และ The Crew 2 อ่ะ ผมไม่ชอบเลยตรงส่วนฟิสิกส์รถและการจำลองความเร็วในเกม ที่มันโอเวอร์มาก ๆ เป็นเกมอาร์เคดมาก ๆ เล่นแล้วเบื่อเร็วมาก แต่คราวนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้วครับ
เพราะเขาปรับจูนให้มันมีความเป็นเกมแข่งรถที่สมจริงมากขึ้น ต้องควบคุมรถมากกว่าเก่า ต้องรู้จักช่วงเวลาที่ควรเบรก การรักษาความเร็ว การเลือกเลนเข้าโค้ง ฯลฯ ส่วนการขี่มอเตอร์ไซค์ไปจนถึงความแตกต่างของพื้นผิวถนนระหว่างทางลูกรังกับทางลาดยางก็ให้ความรู้สึกแตกต่างชัดเจน ต้องใช้เทคนิคบังคับรถที่ต่างกันด้วย
ทั้งหลายทั้งมวลนี้ ทำให้ The Crew Motorfest เล่นสนุกขึ้นกว่าเดิมมาก มันกลายเป็นเกมที่ดู “แน่นปึ้ก” ขึ้นมาทันที!
อย่างไรก็ตาม ที่ผมบอกว่ามันดีขึ้น ก็ไม่ได้หมายความว่า มันดีถึงขนาดไปเทียบเท่าเกมจำลองการขับขี่ขั้นสูงในท้องตลาดเกมอื่น ๆ นะครับ มันยังไปเทียบแบบนั้นไม่ได้หรอก เพราะในเกมยังมีโมเมนต์เวอร์ ๆ ให้เราได้ฮากันอยู่เหมือนเดิมแหละ อาทิ ขับรถเหินข้ามตึก, พุ่งข้ามเหวอย่างไกล…อะไรพวกนั้น
สรุปในหัวข้อนี้ก็คือ ยูบิเขาอัปเกรดซีรีส์ The Crew ได้ดีขึ้นพร้อมเลือกแนวทางของตัวเองชัดเจนไปเลยว่าเป็นเกมขับรถที่เน้นคอนเทนต์ เน้นสร้างประสบการณ์อันผ่อนคลายให้กับผู้เล่น ที่มาพร้อมโลกเปิดบรรยากาศดีอย่างฮาวาย ส่วนใครอยากขับรถแบบสมจริงสุด ๆ ให้ไปลองเกมอื่นได้เลย 555
ART & CREATIVITY
ถึงค่ายยูบิซอฟต์มักจะโดนล้อบ่อย ๆ เรื่องการสร้างเกมโอเพ่นเวิลด์ที่ซ้ำเดิมกับเกมเก่าของตัวเอง แต่ผมไม่เชื่อแบบนั้นครับ และไม่เห็นด้วยอย่างมาก โดยเหตุผลก็คือ “พวกเขาฝีมือดีขึ้นในทุก ๆ เกมที่ออกใหม่ และโลกเกมของพวกเขา สวยจริง ๆ” ไม่เชื่อลองดูเกมอย่าง The Division 2 สิครับ ที่อัปเกรดล่าสุดจนทุกแมปเต็มไปด้วยรายละเอียดสวยงามสุดสมจริง ใครกังขาลองเข้าเกมไปดูได้เลย แล้วจะรู้ว่าเกมที่มีโลกเปิดสวย ๆ เป็นยังไง
กับ The Crew Motorfest ก็ไม่ต่างกัน ทีมงานเขามอบโลกเสรีแห่งการขับขี่ที่สวยงามมาก มีหลายสภาพภูมิประเทศให้เลือกเดินทาง เอาจริง ๆ แค่เกาะโอเพ่นเวิลด์เกาะเดียวนี่ก็คุ้มค่าเงินแล้วนะผมว่า
ส่วนเสียงเพลงในเกมก็ตามสไตล์ครับ….ความฮาวายที่มาพร้อมอูคุเลเล่ 555555 ผมล้อเล่นนะครับ จริง ๆ คือเขามีเพลงตามแต่ละธีมของเพลย์ลิสต์เปิดให้ฟังตลอดการเล่น
CONCLUSION
มาถึงบทสรุปสุดท้ายกันแล้ว โดยถ้าใครอ่านมาตั้งแต่ต้นก็คงทราบหน้าตาของเกมนี้แล้วล่ะ ว่ามันเป็นเกมแบบใด ส่วนจะชอบหรือไม่ชอบก็แล้วแต่ทุกท่านที่จะต้องถามตัวเอง ถ้าถามผม ผมมองว่าถ้าคุณชอบเกมแข่งรถชิล ๆ แบบนี้นะ The Crew Motorfest ก็จะเหมือนกับการลงทุน เพราะผู้สร้างเขาบอกว่าจะจัดคอนเทนต์ (ทั้งฟรีและเสียตังค์) อัปเดตออกมาให้ดาวน์โหลดกันอย่างต่อเนื่องอีกหลายปี เรียกได้ว่าเล่นกันไปยาว ๆ ไม่ต้องลบออกจากเครื่องกันไปเลย
Pros
- รถเยอะมากกกก, สนามแข่งและอีเวนต์ก็เยอะมากกกก แถมสนุก ๆ ทั้งนั้น
- กราฟิกพัฒนาขึ้นจากภาค 2 ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว นี่เป็นจุดเด่นของเกมค่ายนี้เลยนะ คือพวกเขาสร้างโอเพ่นเวิลด์ได้สวยมากจริง ๆ
- ระบบฟิสิกส์ที่เกี่ยวเนื่องกับตัวรถ ยกระดับจากภาค 2 เยอะมาก ไม่ก๊องแก๊งแบบเกมอาร์เคดเรซซิ่งแบบเดิมแล้ว (แต่ก็ไม่ถึงขั้นสมจริงแบบเกมแกรนทัวริสโม่นะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด)
- ในส่วนของทางลูกรัง แรลลี่และโมโตครอส (ทั้งแบบสี่ล้อและสองล้อ) พัฒนาขึ้นจากภาค 2 เยอะ ค่อยเล่นแล้วรู้สึกว่าสนุกขึ้นมาหน่อย
Cons
- การแข่งเรือ + การแข่งเครื่องบิน ไม่สนุก ค่อนข้างน่าเบื่อ เหมือนเป็นแค่น้ำจิ้ม, เอาไว้ขับเล่น ๆ ในฉากโอเพ่นเวิลด์
- รถเงา หรือโกสต์คาร์ของผู้เล่นออนไลน์อื่น ๆ หลอนมาก! รบกวนเราเวลาแล่นอยู่ในฉาก ไม่รู้ว่าคันไหนเป็นรถเงา คันไหนเป็นรถคอม AI ขับหลบขับชนมั่วไปหมด!
