Reviews

รีวิว Prince of Persia: The Lost Crown [REVIEW]

by Reviewer Ocelot

รีวิว Prince of Persia: The Lost Crown [REVIEW]

รีวิว Prince of Persia: The Lost Crown [REVIEW]

สเปกคอมที่ใช้เล่นเกมนี้คือ

Intel(R) Core(TM) i7-10700 CPU @ 2.90GHz   2.90 GHz

NVIDIA GeForce RTX 3070

RAM 32 GB

*ขอขอบคุณทาง Ubisoft สำหรับโค้ดเกมเพื่อการรีวิวครั้งนี้ด้วยครับ

เกือบ 19 ชั่วโมง ที่ผมได้เดินทางไปกับซาร์กอนจนได้เห็นฉากจบของ Prince of Persia ผมขอจั่วหัวไว้ตอนนี้เลยว่า ผมชอบเกม PoP ภาคนี้ ถ้านับเกม Ubisoft ที่ออกมาก่อนหน้าไม่นานอย่างมิราจ อวตาร และเดอะ ลอสต์ คราวน์ ผมชอบ เดอะ ลอสต์ คราวน์ มากที่สุด มันไม่ใช่เกมที่ไร้ที่ติ หรือ สมบูรณ์แบบอะไรขนาดนั้น แต่ในเวลาที่เล่นไปเกือบทั้งหมด มันสามารถหล่อเลี้ยงความบันเทิงของผมได้ ซึ่งเดี๋ยวผมจะแกะให้ดูว่าของมันดียังไง แล้วมันมีส่วนไหนที่ต้องปรับปรุง

ในแง่เนื้อเรื่องต้องปูพื้นก่อนว่าถึงเกมมันจะใช้ชื่อ Prince of Persia แต่ว่าเราไม่ได้รับบทเป็นเจ้าชาย เรารับบท ซาร์กอน นักรบขั้นสูงของกลุ่มที่ชื่อว่า อิมมอร์ทัลส์ แล้วเรื่องราวมันก็ดำเนินไปจนเกิดเหตุการณ์ที่อยู่ดี ๆ วันหนึ่งเจ้าชายก็ถูกลักพาตัวไป โทมีริส ราชินีแห่งเปอร์เซียก็สั่งการให้อิมมอร์ทัลส์ทั้ง 7 รวมซาร์กอนด้วยไปตามหาเจ้าชายที่ภูเขากัฟ ซึ่งมันเป็นพื้นที่อันตรายเพราะว่าโดนคำสาปแห่งกาลเวลา ถ้าหลงเข้าไปโอกาสรอดกลับออกมาก็ริบหรี่

พอเข้าไปแล้วไอ้พวกอิมมอร์ทัลส์ต่างแยกย้ายกันออกค้นหาเจ้าชาย แล้วก็ไปเจอกับเหตุการณ์ประหลาด ๆ อย่างตัวของ ซาร์กอน อยู่ดี ๆ ก็เดินไปเจอศพตัวเอง หรือ พอกลับมาเจอเพื่อน เพื่อนก็บอกว่าตามหาเจ้าชายมา 3 วัน แล้วนะ แต่ซาร์กอนก็บอก “เฮ้ย เดี๋ยว เราเพิ่งเข้ามาได้แปปเดียวเองไม่ใช่เหรอ” ก็คือต่างคนต่างหลอนเหมือนติดอยู่ในเขาวงกตที่มันมีเส้นเวลาซ้อนทับกันแบบไม่จำกัด ซึ่งผมคิดว่าไอ้เซตติ้งแบบนี้น่าสนใจมาก มันสามารถขยี้ หรือ เล่นกับจิตใจของตัวละครได้เยอะ น่าเสียดายว่าในแง่เนื้อเรื่อง เขาไม่ได้ขับเน้นศักยภาพตรงนี้ไปให้สุด แต่โดยภาพรวมก็ไม่ถือว่าพอเอาตัวรอดไปได้

หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วถ้าเราไม่ได้เล่นเป็นเจ้าชาย มันจะเป็น Prince of Persia ได้ยังไง ผมจะพูดแบบไม่สปอยล์ว่า เจ้าชายยังมีบทบาทสำคัญในภาคนี้ มีพวกฉากย้อนเวลาที่มันเหมือนเล่นวิดีโอย้อนหลังแบบภาคก่อน ๆ ด้วย แต่มันจะไม่ใช่เจ้าชายที่คุณคุณคุ้นเคยในไตรภาค The Sands of Time เพราะนี่เป็นการตีความเจ้าชายใหม่ในแบบที่ค่อนข้างจะฉีกจากความคุ้นเคยเดิม ๆ ของเรา ซึ่งมันจะเป็นยังไงอันนั้นผมก็ขอให้คุณไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง

สิ่งที่โดดเด่นมากอีกอย่างของภาคนี้คือเขาดัดแปลงเทวตำนานของชาวเปอร์เซียมาใช้ในเกมฉ่ำมาก บอสหลายตัว เทพหลายองค์ มีข้อมูลเทวตำนานรองรับแทบทั้งหมด อย่างเทพที่เด่น ๆ ในภาคนี้ก็คือ Simurgh ที่เป็นเหมือนกับฟีนิกซ์เวอร์ชันเปอร์เซีย เป็นเทพแห่งปัญญาที่อยู่มานานจนเห็นโลกโดนทำลายไปถึง 3 ครั้ง Simurgh ก็จะมีบทบาทหลักในภาคนี้ครับ เพราะขนของเทพองค์นี้จะช่วยให้ซาร์กอนได้พลังแห่งการควบคุมเวลาและพื้นที่มา เป็นพลังส่วนสำคัญที่จะต้องใช้ในการดำเนินเนื้อเรื่องของเกม

รวมถึงบุคคลสำคัญอย่างกษัตริย์ดาริอุสแห่งจักรวรรดิเปอร์เซียก็จะมีบทบาทในเกมอย่างคาดไม่ถึงเหมือนกัน จนนี่เป็นภาคที่ผมรู้สึกว่ามันอ้างอิงเทวตำนานของเปอร์เซียมากยิ่งกว่าเจ้าชายภาคก่อน ๆ

เกมเพลย์

มาว่าในส่วนของเกมเพลย์กันบ้าง ก็อย่างที่หลายคนรู้กันดีว่าเกมนี้จะเป็นแนวเมทรอยด์วาเนีย ตัวละครผจญภัยในโลกแบบ 2.5 D ช่วงต้น ๆ สักชั่วโมง สองชั่วโมง ที่มันเป็นเหมือนการแนะนำตัวละคร แนะนำระบบเบื้องต้น ผมสารภาพว่าตอนนั้นผมไม่มั่นใจเลยว่าจะชอบเกมนี้รึเปล่า แต่หลังจากที่เล่นจนได้ธนูมา ได้กงจักรมา เริ่มเห็นการใช้อุปกรณ์กับสกิลของเราในแก้พัซเซิล เกมมันก็ค่อย ๆ ปล่อยของออกมาเรื่อย ๆ แล้วพอไปถึงสักสี่ถึงห้าชั่วโมงขึ้นไปมันจะเริ่มเสพติด แล้วส่วนสำคัญส่วนแรกที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ก็คือเรื่องของงานออกแบบฉาก

เลเวลดีไซน์ของเกมนี้ก็จะมีพื้นฐานเหมือนเกมเมทรอยด์วาเนียทั่ว ๆ ไปครับ ใครที่เคยเลย Hollow Knight หรือเกมอย่าง Blasphemous มา จะเข้าใจ คือ เกมมันจะไม่ได้ดำเนินเป็นเส้นตรงแบบบังคับเส้นทางว่าเราต้องไปทางนี้ทางนั้น เขาจะปล่อยเราในแผนที่ที่เปิดกว้าง คุณจะไปทางไหนก็ได้นะครับ (ถ้าคุณไปได้นะ)

แต่แน่นอนมันก็จะมีจุดที่เกมมันบังคับเลยว่า ตรงนี้ยูยังผ่านไม่ได้ เพราะต้องไปเอาสกิลบางอย่างมาก่อน ลักษณะการเล่นมันก็จะออกแนวให้เราต้องวิ่งไปวิ่งกลับ ใช้แท่น Fast Travel ซึ่งแต่ละแท่นห่างกันค่อนข้างไกล นี่คือความยากอย่างแรกเลยที่คุณจะได้เจอถ้าคุณไม่เคยเล่นเกมแนวนี้มาก่อน ส่วนความยากของศัตรูเดี๋ยวผมไปพูดถึงทีหลัง

