รีวิว The Elder Scrolls Online: Gold Road
*ขอขอบคุณโค้ด PC สำหรับการรีวิวจากบริษัท ZeniMax Online Studios และ Bethesda Softworks มา ณ โอกาสนี้ครับ
The Elder Scrolls Online หรือ ESO เป็นเกม MMO ระดับตำนานที่อยู่คู่วงการมานานนับสิบปีครับ เป็นตัวเลขที่เหลือเชื่อมาก เพราะมีไม่กี่เกมหรอกครับ ที่อยู่นานเป็นดาวค้างฟ้าได้ในระดับนี้
โดยสำหรับตัวผมเอง เคยเล่นเกมนี้ครั้งแรกสมัยเกมออกใหม่ ๆ นู่นเลย จำได้ว่าตอนนั้นต้องเข้าไปเล่นเพื่อทำความรู้จักตัวเกม และต้องใช้เป็นข้อมูลในการเขียนบทความลงนิตยสารเกม หลังจากนั้นก็แทบไม่ได้เล่นอีกเลย จนตัวเกมมาลงเป็นคอลเลกชันใน PS Plus แคตตาล็อก ผมก็ลองเข้าไปเล่นอีกครั้งนึง จากนั้นก็หยุดเล่นไปตามระเบียบ เพราะมีเกมใหม่ ๆ ต่อคิวให้ต้องเล่นเต็มไปหมด
ด้านความรู้สึกที่พอจะจำได้เวลาพูดถึงเกมนี้ ผมก็จะคิดถึง “โลกเกม” ที่กว้างใหญ่ในบรรยากาศแบบ Elder Scrolls การเดินทางในโลกเกมสร้างความเพลิดเพลินได้ดี แถมเควสต์ก็น่าสนใจคล้ายคลึงกับเกมภาคหลักที่เป็นเกมแบบเล่นเดี่ยว
อย่างไรก็ตาม เหตุผลสำคัญที่ทำให้ผมเล่นเกมนี้ (รวมไปถึงเกม MMO เกมอื่น ๆ) ได้ไม่นาน ก็คือระบบเกมเพลย์และการต่อสู้ที่น่าเบื่อไปซักนิด, ความจำเจของรูปแบบภารกิจ และการที่เป็นคนไม่ชอบเข้าตี้ ไม่ค่อยเล่นร่วมกับคนอื่น ยิ่งทำให้กลายเป็นคนที่เล่น MMO ได้ไม่ทน เล่นได้ไม่นานก็วางมือ
แต่เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนถึงปี 2567 ทีมงาน ESO ที่ยังคงมีไฟทำงานกันอย่างเต็มเปี่ยม ก็ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ครับ พวกเขาตัดสินใจเข็นบทใหม่อันเป็นตำนานบทต่อไปของ Elder Scrolls ในชื่อ The Elder Scrolls Online: Gold Road โดยมันมาพร้อมเควสต์หลักที่มีความยาว 30 ชั่วโมง และนำเสนอเนื้อเรื่อง ตัวละคร และพื้นใหม่ให้ได้เล่นกัน ซึ่งเอาเข้าจริง พอไม่ได้เล่นมานานแล้วกลับมาเข้าสู่โลกเกมอีกครั้ง มันก็ทำให้รู้สึกสดใหม่ได้เหมือนกันนะ!
