ในงาน Tokyo Game Show 2023 ครั้งนี้ เรามีโอกาสได้ไปลองเล่นเดโมของ Final Fantasy VII Rebirth มา ณ บูธของ Square Enix ครับ นี่คือ “ภาคต่อ” ของ Final Fantasy VII Remake ที่วางจำหน่ายบน PlayStation 4 ไปเมื่อปีค.ศ.2020 ที่ผ่านมา และเชื่อว่าเป็นหนึ่งในเกมที่หลายคนรอคอยกันอย่างมากด้วย เชิญอ่านสิ่งที่เราสัมผัสมาได้เลย
เดโมนี้จะแบ่งออกเป็นสองช่วงด้วยกันครับ ช่วงแรกจะเป็นเรื่องราวในอดีตตอนที่คลาวด์และเซฟิรอธเดินทางไปในหุบเขานีเบิล เพื่อสำรวจเตาปฏิกรณ์มาโคด้านหลังของนีเบิลไฮม์ โดยที่มีทีฟาในสมัยวัยรุ่นคอยนำทาง พร้อมด้วย “พลทหาร” ธรรมดา ๆ คนนึงจากชินระที่ร่วมทางไปด้วย ซึ่งเนื้อหาในช่วงนี้เส้นทางต่าง ๆ จะค่อนข้างตรงไปตรงมา ในขณะที่ช่วงสองจะเป็นตอนที่คลาวด์และสมาชิกในปาร์ตี้กำลังจะเดินทางไปยังป้อมปืนจูนอนครับ
มาพูดถึงเนื้อหาในช่วงแรกกันก่อน ถ้าใครจำเกมต้นฉบับได้ก็จะรู้ว่าเดิมทีเราจะบังคับอะไรเซฟิรอธไม่ได้เลย เพราะพี่แกจะโจมตีศัตรูเองโดยอัตโนมัติ (พร้อมความเก่งระดับที่ไร้เทียมทาน) แต่ใน Rebirth นี้เราจะสามารถสลับไปบังคับเซฟิรอธได้แบบเต็มตัวครับ สามารถกดดูค่าพลังหรือใส่มาทีเรียใหม่ ๆ ให้ได้เลย
ถ้าหากว่าคลาวด์มีท่าเฉพาะตัวคือการกดสามเหลี่ยมเพื่อเปลี่ยนโหมดการโจมตีสลับไปมาระหว่าง Operator และ Punisher แล้ว เซฟิรอธก็จะมีท่าเฉพาะเป็นการโจมตีด้วยปุ่มสามเหลี่ยมที่จะเปลี่ยนรูปแบบไปและรุนแรงขึ้นเมื่อเราโจมตีธรรมดาสะสมไปเรื่อย ๆ ครับ ซึ่งเซฟิรอธเองก็มาพร้อมลิมิตเบรกของตัวเองนั่นคือ Octaslash ที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดี (อบิลิตี้นึงของเซฟิรอธคือ Hell’s Gate ที่จะกระโดดขึ้นไปด้านบนก่อนพุ่งลงมาแทงด้วยดาบมาซามูเนะที่…หลายคนคงจำกันได้)
การเล่นโดยรวมนั้นยังคงมีพื้นฐานจาก VII Remake แต่ว่าทุกสิ่งนั้นเร็วขึ้น ดูรุนแรงขึ้น สวยงามขึ้นครับ สิ่งหนึ่งที่จะต้องพูดถึงก็คือระบบใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามาซึ่งเรียกว่า Synergy ครับ ระบบนี้พูดง่าย ๆ ว่าเป็นท่าประสานระหว่างสองตัวละครในปาร์ตี้นั่นเอง
ในเดโมที่เราได้เล่นนี้จะมีระบบ Synergy อยู่สองแบบด้วยกัน แบบแรกจะใช้ได้เมื่อเรากด R1 ค้างเพื่อป้องกันจากนั้นก็กด สี่เหลี่ยม/สามเหลี่ยม หรือกากบาท/วงกลม ที่จะเป็นท่าคู่ระหว่างสองตัวละครที่ให้ผลลัพธ์แตกต่างกันไป ส่วนอีกแบบนั้นจะต้องใช้เกจ Synergy ครับ วิธีการใช้ก็คือ เมื่อเราใช้อบิลิตี้หรือเวท (ที่จะต้องใช้เกจ ATB) ก็จะเป็นการเพิ่มเกจ Synergy ครับ หากว่าตัวละครสองตัวในปาร์ตี้เรามีเกจ Synergy ถึงกำหนดร่วมกัน ก็จะใช้ท่าประสานได้ และส่วนมากก็จะเป็นการโจมตีที่รุนแรง (เหมือนอยู่กึ่งกลางระหว่างอบิลิตี้ธรรมดากับท่าลิมิตเบรก)
ระบบ Synergy นี้ เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้คนเล่นต้องคอยสลับตัวละครไปมาตามสถานการณ์ ไม่ว่าจะช่วยกันโจมตีศัตรูให้อยู่ในภาวะ Stagger หรือไม่ก็ใช้เกจ ATB เพื่อสะสมเกจ Synergy แล้วปิดฉากศัตรูอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังชวนให้อยากสลับตัวละครในปาร์ตี้ไปมาเพื่อหาสไตล์การเล่นที่เหมาะกับตัวเองด้วยเหมือนกันครับ