แล้วสิ่งที่จะบอกก็คือ ตอนผมเล่นเกมนี้ ผมได้กลิ่น Hollow Knight แรงมาก ทีแรกผมก็สงสัยว่ามันอาจจะเป็นแค่องค์ประกอบของเกมแนวนี้ที่มันมีร่วมกันเฉย ๆ แต่พอเล่นไปเรื่อย ๆ ผมหายสงสัยเลย มันจะมีจุดที่บอกได้ทันทีเลยว่าพี่ได้แรงบันดาลใจจาก Hollow Knight ล้านเปอร์เซ็นต์ ออกตัวก่อนว่าพูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นเรื่องแย่นะครับ ผมไม่ได้ซีเรียสกับการหยิบยืมองค์ประกอบข้ามเกมอื่นมาใช้ มันอยู่ที่ว่าหยิบยืมมาใช้จริงแล้วมันสนุกมั้ย ซึ่ง Prince of Persia ภาคนี้ทำได้ครับ แล้วเขาก็มีการต่อยอดให้มันมีลักษณะที่เข้าถึงผู้เล่นได้มากกว่า

ยกตัวอย่าง ในเกมนี้จุดเช็กพอยต์เติมพลังของเราจะเป็นต้นไม้ทองชื่อ Wak Wak เวลาที่เราไปเปิดแผนที่ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยไป ถ้าเราอยู่ใกล้ต้นไม้นี้ มันก็จะมีสายลมสีทองคอยช่วยนำทางให้เรา อย่างน้อยมันอุ่นใจในระดับหนึ่งว่าจุดเซฟอยู่ใกล้ ๆ นี่แหละ

หรือ พอคุณเจอทางที่คุณยังไม่สามารถไปได้เพราะยังไม่มีสกิล เกมเขามีระบบถ่ายรูปฉากให้ด้วย (ไม่ใช่ Photo Mode) มันเป็นกลไกที่เวลาเราถ่ายรูปเสร็จมันจะขึ้นเป็นสัญลักษณ์รูปดวงตาบนแผนที่ ซึ่งมีประโยชน์มากนะครับ เวลาเราเล่นไปไกล ๆ แล้วจะย้อนกลับมา ก็เปิดมินิแมปแล้วกดที่ดวงตาดูได้เลยว่าไอ้ฉากที่เราเคยติดตอนนั้นเราติดเพราะอะไร แล้วความสามารถเราในตอนนี้จะผ่านได้รึยัง

แล้วถ้าคุณหาทางไปไม่เจอจริง ๆ คุณสามารถเอาค่าคริสตัลในเกมไปซื้อคำใบ้กับ NPC ที่ชื่อ Fariba ได้ ซึ่งน้องก็จะบอกชื่อเขตให้เราไปสำรวจเลยถ้าเราอยากจะดำเนินเนื้อเรื่องหลักต่อไป แต่อย่างที่บอกครับมันคือตัวช่วย ถ้าคุณรู้สึกว่าไม่อยากได้ใครมาช่วยนำทางทั้งนั้น คุณจะไม่ซื้อก็ได้

และพอพูดถึงการสำรวจ ผมก็ขอพูดถึงเสาหลักของเกมภาคนี้เลยคือ พัซเซิล หรือ ปริศนาในเกมครับ ที่มีเยอะ แล้วดีด้วย ผมจะแบ่งส่วนพัซเซิลในเกมนี้เป็น 2 แบบ ก็คือส่วนที่เป็นพัซเซิลธรรมดา เช่น การใช้กงจักรเปิดกลไก แล้วก็พัซเซิลแบบเน้นแพลตฟอร์มที่ต้องอาศัยความแม่นยำของการกระโดด การใช้สกิลต่าง ๆ เพื่อฝ่ากับดักแล้วไปให้ถึงจุดหมายให้ได้ แล้วผมคิดว่าพัซเซิลเนี่ยแหละคือสิ่งที่ล่อผมอยากจะออกสำรวจต่อไปเรื่อย ๆ แบบไม่เบื่อ