เนื้อเรื่อง
ผมจะไม่สปอยล์อะไรมาก จะขอเล่าพล็อตคร่าว ๆ เกี่ยวกับภาคเสริมชุดนี้ให้ทราบดังนี้ กล่าวคือ Gold Road จะพาผู้เล่นกลับไปยังสถานที่ที่พบเห็นครั้งสุดท้ายใน The Elder Scrolls IV: Oblivion และสานต่อเรื่องราวของปีก่อนหน้าซึ่งถูกเริ่มต้นไว้ในบท Necrom ด้วย
ใน Gold Road นั้น ผู้เล่นต้องออกสืบเสาะเรื่องราวของตัวละครหญิงลึกลับชื่อ Ithelia ซึ่งเป็นหนึ่งใน Daedric Prince ที่ไม่เคยปรากฏตัวใน Elder Scrolls มาก่อน และเปิดเผยแผนการลับของเหล่าสาวกผู้อุทิศตนให้กับนาง เราในฐานะฮีโรหน้าใหม่ ต้องออกไปปกป้องชาว West Weald ให้รอดพ้นจากหายนะอันเกิดขึ้นเพราะการกลับมาของสิ่งชั่วร้ายในครั้งนี้
ทั้งหมดนั่นก็คือโครงเรื่องคร่าว ๆ ครับ ซึ่งพอผมได้เข้าไปเล่นจริง เควสต์หลักมันเดินเรื่องช้ามาก เพราะส่วนใหญ่ที่จะเจอคือบรรดาภารกิจรองที่ได้รับระหว่างทางเต็มไปหมด
ถ้าจะให้อธิบายความรู้สึก ผมคิดว่า Gold Road นี่เหมือนกับเกม RPG เต็ม ๆ เกมหนึ่ง ขนาดของเรื่องราวและพื้นที่ใหม่ในคราวนี้ เทียบได้กับเกม RPG แบบเกมเต็มของค่ายอื่น ๆ เกมนึงได้เลยนะ ถ้าใครแคร์ประเด็นนี้ ผมขอบอกเลยว่ามันคุ้มค่าเงินที่เสียไปแน่นอน
แต่ก็มีประเด็นที่น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะผมคิดว่า เรื่องราวใน Gold Road มันออกจะไร้ความตื่นเต้นไปซักหน่อย หรือไม่เราก็เห็นสไตล์ของพล็อตแบบนี้กันมาเยอะแล้ว จนไม่ค่อยรู้สึกว้าวอะไรมากมาย ออกจะเป็นแนวเล่นไปได้เรื่อย ๆ เสียมากกว่าครับ
เกมเพลย์
ESO คือตัวอย่างที่ดีของการที่ผู้เล่นต้องอาศัยจินตนาการส่วนตัวเข้าช่วยไปด้วยเวลาเล่นเกมครับ! (ฮา)
อธิบายให้เห็นภาพก็คือ เกมนี้มันเป็น MMO แนวดั้งเดิมมาก ๆ ออกจะตกยุคไปแล้วด้วยซ้ำ ทำให้ทั้งระบบการต่อสู้ไปจนถึงกราฟิกมันค่อนข้างจะดูล้าสมัยไปบ้างพอสมควร ยิ่งถ้าคุณเอาไปเทียบกับฉากคัตซีนอลังการก่อนเข้าเกม หรือภาพอาร์ตเวิร์กสุดคลาสสิกที่เกมเปิดให้ดูระหว่างหน้าจอโหลด คุณจะยิ่งเห็นความแตกต่าง
จากภาพสวย ๆ พอเข้าเกมเล่นจริง กลายเป็นตัวการ์ตูนที่เดินเก้ง ๆ ก้าง ๆ ไปซะอย่างนั้น…
แต่สำหรับผมที่เกิดทันยุคเกมรุ่นคุณปู่ จึงไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ และเมื่อเล่นไปนาน ๆ ผมก็พบว่า ความสนุกของเกมนี้แท้จริงแล้วมันคือการได้อาศัยอยู่ในโลกจำลองที่มีผู้คนวิ่งไปมา ปะปนกันทั้งคนจริงและตัว NPC ครับ
พอผมเริ่มปล่อยวางเรื่อง “การวิ่งเควสต์” แล้วเล่นไปเรื่อย ๆ แบบฟรีโรม ผมพบว่าเกมสนุกขึ้นมาก และเกมทำมาได้ดีจริง ๆ เพราะดินแดน West Weald สวยงาม น่าประทับใจ และที่สำคัญคือ “มีคนออนไลน์เข้ามาเล่นกันเยอะมาก!” คนเพียบไม่มีเหงาแน่นอนครับ โดยเฉพาะในเมืองที่ดูก็รู้ว่าเป็นกลุ่มปาร์ตี้ที่จัดคณะกันมาผจญภัย เดินตามกันเป็นแถว ดูแล้วก็เพลินตาดีเหมือนกัน