ช่วงแรกของเดโมนั้นจบลงเมื่อคลาวด์กับเซฟิรอธชนะบอสลงได้ แต่ในช่วงที่สองที่เป็นการเดินทางไปป้อมปืนจูนอนนั้นถือเป็นการนำเสนอระบบใหม่ ๆ ออกมาให้เห็นได้ชัดเจนเลย อย่างแรกก็คือการเปิดกว้างพื้นที่ให้ตระเวนสำรวจได้ อีกทั้งยังสามารถเรียกโชโคโบะมาขี่เพื่อความรวดเร็วได้ด้วย สิ่งหนึ่งที่ชอบก็คือแม้ว่าในฉากสู้จะเข้าทีละสามคน แต่เวลาเดินทางนี่ทุกตัวละครไปพร้อมกันหมดครับ วิ่งด้วยกัน ขึ้นขี่โชโคโบะไปด้วยกัน (ใช่ครับ รวมถึงเรดเธอร์ทีน)
อย่างที่สองก็คือระบบการ Transmute Item ครับ ในภาคนี้เราจะสามารถเก็บไอเท็มวัตถุดิบตามฉากตามทางเพื่อนำมาคราฟต์เป็นไอเท็มต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ แต่ไอเท็มในเดโมนี้ก็จะเป็นพวกของเบสิกอย่างโพชัน ไฮโพชันอะไรแบบนั้น เพียงแต่ว่าพอเราทำการแปลงไอเท็มได้มันก็จะมีค่า EXP ต่างหากของการแปลงไอเท็ม เลยทำให้เชื่อว่าในเกมจริงคงจะมีของดี ๆ ที่สามารถหาได้จากการ Transmute เท่านั้นก็เป็นได้ครับ
ปาร์ตี้ของเราในช่วงที่สองจะประกอบไปด้วยคลาวด์, ทีฟา, แอริธ, บาร์เร็ต และเรดเธอร์ทีนที่คราวนี้เราจะบังคับได้เต็มรูปแบบแล้ว ซึ่งก็แน่นอนว่ามาพร้อมกับระบบเฉพาะตัวเหมือนกัน โดยระบบของเรดเธอร์ทีนคือเกจ Vengenace ที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อทำการป้องกันการโจมตีของศัตรูครับ เกจนี้จะช่วยเพิ่มความเร็วและพลังโจมตีของเรดเธอร์ทีน จากความรู้สึกของเราคิดว่านี่คือตัวละครที่อาจต้องเล่นเน้นป้องกันในช่วงแรก แต่พอเกจเพิ่มแล้วก็ต้องปรับมาระดมโจมตีโดยใช้ประโยชน์จากเกจที่สูงขึ้นนั่นล่ะครับ
ด้วยจำนวนตัวละครที่เพิ่มขึ้น เลยทำให้ท่า Synergy ระหว่างตัวละครเยอะขึ้นตาม ไม่ว่าเราบังคับใครก็จะมีความสามารถ Synergy กับอีกสองคนในปาร์ตี้แน่นอน ซึ่งความสามารถอาจจะเป็นโจมตีหรือเป็นการบัฟตัวละครก็ได้ ใครที่ชอบเล่นจัดบิลด์ตัวละครหรือจัดทีมในสไตล์การเล่นของตัวเองน่าจะถูกใจกับภาคนี้ได้ไม่ยากครับ เพราะเอาแค่ในเดโมนี้ก็รู้สึกได้แล้วว่าระบบการเล่นมีความลึกซึ้งและหลากหลายกว่าเดิมไม่เบาเลย
ในช่วงที่สองของเดโมนี้จะไปจบลงที่การสู้กับบอสซึ่งเป็นมอนสเตอร์ปลาตรงบริเวณใต้ป้อมปืนจูนอนนั่นเอง แต่สิ่งที่ทำให้เราเซอร์ไพรส์ก็คือการที่ยูฟฟี่มาปรากฏตัวและโดนเล่นงานแทนที่จะเป็นเด็กสาวอย่างพริสซิลลาเหมือนในต้นฉบับครับ (เข้าใจว่าอาจจะป้องกันปัญหาจากฉากผายปอดก็เป็นได้) เมื่อเราเข้าไปช่วยยูฟฟี่และกำจัดบอสลงได้ เดโมในช่วงที่สองก็จบลง และถ้าให้เดาก็คิดว่ายูฟฟี่จะเข้าปาร์ตี้ทันทีหลังจากนี้ล่ะครับ ไม่ต้องไปรอสุ่มเจอเหมือนต้นฉบับอีกแล้ว
นี่เป็นอีกหนึ่งเกมที่พอเราได้ลองแล้วก็รู้สึกว่า “ออกวันนี้เลยได้ไหม?” เหมือนกันครับ รออ่านรีวิวจากเราในวันเกมออกด้วยนะ!