ที่สำคัญในแต่ละเขตที่เราได้เข้าไป เอาแบบที่เป็นเนื้อเป็นหนังก็ประมาณ 10  เขต ทุกเขตมีเอกลักษณ์ทั้งในแง่ศัตรูและลูกเล่นของฉากสูงมาก อย่างในเขตแรกมันก็จะเป็นเขตที่มีศัตรูระดับพื้นฐานเหมือนมาคอยช่วยเทรนเบสิกการต่อสู้และการเคลื่อนไหวให้เรา เขตที่มันเป็นพื้นที่ใต้ดินของเมืองมันก็จะมีบึงพิษ ศัตรูที่เป็นพวกแมลง

แล้วเขตที่ผมชอบที่สุดคือเขตที่มันเป็นหอจดหมายเหตุ มันก็จะมีศัตรูที่ตอนแรกเราไม่สามารถกำจัดมันได้ เราทำได้แค่ตีให้มันล้มชั่วคราวแล้วอาศัยจังหวะหนี แล้วลูกเล่นของฉากมันก็โคตรครีเอต คือมันจะเป็นแท่นที่ยื่นเข้ายื่นออกตามทิศทางการหันหน้าของเรา สมมุติหันไปทางซ้ายมันจะยื่นออกมา หันไปทางขวามันจะหดกลับไป แค่คอนเสปแบบนี้เขาก็เอาไปใช้ทำเป็นพัซเซิลได้หลากหลายแบบแล้ว

แล้วที่มันร้ายกาจมากกว่านั้นก็คือมันจะมีพัซเซิลที่ตอนแรกผมก็นึกไม่ออกนะว่า เราจะฝ่ากับดักตรงนี้แล้วกระโดดไปถึงอีกฝั่งได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่พลังแก้ปริศนาตรงส่วนนั้นเราก็ได้มาแล้ว แต่พอไขปริศนาออกแล้วมานึกย้อนหลังดูมันจะเป็นโมเมนต์แบบ “เฮ้ย ไอ้คนคิดมันคิดได้ยังไง”

ทีนี้ผมเข้าใจที่หลายคนอาจจะกังวลว่าถ้าไม่ใช่คนชอบแนวแพลตฟอร์ม มันจะเล่นผ่านมั้ย ต้องบอกอย่างนี้ครับว่า ถ้าพัซเซิลกับดักตรงไหนมันเกินกำลัง คุณสามารถเปิดประตูวาร์ปได้นะครับ แค่เข้าไปในหน้าจอเมนูเลือกหัวข้อ Accessibility แล้วเปิดให้มันมีประตูวาร์ป เท่านี้เองครับ พอคุณเจอพัซเซิลที่มันมีประตู ก็ให้กดเข้าไป มันก็จะพาคุณวาร์ปผ่านไอ้ชุดกับดักนั้นไปได้ทันที ทีนี้ต้องบอกก่อนว่ามันก็ไม่ได้มีทุกที่ มันจะมีเฉพาะบางจุดที่สำคัญ ๆ  แล้วถ้าคุณใช้ประตูวาร์ปตลอดเวลา ผมว่ามันจะลดทอนความสนุกไปเยอะ เพราะการเน้นฝ่ากับดักและการเน้นแพลตฟอร์มเป็นจุดขายประมาณ 40 ถึง 50% ของเกมนี้ ถ้าคุณรู้สึกไม่แฮปปี้กับมันเลย เล่นแล้วรู้สึกทรมานมากกว่า ผมคิดว่าสไตล์ความชอบของคุณอาจจะไปต่อกับเกมนี้ยากเหมือนกัน

ทั้งหมดที่พูดไปก็เพื่อจะบอกว่า ในมิติของการสำรวจ ในแง่ของพวกพัซเซิล ผมไม่รู้จะหักคะแนนอะไร คืองานเลเวลดีไซน์ของเกมนี้มันชวนให้เราอยากเดินหน้าสำรวจต่อ ทั้งที่ของรางวัลหลายอย่างตอนเราทำสำเร็จน่ะมันจะเป็นรางวัลที่ก็ไม่ได้มีมูลค่าอะไรมากมาย แต่มันสนุกที่จะทำ คือทำเอามันได้เลย แล้วเวลาเกือบ 19 ชั่วโมง ผมยังเก็บพวกไอเทมพวกความลับต่าง ๆ ไปได้แค่ประมาณ 56% แล้วก็ยังมีพื้นที่ที่ยังไม่ได้เปิด Map อีกเยอะ เพราะฉะนั้น Replay Value ของเกมนี้ ผมให้อยู่ในระดับที่สูง ผมเล่นเน้นเอาจบเนื้อเรื่องหลักก็เกือบ 19 ชั่วโมง ถ้าจะเอาทุกอย่างครบผมว่ามีสิทธิแตะ 30 ชั่วโมง นี่ก็คือส่วนของการสำรวจครับ ได้เต็มไม่ตัดคะแนน