ด้านระบบเกมใหม่ที่ไม่พูดถึงเลยเห็นจะไม่ได้ ก็คือระบบ Scribing โดยระบบนี้ช่วยให้ผู้เล่นสามารถใช้คัมภีร์อันมีลักษณะเฉพาะตัวมาสร้างและปรับแต่งความสามารถให้เหมาะกับรูปแบบการเล่นและการสร้างตัวละครเฉพาะของตัวเอง Scribing ถือว่ามีประโยชน์มากสำหรับคนที่เล่นเป็น และอยากปรับสกิลให้ใช้งานได้ตามใจนั่นเองครับ
นอกจากนี้ Gold Road ยังมี Lucent Citadel ซึ่งเป็นบททดสอบใหม่แบบกลุ่มสำหรับ 12 ผู้เล่น โดยในบททดสอบนี้ ผู้เล่นสามารถรวมกลุ่มกันผจญภัยคลังสมบัติของ Daedric ซึ่งอยู่ในดินแดน Fargrave เผชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่เหมือนใครและไขปริศนา Arcane Knot ให้ได้เพื่อรับรางวัลพิเศษ
สรุป
The Elder Scrolls Online: Gold Road คือการเดินทางครั้งใหม่(อีกครั้ง) ในโลกของเกม Elder Scrolls ตัวเกมมีโลกที่ออกแบบมาอย่างดีให้คนเล่นได้เข้าไป “ใช้ชีวิต” และ “ผจญภัย” ไปกับผู้เล่นคนอื่น ๆ ในโลกออนไลน์ มันเป็นเกม MMO ในแบบอนุรักษ์นิยม ที่เล่นได้ทั้งแฟนเก่าและแฟนเกมยุคใหม่(ถ้าเปิดใจกว้างพอ)
อย่างไรก็ดี ในภาพรวมทั้งหมดของ Gold Road ที่นับเป็นส่วนขยายขนาดใหญ่ชุดที่ 8 ในรอบ 10 ปี ที่ยังคงแนวทางการเล่นไว้เหมือนเดิม ซ้ำ ๆ อยู่อย่างนี้ จนดูเหมือนไม่ค่อยมีการพัฒนา…ก็ให้เกิดความสงสัยว่า ช่วงเวลาชีวิตของ ESO จะยังเดินไปแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน?
จุดเด่น
- โลกเกมทั้งหมด คือดี, งานดี ออกแบบมาดี ตั้งใจทำ สามารถเดินทางไปตามที่ต่าง ๆ ในเกมได้แบบเพลิน ๆ
- บอส ออกแบบได้น่าสนใจ แถมด้วยดันเจี้ยนในเกมก็ถือว่าทำได้ดีเลยนะ ลุยดันฯ แล้วรู้สึกว่าสนุกจริง
จุดด้อย
- เนื้อเรื่อง (ทั้งภารกิจหลักและรอง) เรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ ไปนิดนึงนะครับ ไม่ค่อยมีจังหวะหักมุมให้เราสะดุ้งหายง่วงซักเท่าไหร่
- สเน่ห์ของเกมเพลย์แบบ MMORPG ดั้งเดิม…อาจเริ่มคลายมนต์ขลัง ในยุคที่ต้องแข่งขันกับเกมแอ็กชัน RPG ร่วมสมัยเกมอื่น ๆ ซึ่งหากคุณไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ ESO ก็สงสัยว่าคุณจะเล่นได้นานแค่ไหน
ใครสนใจอยากเล่น หรือยังเล่นอยู่ในเซิฟ PC-NA มาจอยตี้กันได้ครับ กลุ่ม FB The Elderscrolls Online Thailand(ESO) มีนัดลงดันใหญ่ 12 คนทุกวันศุกร์ ใครสงสัยว่าระบบต่อสู้มันสนุกมั้ยลองปั้นตัวมาลง end game content กันดูได้ครับ รอบละไม่เกิน 3 ชม.