ระบบต่อสู้และศัตรู

เกมนี้เขาวางบทให้ซาร์กอนเป็นนักรบที่มีความคล่องแคล่ว ตีเร็ว แต่ก็ตัวบาง กลไกหลักของระบบต่อสู้ที่จะอยู่กับเราไปทั้งเกมมันก็จะมีทั้งการโจมตีต่อคอมโบธรรมดา ตีสกัดขาศัตรูบางแบบให้ล้ม ตีขึ้นแล้วก็กระโดดไปต่อคอมโบกลางอากาศ ใช้ธนู ใช้กงจักร มีการแดช และแน่นอนครับ หัวใจสำคัญเลยคือการปัดป้อง หรือ แพร์รี

นอกจากนี้ก็จะมีการใช้สกิลต่าง ๆ มาช่วยในการต่อสู้ทั้งพลังที่เกี่ยวกับเวลาเช่น การย้อนตัวเองกลับไปตำแหน่งที่ไม่ถูกศัตรูโจมตี หรือ การใช้พวกท่าที่เรียกว่า Athra Surges พูดง่าย ๆ ว่าเป็นท่าไม้ตายแบบจะใช้ครั้งนึงก็ต้องใช้เกจพลังที่เราได้มาจากการโจมตี หรือ ปัดป้องศัตรู Athra Surges มันก็จะมี 10 ท่า แบ่งเป็น 3 ระดับ แต่เราต้องเลือกติดตั้งได้แค่ 2 ท่า ต่อครั้งเท่านั้นนะครับ เพราะเอาจริง ๆ ท่าพวกนี้ก็แรงและมีประโยชน์ในหลาย ๆ สถานการณ์

อีกเรื่องคือนอกจากท่าพื้นฐานและพวกสกิลแล้ว เครื่องรางในเกมนี้ก็มีบทบาทเยอะด้วย มันไม่ใช่แค่มาเพิ่มพวกค่าสเตตัส แต่เครื่องรางบางชิ้นสามารถยกระดับการต่อสู้ของเราเลย เช่น มีเครื่องรางชิ้นนึงที่ทำให้เราสามารถตีเป็นคอมโบติดกัน 4 ทีได้ หรือ เครื่องรางที่พอใส่แล้วทำให้เรามีความสามารถกดหลบการโจมตีแล้วสวนกลับศัตรู

ที่สำคัญก็คือเครื่องรางพวกนี้สามารถอัปเกรดได้เหมือนอาวุธ วิธีการอัปเกรดก็ไปหาเทพช่างตีเหล็กจ่ายคริสตัลเครื่องรางคุณก็จะได้รับการอัปเกรดไปอีกขั้น มันทำให้รูปแบบการต่อสู้มันมีความหลากหลาย ยิ่งช่วงหลังเครื่องรางนี่ห้อยกันเป็นพระเครื่องเลยครับ อยากจะเล่นสไตล์ไหน ก็ปรับเปลี่ยนดัดแปลงได้ตลอด

ถึงแบบนั้น ระบบต่อสู้จะดีได้ ไม่ใช่แค่ตัวละครเราดีอย่างเดียว ศัตรูที่ออกแบบมาก็ต้องดีด้วย อธิบายคร่าว ๆ ก่อนว่าศัตรูในเกมนี้จะมีการโจมตี 3 รูปแบบ ตีธรรมดา ตีสีเหลือง ตีหนักก็สีแดง คือตีธรรมดากับตีสีแดงมันเป็นอะไรที่เกมเมอร์สายแอ็กชันที่มีประสบการณ์ส่วนใหญ่จะเข้าใจกันอยู่แล้ว แต่การตีสีเหลืองในเกมนี้มันจะพิเศษกว่า เพราะถ้าเราแพร์รีสำเร็จ มันก็จะตัดเป็นฉากคัตซีนสั้น ๆ ที่เราโต้ศัตรูได้ บางครั้งคือเอาถึงตายได้เลย

แล้วที่ผมชอบอย่างนึงก็คือ สภาพแวดล้อมในเกมนี้ พวกหนาม พวกกับดัก มันโจมตีไม่เลือกฝ่ายนะครับ เพราะฉะนั้นบางครั้งเรารู้สึกศัตรูมันตึงมือมาก เราตีศัตรูให้ไปกระเด็นโดนกับดักตายได้เลย หรือจะเอาพื้น ๆ ก็ทำให้มันพวกมันตกเหว เพราะฉะนั้นในแง่ของกลยุทธ์การต่อสู้ของเกมนี้มันมีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้เยอะ

แต่ก็ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าศัตรูเกมนี้ยากนะครับ เพราะมันตีเราแรงมาก ถึงจะเลือกความยากระดับธรรมดามันตีเราแปปเดียวก็ตายแล้ว ตรงตามคอนเสป แล้วอย่างที่บอกไปด้านบนครับว่า ศัตรูในเกมนี้มันมีความหลากหลาย เข้าเขตนึงก็ต้องปรับตัวกับศัตรูในเขตนั้น แล้วอีกเรื่องนึงที่ต้องเตือนกันไว้ก่อน การแพร์รีของเกมนี้มีข้อเสีย ถ้าคุณกดแพร์รีเร็วเกินไป แล้วศัตรูมันตีคุณได้ คุณโดนความเสียหายแรงกว่าการให้มันตีเปล่า ๆ นะครับ

เพราะฉะนั้น มันไม่ใช่เกมที่จะกดรัวปุ่มแล้วชนะ มันต้องอาศัยการจับจังหวะค่อนข้างมาก อาศัยความรู้ของท่าโจมตีศัตรูคุณถึงจะอยู่รอด อันนี้นับตั้งแต่เล่นระดับธรรมดาไปเลยนะครับ ถ้าระดับยากกว่านี้ผมยังไม่ได้ลอง มันสยองเกินไป

ส่วนบอสหลักของเกมนี้ ถ้าไม่นับบอสตัวแรก กล้าพูดเลยว่าออกแบบมายากแต่ดีทุกตัวครับ แต่ละตัวมีสไตล์การต่อสู้ที่เราต้องตายสักสี่ห้ารอบ เราถึงจะพอจับทางแล้วเอาคืนมันได้ แล้วทุกตัวก็จะมีเฟสสองของตัวเอง มันจะสนุกตรงที่ท่าของบอสมันจะบีบให้เราใช้พลังอะไรบางอย่างตลอด เช่น ท่าที่มันจะปล่อยลูกระเบิดคลุมทั้งสนาม ตรงนี้เราสามารถฉวยโอกาสใช้พลังกรงเล็บเปิดมิติ ขโมยระเบิดมันมาแล้วปากลับไปใส่มันได้ บอสไฟต์ในเกมนี้มันค่อนข้างทรงคุณค่า โดยเฉพาะบอสตั้งแต่กลางเกมเป็นต้นไปแต่ละตัวอย่างเดือด

พอพูดถึงการต่อสู้ ก็ต้องแวะไปพูดเรื่องฉากแอ็กชันแบบมีคัตซีนในเกมหน่อยนะครับ เบียวโชเน็นทะลุปรอตมาก คือตอนดูตัวอย่างผมก็พอจะเก็ตระดับนึงว่า สไตล์ก็คงจะมาแนวทางอนิเมะ แอ็กชันมีความวูบวาบ รวดเร็ว แต่ผมก็ไม่นึกถึงขั้นว่าผมจะได้เห็นซาร์กอนมันปล่อยพลังหมัดคลื่นเปอร์เซียสะท้านฟ้า ไม่นึกว่าจะเจอเวอร์จิลในเกมนี้ด้วย ตรงจุดนี้มันขึ้นอยู่กับเทสต์ของแต่ละคนแล้วนะครับว่าคุณจะซื้อหรือไม่ซื้อ บางคนอาจจะคิดว่ามันฉีกจากความเป็น PoP มากไปหน่อย แต่สำหรับผมผมไม่ได้มีปัญหา เพราะเขาทำออกมาแล้วมันดูมัน คือถ้าจะฉีกก็ไปให้มันสุดไปเลย

จุดที่มีประเด็น

ชมมาเยอะนี่มีข้อเสียบ้างมั้ย ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ข้อเสียคือกราฟิกครับ ผมรู้สึกแปลกใจว่าแนวทาง Art Direction ของเกมภาคนี้มันก็ดูไม่ต้องอาศัยพลังเอ็นจินอะไรขนาดนั้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้ผมรู้สึกว่า ขอโทษนะ ผมรู้สึกว่าเกมมือถือบางเกมยังสวยกว่า คือ Texture บางครั้งเห็นเป็นก้อนดินน้ำมันมาเลยแบบนี้มันก็ไม่ไหว เข้าใจว่าด้วยความที่ต้องเป็นเกมลงหลายแพลตฟอร์ม แล้วก็มีการพูดกันมาก่อนหน้านี้ว่าเกมนี้จะรันได้ 60 FPS บนทุกเครื่อง ก็คงจะด้วยสาเหตุนี้แหละที่คุณภาพกราฟิกมันได้อย่างที่เห็น

แต่ขนาดไม่ได้มีกราฟิกแรง บางครั้งที่ผมเล่น ผมยังรู้สึกกระตุก ๆ นิดนึง แล้วพวกวัตถุในเกมที่มันต้องมีการถูกทำลายแล้วโผล่ขึ้นมาซ้ำ ๆ บางครั้งเหมือนเสกออกมาจากอากาศเลยนะครับ ก็รอดูว่าตัวเกมเต็มเขาจะออกแพตช์มาแก้ได้มากน้อยแค่ไหนหลังจากวางจำหน่ายไปแล้ว

สรุป

Prince of Persia: The Lost Crown เป็นเกมแนวเมทรอยด์วาเนียที่โดดเด่นทั้งในแง่การสร้างโลก การสำรวจ มีพัซเซิลที่คิดมาดีมาก มีบอสไฟต์ที่ก็ดีไม่แพ้กัน แล้วตัวเกมก็ส่วนผสมของความเป็น Hollow Knight มีฉากแอ็กชันกับอาร์ตสไตล์แบบโชเน็น เหมือนจะมั่ว แต่ผสมออกมาแล้วโคตรนัว โคตรอร่อย เพราะฉะนั้นผมขอเคาะคะแนนให้ที่ 8 คะแนน ครับ 1 คะแนนหายไปเพราะเรื่องของกราฟิก ส่วนอีก 1 คะแนนหายไปเพราะเรื่องบั๊ก การเก็บงานไม่เนี๊ยบ แล้วเรื่องของประสิทธิภาพการแสดงผล

แต่ในภาพรวมมันเป็นเกมเปิดปีของ Ubisoft ที่ไม่แย่เลย แนะนำให้เล่น สำหรับคนที่ไม่ชอบเกมแนวเมทรอยด์วาเนีย หรือ คนที่ยังลังเลจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ครับ ลืมที่ผมพูดไปให้หมด แล้วไปลองเดโมกันเองได้เลยตอนที่รีวิวนี้ลง เดโมก็น่าจะมีให้ดาวน์โหลดแล้วทุกแพลตฟอร์ม

ส่วนใครที่สนใจจริง ๆ เกมจะวางจำหน่าย 18 มกราคมนี้นะครับ แต่ถ้าคุณซื้อชุดดีลักซ์ เอดิชัน คุณได้เล่นเกมก่อน 3 วัน ก็คือวันที่ 15 เล่นได้เลย

  • งานเลเวลดีไซน์เข้าขั้นสุดยอด
  • พัซเซิลถูกคิดมาอย่างดี มีสม่ำเสมอตลอดเกม
  • บอสไฟต์ที่น่าจดจำ
  • มีความลับและไอเทมให้สำรวจอีกมากมาย
  • คุณภาพกราฟิก
  • ปัญหาด้านเทคนิคและการแสดงผล

The Review

80% การกลับมาอย่างน่าทึ่งของเสาหลักยูบิซอฟต์

การกลับมาอย่างน่าทึ่งของเสาหลักยูบิซอฟต์

80%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ข้ามไปยังทูลบาร์